เช็กเสียง โหวตงบ’67 ‘ประวิตร’ ไม่มา ‘ประภัตร’ งดออกเสียง ฝ่ายค้าน 3 ส.ส.ไทยสร้างไทย แตกแถว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4361806
เช็กเสียง โหวตงบ’67 ‘ประวิตร’ ไม่มา ‘ประภัตร’ งดออกเสียง ‘อดิศร’ ลาป่วย ฝ่ายค้าน 3 ส.ส.ไทยสร้างไทย แตกแถว
กรณีภายหลัง พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท และมีการเปิดลงให้ลงมติว่าจะรับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2567 หรือไม่
โดยมีผู้เห็นด้วยจำนวน 311 คน ไม่เห็นด้วย 177 คน งดออกเสียง 4 คน ไม่ลงคะแนนไม่มี
ก่อนจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 จำนวน 72 คน แปรญัตติ 30 วัน ประชุมครั้งแรกวันที่ 8 มกราคม เวลา 13.30 น.
เมื่อตรวจสอบผลการลงคะแนนรายพรรคพบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
• ฝ่ายรัฐบาล 315 เสียง แบ่งเป็น
พรรคเพื่อไทย 141 เสียง ซึ่งพบว่า การลงคะแนนของ พท.นั้น ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ “เห็นด้วย”
แต่พบว่า พล.อ.
พิศาล วัฒนวงษ์คิรี, นาย
สุชาติ ตันเจริญ และนาย
อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่มาลงคะแนนและไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน
ซึ่งในส่วนของ “
นายอดิศร” นั้น ได้รับแจ้งว่า “
ลาป่วย”
ส่วนพรรร่วมรัฐบาลพรรคอื่นนั้น แบ่งเป็น พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 3 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้ลงมติ “
เห็นด้วย” โดยไม่แตกแถว
ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ พรรคพลังประชารัฐ ลงมติเห็นด้วย 40 เสียง ยกเว้น พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นาง
วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ ที่ไม่ปรากฏลงคะแนนและไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา10 เสียง ลงมติ “
เห็นด้วย” แทบทั้งหมด ยกเว้น นาย
ประภัตร โพธสุธน ส.ส.สุพรรณบุรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงมติ “
งดออกเสียง”
ขณะที่ พรรคประชาชาติ 9 เสียง 8 เสียงลงมติ “
เห็นด้วย”
• ฝ่ายค้าน 184 เสียง แบ่งเป็น
พรรคก้าวไกล 147 เสียง ที่ลงมติ “
ไม่เห็นด้วย” ยกเว้น นางทิพา ปวีณาเสถียร ส.ส.ลำปาง ที่ขานลงคะแนน “
ไม่เห็นด้วย” หลังปิดการลงคะแนนไปแล้ว แต่มีการบันทึกไว้ในบันทึกการประชุม
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง ลงมติ “
ไม่เห็นด้วย” 24 เสียง เนื่องจาก นายชาตรี หล้าพรหม ส.ส.สกลนคร ไม่ปรากฏลงคะแนนและไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งว่า “
ป่วย”
พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง พรรคใหม่ 1 เสียง ไทยก้าวหน้า1 เสียง ลงมติ “
ไม่เห็นด้วย” ทั้งหมด
พรรคเป็นธรรม 2 เสียง เห็นชอบ1 เสียง
ด้าน พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง กลับพบ “
เสียงแตก” แบ่งเป็น
ผู้ที่ลงมติ “
ไม่เห็นด้วย” คือ นาย
ชัชวาล แพทยาไทย ส.ส.ร้อยเอ็ด, นาง
รำพูล ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี และ นาย
ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ผู้ที่ลงมติ “
เห็นด้วย” คือ นาง
สุภาพร สลับศรี ส.ส.ยโสธร, นาย
หรั่ง ธุรพล ส.ส.อุดรธานี และ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ส.ส.อุดรธานี ซึ่งถือว่ากับการโหวตสวนมติฝ่ายค้าน
สำหรับ 3 ส.ส. ที่โหวตสวนมติฝ่ายค้ายนั้น ล่าสุด คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ได้ออกมาขอโทษประชาชน พร้อมกับระบุว่าจะเร่งส่งเรื่องดังกล่าว ให้กรรมการจริยธรรมของพรรคดำเนินการไต่สวน เพื่อเสนอกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเป็นการด่วน
