JJNY : 'ฟอร์ติฟายไรต์' ร้องถอนร่าง│กมธ.มั่นคงฯ เจอส.ส.พท.-ประชาชาติแก้เกม│น้ำมันโลกปรับขึ้นอีก 2%│โวยหมีขาว ถล่มดนีโปร

พ.ร.บ.คุม NGO ละเมิดสิทธิเสรีภาพ 'ฟอร์ติฟายไรต์' ร้องทางการถอนร่าง กม.ทันที
https://prachatai.com/journal/2024/11/111451
 
'ฟอร์ติฟายไรต์' เรียกร้องเพิกถอนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมองค์กร NGO/มูลนิธิ โดยทันที ให้อำนาจรัฐกว้างขวาง สั่งถอนทะเบียนองค์กรด้วยคำที่คลุมเครือ ละเมิดเสรีภาพการรวมตัวชัดเจน
 
22 พ.ย. 2567 เว็บไซต์ Fortify Rights องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากล ออกแถลงการณ์วานนี้ (21 พ.ย.) เรียกร้องให้ทางการไทย เพิกถอนร่างพระราชบัญญัติสมาคมและมูลนิธิ (พ.ร.บ.องค์ไม่แสวงหาผลกำไร) เพราะว่าเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการคุ้มครองตามสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หลังกระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างกะทันหัน และอยู่ในกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชนเป็นทางการ
"ร่างพระราชบัญญัตินี้จะนำมาซึ่งหายนะอย่างร้ายแรงทั้งต่อประชาชน และภาคประชาสังคมในประเทศไทย เพราะให้อำนาจกับเจ้าพนักงานของรัฐในการจำกัดสิทธิทางพลเรือนและสิทธิทางการเมือง ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการเติบโตของสังคมประชาธิปไตย
 
"รัฐบาลไทยควรดำเนินการเพื่อถอนร่างพระราชบัญญัตินี้ทันที และควรให้คำมั่นในการส่งเสริมและคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตลอดจนสิทธิที่จะมีเสรีภาพในนการสมาคม" แมทธิว สมิธ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารฟอร์ติฟายไรต์ กล่าว
 
ฟอร์ติฟายไรต์ มองว่า ร่างพระราชบัญญัติองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กำหนดให้สมาคมและมูลนิธิทุกแห่งต้องจดทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทย เท่ากับเป็นการห้ามไม่ให้มีกลุ่มที่ไม่จดทะเบียน ทั้งยังมีข้อกำหนดการรายงานข้อมูลที่เข้มงวดโดยเฉพาะแหล่งทุนจากต่างประเทศ และให้อำนาจรัฐอย่างกว้างขวางในการสั่งเพิกถอนทะเบียนขององค์กร โดยกำหนดเหตุผลไว้อย่างกว้างๆ และขาดความชัดเจน เช่น กรณีที่พิจารณาว่ามีการดำเนินงานที่เป็นภยันตรายต่อ “ความสงบเรียบร้อยของประชาชน” หรือ “ศีลธรรมอันดีงามของประชาชน” หากมีการประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัตินี้ กระทรวงมหาดไทยจะมีอำนาจในการเข้าตรวจสอบสำนักงานของหน่วยงานไม่แสวงหากำไรโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า รวมทั้งการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ โดยไม่ต้องมีหมายจากศาล กำหนดให้ต้องรายงานข้อมูลที่มากจนเกินกว่าเหตุ และกลายเป็นภาระ ทั้งยังกำหนดบทลงโทษที่รุนแรง รวมทั้งโทษจำคุกกรณีที่ปฏิบัติตามกฎหมาย มาตรการเหล่านี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อคุกคาม และสั่งปิดองค์กรที่รัฐบาลไทยไม่ให้ความเห็นชอบ ซึ่งเป็นการทำลายความเป็นอิสระและประสิทธิภาพของหน่วยงานภาคประชาสังคม
 
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 28 ต.ค. ถึง 26 พ.ย. 2567 กระทรวงมหาดไทยของประเทศไทยกำลังเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนที่มีต่อร่างพระราชบัญญัตินี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางเว็บไซต์ หลังการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับมาจากพระบวนการนี้แล้ว คณะรัฐมนตรีไทยจะพิจารณาว่าจะมีการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาหรือไม่ ซึ่งพลเมืองไทยและหน่วยงานภาคประชาสังคมสามารถร่วมแสดงความเห็นได้ผ่านแพลตฟอร์มของภาครัฐในช่วงเวลาดังกล่าว
 