ขณะที่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1เสียง นาย
สุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงมติ “เห็นด้วย”
ด่วน! ทนายดัง เผย ตร.นำหมายค้น บุกจับกุมเจ้าของเพจ ‘ประชาชนเบียร์’
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4361830
ด่วน! ทนายดัง เผย ตร.นำหมายค้น บุกจับกุมเจ้าของเพจ ‘ประชาชนเบียร์’
เมื่อวันที่ 6 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
โพสต์ข้อความระบุว่า
“ด่วน!!! เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายค้นและหมายจับไปจับกุมตัวเจ้าของเพจ ประชาชนเบียร์ พร้อมตรวจยึดสิ่งของ ต่าง ๆ ช่วยกันติดตามครับ”
https://www.facebook.com/ronsan.huadong/posts/7011482978944970?ref=embed_post
เงินบาททำสถิติ อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ เกาะติดสัญญาณเงินทุนต่างชาติ
https://www.dailynews.co.th/news/3058464/
ค่าเงินบาท อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์แตะระดับ 34.74 บาทต่อดอลลาร์ โดยสัปดาห์หน้าต้องจับตาสัญญาณเงินทุนต่างชาติ คาดกรอบ 34.20-34.90 บาทต่อดอลลาร์
“
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาพลิกกลับมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 34.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ กลับมาทยอยฟื้นตัวขึ้น จากที่เผชิญแรงเทขายมากในสัปดาห์ทำการสุดท้ายของปี 2566 ประกอบกับมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับแรงหนุน หลังบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค. 2566 และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด สะท้อนว่า สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้เฟดมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องกลับมาสู่ระดับเป้าหมาย
ในวันศุกร์ที่ 5 ม.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (28 ธ.ค. 2566) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 2-5 ม.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,088 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 12,537 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 13,038 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 501 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค. 67) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.20-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. ของจีน และผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน
JJNY : เช็กเสียงโหวตงบ’67│ทนายดัง เผยตร.บุกจับกุมเจ้าของเพจ‘ประชาชนเบียร์’│เงินบาทอ่อนค่า│ภูมิภาคนอร์ดิกเผชิญหนาวจัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4361806
เช็กเสียง โหวตงบ’67 ‘ประวิตร’ ไม่มา ‘ประภัตร’ งดออกเสียง ‘อดิศร’ ลาป่วย ฝ่ายค้าน 3 ส.ส.ไทยสร้างไทย แตกแถว
กรณีภายหลัง พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท และมีการเปิดลงให้ลงมติว่าจะรับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2567 หรือไม่
โดยมีผู้เห็นด้วยจำนวน 311 คน ไม่เห็นด้วย 177 คน งดออกเสียง 4 คน ไม่ลงคะแนนไม่มี
ก่อนจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 จำนวน 72 คน แปรญัตติ 30 วัน ประชุมครั้งแรกวันที่ 8 มกราคม เวลา 13.30 น.