ในวันที่ 8 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้จัดการปรึกษาหารือสาธารณะเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินี้กับหน่วยงานภาคประชาสังคม ในการรับฟังความเห็น มีผู้แสดงความกังวลเกี่ยวกับเนื้อหาที่กำหนดขึ้นอย่างกว้างๆ และอาจเป็นเหตุให้มีการบังคับใช้โดยพลการต่อสมาคมและมูลนิธิ ยกตัวอย่าง ร่างพระราชบัญญัตินี้อนุญาตให้กระทรวงมหาดไทยเพิกถอนทะเบียนองค์กร หากมีการดำเนินงานที่พิจารณาว่า "ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน" หรืออาจเป็น "ภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ" การใช้ภาษาที่คลุมเครือเช่นนี้ เปิดโอกาสอย่างมากให้เจ้าพนักงานอาจใช้อำนาจอย่างมิชอบ และอาจถูกใช้เพื่อปราบปรามผู้แสดงความเห็นต่าง และจำเป็นเสรีภาพการสมาคม
ย้อนไปในเดือน ม.ค. 2565 คณะรัฐมนตรีชุดที่แล้วได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินงานขององค์กรไม่แสวงหารายได้ หรือกำไรมาแบ่งปันกัน พ.ศ. … ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ. ฉบับก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมมาเป็นร่าง พ.ร.บ. องค์กรไม่แสวงผลกำไรในปัจจุบัน นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์อย่างมากจากภาคประชาสังคม และผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติหลายคน โดยร่างกฎหมายปี 2565 ก็ถูกวิจารณ์ในทำนองเดียวกันว่ามีเนื้อหาที่กว้างขวางเกินกว่าเหตุ กำหนดเงื่อนไขทางการเงิน และการรายงานข้อมูลที่สร้างภาระ มีข้อจำกัดต่อแหล่งทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนการกำหนดบทลงโทษ
ในการรณรงค์เพื่อต่อต้านร่างกฎหมายฉบับก่อนหน้านี้ เมื่อ 23 มี.ค. 2565 ฟอร์ฟายไรต์ ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของประเทศไทย ระบุถึงข้อกังวลสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว นอกจากนั้น ฟอร์ติฟายไรต์ ยังได้จับมือกับหน่วยงานอีก 64 องค์กร ส่งจดหมายร่วมไปยังประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กระตุ้นให้รัฐบาลของกดดันรัฐบาลไทยให้ถอนร่างพระราชบัญญัตินี้ และประกันว่าข้อบังคับในอนาคตมีเนื้อหาสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
 
ภายหลังการรณรงค์กดดันอย่างต่อเนื่องจากหน่วยงานภาคประชาสังคม หน่วยงานสหประชาชาติ และผู้แทนทางการทูตที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงได้ถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับก่อน อย่างไรก็ดี ความพยายามที่จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่สร้างปัญหา นำไปสู่การจัดทำร่างกฎหมายฉบับปัจจุบันที่มีการเสนอขึ้นมาเมื่อเดือน ต.ค. 2567 ทำให้เกิดข้อกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับเนื้อหาของกฎหมายที่ละเมิดสิทธิ และยังไม่ได้รับการแก้ไขเป็นส่วนใหญ่ ร่างกฎหมายที่เสนอใหม่นี้ยังคงมีข้อบทที่สร้างปัญหา และจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของหน่วยงานไม่แสวงหากำไร รวมถึงเป็นการจำกัดเสรีภาพในการสมาคม
 
ในฐานะรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง และตามปฏิณณาณแห่งสหประชาชาติว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ประเทศไท มีพันธกรณีที่จะต้องคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมทั้งสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสงบ และการสมาคม ร่าง พ.ร.บ.องค์กรไม่แสวงผลกำไรตามที่เสนอโดยกระทรวงมหาดไทยนั้นถือเป็นการละเมิดสิทธิเหล่านี้อย่างชัดเจน 
 


กมธ.มั่นคงฯ เจอ ส.ส.พท.-ประชาชาติ แก้เกม ลุกขอถกอำนาจตัวเอง สอบ กรณีชั้น 14
https://www.matichon.co.th/politics/news_4913682
 
“โรม” สุดต้าน “เพื่อไทย” แก้เกม​ ดึงเช็งถกลับปมชั้น​ 14 บอกให้หารือ​ขอบเขตอำนาจหน้าที่​ กมธ.ก่อน​ หลัง “กรมราชทัณฑ์” ติงไร้อำนาจสอบ​ หวั่น​ ผิดจริยธรรมยกคณะ​ ทำ”ทวี”ต้องนั่งรอไปก่อน ขณะที่ไร้เงา”ทักษิณ”​ ลงรับหนังสือ​แต่ไม่ตอบกลับ​
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐกิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์​ โรม​ ส.ส. บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน​ เป็นประธานกมธ.ฯ ​ มีวาระสำคัญคือพิจารณาเรื่องของนายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เข้าพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว​ ซึ่งวันนี้ได้เชิญนายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี​ มาชี้แจง​ โดยส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์ และมีการลงรับในวันที่ 16 พฤศจิกายน แต่ปรากฏว่า​ ไม่ได้มีการแจงตอบรับเข้าร่วมประชุมหรือไม่​ แต่ในส่วนที่ตอบรับมา​ คือ​ พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม​ และ​ กรมราชทัณฑ์​ ได้มอบหมายให้​ ผู้อำนวยการกองทัณฑปฏิบัติ​ กลุ่มงานพักการลงโทษ​ มาชี้แจง​แทน​
 
โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม​ กมธ.ฯ ซีกรัฐบาล​ อย่างส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยนายประยุทธ์​ ศิริพานิช​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุธรรม แสงประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายซูการ์โน มะทา​ ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ​ หารือว่า​ อยากให้มีการประชุมลับ​ เพื่อถกเถียงว่ากมธ.ฯ มีอำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้หรือไม่ หลังกรมราชทัณฑ์​ ได้ทำหนังสือท้วงติงว่า​ “กรรมาธิการ” ไม่มีอำนาจ​ ทำให้กมธ.ฯหลายคน กังวลว่า​ จะขัดจริยธรรม​ เพราะคำว่าจริยธรรมสุ่มเสี่ยงอาจจะถูกฟ้องเรื่องจริยธรรมได้ จึงอยากให้พิจารณาก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ หากเดินหน้าพิจารณาเรื่องนี้​ ควรจะมีการหารือกันเป็นการภายใน และหาก รมว.ยุติธรร​ม​มารอ ก็คงต้องรอ​ไปก่อน
 
ขณะที่นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการ กมธ. โต้ว่า พิจารณาได้ภายใต้กมธ.ฯ และ อยากให้การทำงานของกมธ.ฯ​มีความโปร่งใสจึงอยากให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบข้อมูล จึงควรที่จะเดินหน้าพิจารณาต่อ
 
ทั้งนี้ที่ประชุมยังคงโต้เถียงกันไปมา ทำให้นายรังสิมันต์​ ชี้แจงยืนยันว่า กมธ.ฯมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ และที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการประชุมสัปดาห์ถัดไป​ ทุกวันศุกร์ก็จะต้องทำหนังสือรายงานต่อประธานสภา​ว่า​ กมธ.ฯ จะประชุมเรื่องอะไรและเชิญใครบ้าง​ หากเรื่องใดที่ซ้ำซ้อนกับกรรมาธิการอื่น ประธานก็จะท้วงติง​ แต่ในเรื่องนี้ประธานไม่ได้มีการท้วงติงอะไร​ ดังนั้น​ตนจึงมองว่าให้ประชุมโดยเปิดเผยไปก่อนจนจบวาระนี้​ ส่วนหลังจากนั้น​ ก็ยินดีที่จะให้เป็นการประชุมลับ​
 
แต่ปรากฏว่ากมธ.ฯฟากพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติ​ ไม่ยินยอม​ พร้อมยกเรื่องของการแถลงข่าวตอบโต้ระหว่างกมธ.ฯกับกรมราชทัณฑ์ขึ้นมา​ ในที่สุดนายรังสิมัน​ต์ได้ตัดบท​ ว่า​ เมื่อทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของ​นายประยุทธ์​ ก็ขอให้มีการประชุมลับ เป็นการภายในกรรมาธิการก่อน​ แล้วจะกลับเข้ามาประชุมตามวาระเรื่องของนายทักษิณในเวลา 11.00 น.​ ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องออกมารอภายนอก รวมถึงพ.ต.อ.ทวี​ ที่มารออยู่แล้ว​ ต้องไปพักรออีกห้องหนึ่ง



น้ำมันโลกปรับขึ้นอีก 2% เหตุรัสเซียยิงขีปนาวุธตอบโต้ยูเครน กระทบราคาทองคำปรับขึ้นด้วย
https://ch3plus.com/news/economy/morning/425573

ราคาน้ำมันโลกปรับขึ้นเกือบ 2% หลังจากเกิดเหตุรัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปความเร็วเหนือเสียงใส่ยูเครน เพื่อตอบโต้ที่ยูเครนยิงขีปนาวุธวิสัยไกลจากสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้
 
- ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- ตลาดเบรนท์ ลอนดอน เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
- น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.13 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 89.21 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

ขณะที่ราคาทองคำวานนี้  (21 พ.ย. 2567) ราคาทองคำ พุ่งขึ้น 600 บาท เปรียบเทียบกับราคาปิดเมื่อวานนี้ โดยราคาขายออกทองรูปพรรณ อยู่ที่ 44,200 บาท ตามข้อมูลล่าสุด จากเว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำ เมื่อเวลา 15.38 น.ที่ผ่านมา  โดยทองคำแท่งมีราคารับซื้อในประเทศอยู่ที่บาทละ 43,600 บาท ขายออก 43,700 บาท ตามประกาศครั้งที่ 7 ของวันนี้ ขณะที่ทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้ออยู่ที่บาทละ 42,811.84 บาท และขายออกที่ราคา 44,200 บาท
 
ส่วนราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot เมื่อขึ้นที่ผ่านมาปรับขึ้น 0.8% อยู่ที่ 2,670.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดยฮั่วเซ่งเฮง คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำ (เช้า) ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 จากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งนักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซียและยูเครนอาจรุนแรงขึ้น หลังจากยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ “Storm Shadow” ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลที่ผลิตโดยอังกฤษนั้น เข้าไปในดินแดนรัสเซีย

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/rgsLL6H1ofk

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่