เมื่อตรวจสอบผลการลงคะแนนรายพรรคพบข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
• ฝ่ายรัฐบาล 315 เสียง แบ่งเป็น
พรรคเพื่อไทย 141 เสียง ซึ่งพบว่า การลงคะแนนของ พท.นั้น ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ “เห็นด้วย”
แต่พบว่า พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คิรี, นายสุชาติ ตันเจริญ และนายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่มาลงคะแนนและไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน
ซึ่งในส่วนของ “นายอดิศร” นั้น ได้รับแจ้งว่า “ลาป่วย”
ส่วนพรรร่วมรัฐบาลพรรคอื่นนั้น แบ่งเป็น พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 3 เสียง พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง และพรรคท้องที่ไทย 1 เสียง ซึ่งทั้งหมดนี้ ได้ลงมติ “เห็นด้วย” โดยไม่แตกแถว
ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ พรรคพลังประชารัฐ ลงมติเห็นด้วย 40 เสียง ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ ที่ไม่ปรากฏลงคะแนนและไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา10 เสียง ลงมติ “เห็นด้วย” แทบทั้งหมด ยกเว้น นายประภัตร โพธสุธน ส.ส.สุพรรณบุรี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงมติ “งดออกเสียง”
ขณะที่ พรรคประชาชาติ 9 เสียง 8 เสียงลงมติ “เห็นด้วย”
• ฝ่ายค้าน 184 เสียง แบ่งเป็น
พรรคก้าวไกล 147 เสียง ที่ลงมติ “ไม่เห็นด้วย” ยกเว้น นางทิพา ปวีณาเสถียร ส.ส.ลำปาง ที่ขานลงคะแนน “ไม่เห็นด้วย” หลังปิดการลงคะแนนไปแล้ว แต่มีการบันทึกไว้ในบันทึกการประชุม
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง ลงมติ “ไม่เห็นด้วย” 24 เสียง เนื่องจาก นายชาตรี หล้าพรหม ส.ส.สกลนคร ไม่ปรากฏลงคะแนนและไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งว่า “ป่วย”
พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง พรรคใหม่ 1 เสียง ไทยก้าวหน้า1 เสียง ลงมติ “ไม่เห็นด้วย” ทั้งหมด
พรรคเป็นธรรม 2 เสียง เห็นชอบ1 เสียง
ด้าน พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง กลับพบ “เสียงแตก” แบ่งเป็น
ผู้ที่ลงมติ “ไม่เห็นด้วย” คือ นายชัชวาล แพทยาไทย ส.ส.ร้อยเอ็ด, นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี และ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ผู้ที่ลงมติ “เห็นด้วย” คือ นางสุภาพร สลับศรี ส.ส.ยโสธร, นายหรั่ง ธุรพล ส.ส.อุดรธานี และ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ส.ส.อุดรธานี ซึ่งถือว่ากับการโหวตสวนมติฝ่ายค้าน
สำหรับ 3 ส.ส. ที่โหวตสวนมติฝ่ายค้ายนั้น ล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ได้ออกมาขอโทษประชาชน พร้อมกับระบุว่าจะเร่งส่งเรื่องดังกล่าว ให้กรรมการจริยธรรมของพรรคดำเนินการไต่สวน เพื่อเสนอกรรมการบริหารพรรคพิจารณาเป็นการด่วน
ขณะที่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1เสียง นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงมติ “เห็นด้วย”
ด่วน! ทนายดัง เผย ตร.นำหมายค้น บุกจับกุมเจ้าของเพจ ‘ประชาชนเบียร์’
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4361830
ด่วน! ทนายดัง เผย ตร.นำหมายค้น บุกจับกุมเจ้าของเพจ ‘ประชาชนเบียร์’
เมื่อวันที่ 6 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
โพสต์ข้อความระบุว่า
“ด่วน!!! เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายค้นและหมายจับไปจับกุมตัวเจ้าของเพจ ประชาชนเบียร์ พร้อมตรวจยึดสิ่งของ ต่าง ๆ ช่วยกันติดตามครับ”
https://www.facebook.com/ronsan.huadong/posts/7011482978944970?ref=embed_post
เงินบาททำสถิติ อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ เกาะติดสัญญาณเงินทุนต่างชาติ
https://www.dailynews.co.th/news/3058464/
ค่าเงินบาท อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์แตะระดับ 34.74 บาทต่อดอลลาร์ โดยสัปดาห์หน้าต้องจับตาสัญญาณเงินทุนต่างชาติ คาดกรอบ 34.20-34.90 บาทต่อดอลลาร์
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาพลิกกลับมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ที่ 34.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ กลับมาทยอยฟื้นตัวขึ้น จากที่เผชิญแรงเทขายมากในสัปดาห์ทำการสุดท้ายของปี 2566 ประกอบกับมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับแรงหนุน หลังบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค. 2566 และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด สะท้อนว่า สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้เฟดมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องกลับมาสู่ระดับเป้าหมาย
ในวันศุกร์ที่ 5 ม.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันพฤหัสบดีก่อนหน้า (28 ธ.ค. 2566) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 2-5 ม.ค. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,088 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 12,537 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 13,038 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 501 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (8-12 ม.ค. 67) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.20-34.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนธ.ค. ของจีน และผลการประชุมธนาคารกลางเกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน