ชัยธวัช เตือนรัฐบาล อย่าให้เรื่อง ทักษิณ เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ทำเกิดวิกฤตศรัทธา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4352379
‘ชัยธวัช’ เตือนรัฐบาล อย่าปล่อยให้ ‘ทักษิณ’ เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว นำไปสู่วิกฤตศรัทธา ถามการรักษาเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ แซะ นโยบายเรือธง ‘รบ.เศรษฐา’ ยังไม่เห็นทางสำเร็จ มองสิ่งที่พูดไว้ไม่เห็นเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงทิศทางการเมืองในปีหน้า ว่า ตนคิดว่าการเมืองปีหน้า ประชาชนกำลังเฝ้ารอการทำงานของรัฐบาลว่าจะมีความชัดเจน มีทิศทางที่ประชาชนจับต้องได้เป็นรูปธรรมอย่างไร ต้องยอมรับว่า 3 เดือนที่ผ่านมา การทำงานของรัฐบาลยังดูค่อนข้างที่จะสะเปะสะปะ ไร้ทิศไร้ทาง หลายสิ่งที่พูดไว้ยังไม่เห็นแผนงานและเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม สำหรับฝ่ายบริหาร ประชาชนก็ต้องคาดหวังรูปธรรมในการทำงานมากกว่านี้
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่สามารถที่จะผลักดันผลงานของตัวเอง ทำให้ประชาชนพอใจ ก็จะส่งผลกระทบต่อความนิยมของรัฐบาลด้วย ยังไม่ต้องนับว่านโยบายเรือธงที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าในอนาคตจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่ อย่างนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจนถึงวันนี้ความชัดเจนก็ไม่มี ล่าสุดก็บอกว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความชัดเจนในปีหน้า ก็เป็นความท้าทายของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความนิยมของประชาชนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ประชาชนก็ยังจับตาดูอยู่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาลหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเดือน พ.ค.2567 ซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) จะหมดอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก็คงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาว่าเงื่อนไขของ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหมดไปแล้ว จะส่งผลต่อเสถียรภาพ หรือองค์ประกอบภายในรัฐบาลหรือไม่
นาย
ชัยธวัชกล่าวต่อว่า ประเด็นที่มีนัยสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้คือกรณีของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลที่ รพ.ตำรวจ นำไปสู่คำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ตามหลักเกณฑ์ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ ถือว่าเป็นการได้รับการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานที่เหนือกว่ากรณีทั่วไปหรือไม่ รวมถึงความไม่ชัดเจนว่าระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ที่อนุญาตให้มีการควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำได้
ซึ่งหลักการใหญ่เป็นเรื่องที่ดี ควรจะสนับสนุน แต่เรื่องนี้ เท่าที่เราเห็นระเบียบที่ออกมา มีการให้อำนาจของเจ้าหน้าที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในการพินิจว่าใครจะได้รับสิทธิบ้าง พอไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจนก็เลยกลายเป็นใช้อำนาจโดยดุลยพินิจ ทำให้คนตั้งข้อสังเกตว่าเอื้อประโยชน์ให้คนที่มีเส้นสาย คนที่มีอิทธิพลทางการเมือง หรือคนที่มีฐานะหรือไม่ รวมถึงตัวนายทักษิณก็จะเป็นปัจจัยสำคัญในต้นปีด้วยว่าถ้าเกิดกรณีที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเกิดกระบวนการยุติธรรมแบบอภิสิทธิ์ชนขึ้นมา ก็น่าจะส่งผลต่อรัฐบาลเช่นกัน
“
อย่าปล่อยให้เกิดเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่วิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาลได้ จะเห็นว่าตอนนี้รัฐบาลถูกถามทุกวันในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น ดีที่สุด รัฐบาลควรจะให้คำตอบ ควรชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนให้สิ้นสงสัยให้หมด ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ทำถูกทุกอย่างและบอกได้ว่าไม่เป็นการใช้อภิสิทธิ์ทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น และกรณีที่จะมีการพิจารณาผู้ต้องขังที่จะไปคุมตัวนอกเรือนจำ จะไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนใดคนหนึ่ง ถ้ารัฐบาลยังตอบเรื่องนี้ไม่ชัดเจน มันก็จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้” นาย
ชัยธวัชกล่าว
สมชัย เอาใจช่วย รบ.แก้หนี้นอกระบบ ชี้ ปชช.ยังลงทะเบียนน้อย แค่ 1%ของจีดีพี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4352136
สมชัย เอาใจช่วย รบ.แก้หนี้นอกระบบ ชี้ ปชช.ยังลงทะเบียนน้อย แค่ 1%ของจีดีพี
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องการแก้หนี้นอกระบบความว่า
“
ประเมินความสำเร็จการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ”
คำชี้แจงของปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อดำเนินโครงการไปเกือบ 1 เดือน คือ มีผู้ลงทะเบียนเดือดร้อน 110,531 ราย หนี้ 7,047 ล้านบาท ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 575 ราย มูลหนี้ลดลง 65.9 ล้านบาท มองในเชิงความสำเร็จ
1. จำนวนคนที่มาแจ้ง ยังน้อยเมื่อเทียบกับประชาชนวัยทำงานที่มีประมาณ 50 ล้านคน แจ้งว่า มีหนี้ 110,000 คน คิดเป็นร้อยละ 0.22 หรือ 1,000 คน เป็นหนี้ 2 คน
2. มูลค่าหนี้ 7,047 ล้าน เท่ากับ เฉลี่ยเป็นหนี้คนละ 64,000 บาท มูลค่าหนี้ ต่อ GDP. ประเทศที่อยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท เท่ากับไม่ถึงร้อยละ 1 ของ GDP. ในขณะที่มีตัวเลขรายงานว่า หนี้ในระบบมีสัดส่วนถึงร้อยละ 90 ของ GDP.
3. การไกล่เกลี่ยสำเร็จ 575 รายจาก 110,531 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.52 คือ 100 รายสำเร็จครึ่งราย ยอดหนี้ลดลง 65.9 ล้าน จากหนี้รวม 7,047 ล้าน เท่ากับสำเร็จไม่ถึงร้อยละ 1
4. ดูตัวเลขแล้ว ยังต้องให้กำลังใจอีก มากๆๆๆๆ
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02Fec5HL789Qps9dmGoZ728x1FQNLjm47NHhTPBwkBszBknz7Vz74J4rfnej1AdsEjl
ในรอบ 9 ปี! ทะลักท่วมเทศบาลเมืองปัตตานี ย่านเศรษฐกิจกระทบถนนจมใต้น้ำ
https://www.dailynews.co.th/news/3036469/
คุมไม่อยู่! มวลน้ำทะลักเข้าท่วมเทศบาลเมืองปัตตานีหนักสุดในรอบ 9 ปี ย่านเศรษฐกิจกระทบ ถนนจมใต้น้ำ เร่งอพยพช่วยเหลือชาวบ้านที่มีบ้านติดริมน้ำ
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงวิกฤติ มวลน้ำจากตอนบน จ.ยะลา ยังคงไหลมาในแม่น้ำปัตตานี ก่อนระบายลงสู่ทะเล ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำยังคงสูงขึ้น ส่งผลให้อำเภอที่ติดกับริมแม่น้ำปัตตานีน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมขยายวงกว้าง ขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถือว่าหนักสุดในรอบ 9 ปี
ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีบ้านเรือนอาศัยติดกับริมแม้น้ำ ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ ต.จะบังติกอ ถนนกะลาพอ น้ำท้วมสูง 60-70 ซม. เข้าท่วมบ้านเรือนหลายจุด ถนนจมอยู่ใต้น้ำ เจ้าหน้าที่ต้องนำแผงกั้นมาปิดเส้นทางชั่วคราว มีเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถใช้ได้ คือ เส้นทางถนนยะรัง หน้ามัสยิดกลางปัตตานี เช่นเดียวกับถนนจะบังติกอ เส้นไปยังตลาดท้ายมีท่วมน้ำสูง 40 ซม. และถนนสะบารังมีท่วมท่วมสูง 30 ซม. เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการปิดเส้นทางเช่นเดียวกันห้ามรถทุกชนิดใช้เส้นทางดังกล่าว
นอกจากนี้ ถนนพิพิธ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจเกิดน้ำท่วมเช่นเดียวกัน สูง 20-30 ซม. ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ทั้งสองฝั่งถนนได้นำกระสอบทรายนำมากั้นน้ำบริเวณหน้าร้าน เนื่องจากหลายร้านมีความกังวลระดับจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ประกอบกับป้องกันไม่ให้รถพัดน้ำเข้ามาในร้าน อีกเส้นทางหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ ถนนหนองจิก ตั้งแต่ 4 แยกดอนรัก จนถึงซุ้มประเมืองปัตตานีมีน้ำท่วมสูง ทำให้ถนนจมอยู่ใต้น้ำฝั่งขาออกเทศบาล เมืองปัตตานีมีท่วมสูง 30-40 ซม. รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องใช้เลนเดียวในการสัญจร คือ ฝั่งขาเข้าเทศบาลเมืองปัตตานี ทำให้การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการนำกระสอบทรายมากั้นทางน้ำใต้ซุ้มประตูเมือง เพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู้ถนนเจริฐประดิษฐ์ บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา โดยในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ขณะนี้มีร้านค้าต่างๆ ได้รับผลกระทบ 100 กว่าร้าน
อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองปัตตานีได้ประกาศเสียงตามสายให้พี่น้องประชาชนอาศัยติดริมแม่น้ำเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากบ้านใดอยู่ในเกณฑ์ท่วมสูงมิดหัวให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการอพยพทันที ซึ่งขณะนี้ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีได้มีการใช้เครื่องสูบน้ำตั้งทุกจุดเพื่อให้น้ำในท่อระบายอย่างคล่องตัว ที่ผ่านมาเทศบาลเมืองได้มีการป้องกันเพื่อกระทบน้อยสุด แต่เนื่องด้วยมีมวลน้ำมาก ทำให้เทศบาลควบคุมไม่ได้เข้าท่วมเป็นบริเวณวงกว้าง.
JJNY : “ชัยธวัช” เตือนรบ.│สมชัย เอาใจช่วย รบ.แก้หนี้นอกระบบ│ทะลักท่วมเทศบาลปัตตานี│อิสราเอลลั่นจะกำจัดฮิซบอลเลาะห์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4352379
‘ชัยธวัช’ เตือนรัฐบาล อย่าปล่อยให้ ‘ทักษิณ’ เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว นำไปสู่วิกฤตศรัทธา ถามการรักษาเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ แซะ นโยบายเรือธง ‘รบ.เศรษฐา’ ยังไม่เห็นทางสำเร็จ มองสิ่งที่พูดไว้ไม่เห็นเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงทิศทางการเมืองในปีหน้า ว่า ตนคิดว่าการเมืองปีหน้า ประชาชนกำลังเฝ้ารอการทำงานของรัฐบาลว่าจะมีความชัดเจน มีทิศทางที่ประชาชนจับต้องได้เป็นรูปธรรมอย่างไร ต้องยอมรับว่า 3 เดือนที่ผ่านมา การทำงานของรัฐบาลยังดูค่อนข้างที่จะสะเปะสะปะ ไร้ทิศไร้ทาง หลายสิ่งที่พูดไว้ยังไม่เห็นแผนงานและเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม สำหรับฝ่ายบริหาร ประชาชนก็ต้องคาดหวังรูปธรรมในการทำงานมากกว่านี้
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลไม่สามารถที่จะผลักดันผลงานของตัวเอง ทำให้ประชาชนพอใจ ก็จะส่งผลกระทบต่อความนิยมของรัฐบาลด้วย ยังไม่ต้องนับว่านโยบายเรือธงที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าในอนาคตจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่ อย่างนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจนถึงวันนี้ความชัดเจนก็ไม่มี ล่าสุดก็บอกว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความชัดเจนในปีหน้า ก็เป็นความท้าทายของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความนิยมของประชาชนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ประชาชนก็ยังจับตาดูอยู่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาลหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเดือน พ.ค.2567 ซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) จะหมดอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ก็คงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาว่าเงื่อนไขของ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหมดไปแล้ว จะส่งผลต่อเสถียรภาพ หรือองค์ประกอบภายในรัฐบาลหรือไม่
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ประเด็นที่มีนัยสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้คือกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลที่ รพ.ตำรวจ นำไปสู่คำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ตามหลักเกณฑ์ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์หรือไม่ ถือว่าเป็นการได้รับการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานที่เหนือกว่ากรณีทั่วไปหรือไม่ รวมถึงความไม่ชัดเจนว่าระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ที่อนุญาตให้มีการควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำได้
ซึ่งหลักการใหญ่เป็นเรื่องที่ดี ควรจะสนับสนุน แต่เรื่องนี้ เท่าที่เราเห็นระเบียบที่ออกมา มีการให้อำนาจของเจ้าหน้าที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในการพินิจว่าใครจะได้รับสิทธิบ้าง พอไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจนก็เลยกลายเป็นใช้อำนาจโดยดุลยพินิจ ทำให้คนตั้งข้อสังเกตว่าเอื้อประโยชน์ให้คนที่มีเส้นสาย คนที่มีอิทธิพลทางการเมือง หรือคนที่มีฐานะหรือไม่ รวมถึงตัวนายทักษิณก็จะเป็นปัจจัยสำคัญในต้นปีด้วยว่าถ้าเกิดกรณีที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเกิดกระบวนการยุติธรรมแบบอภิสิทธิ์ชนขึ้นมา ก็น่าจะส่งผลต่อรัฐบาลเช่นกัน
“อย่าปล่อยให้เกิดเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่นำไปสู่วิกฤตศรัทธาต่อรัฐบาลได้ จะเห็นว่าตอนนี้รัฐบาลถูกถามทุกวันในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น ดีที่สุด รัฐบาลควรจะให้คำตอบ ควรชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนให้สิ้นสงสัยให้หมด ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ทำถูกทุกอย่างและบอกได้ว่าไม่เป็นการใช้อภิสิทธิ์ทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น และกรณีที่จะมีการพิจารณาผู้ต้องขังที่จะไปคุมตัวนอกเรือนจำ จะไม่เอื้อประโยชน์ต่อคนใดคนหนึ่ง ถ้ารัฐบาลยังตอบเรื่องนี้ไม่ชัดเจน มันก็จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้” นายชัยธวัชกล่าว
สมชัย เอาใจช่วย รบ.แก้หนี้นอกระบบ ชี้ ปชช.ยังลงทะเบียนน้อย แค่ 1%ของจีดีพี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4352136
สมชัย เอาใจช่วย รบ.แก้หนี้นอกระบบ ชี้ ปชช.ยังลงทะเบียนน้อย แค่ 1%ของจีดีพี
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องการแก้หนี้นอกระบบความว่า
“ประเมินความสำเร็จการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ที่ถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ”
คำชี้แจงของปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อดำเนินโครงการไปเกือบ 1 เดือน คือ มีผู้ลงทะเบียนเดือดร้อน 110,531 ราย หนี้ 7,047 ล้านบาท ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 575 ราย มูลหนี้ลดลง 65.9 ล้านบาท มองในเชิงความสำเร็จ
1. จำนวนคนที่มาแจ้ง ยังน้อยเมื่อเทียบกับประชาชนวัยทำงานที่มีประมาณ 50 ล้านคน แจ้งว่า มีหนี้ 110,000 คน คิดเป็นร้อยละ 0.22 หรือ 1,000 คน เป็นหนี้ 2 คน
2. มูลค่าหนี้ 7,047 ล้าน เท่ากับ เฉลี่ยเป็นหนี้คนละ 64,000 บาท มูลค่าหนี้ ต่อ GDP. ประเทศที่อยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท เท่ากับไม่ถึงร้อยละ 1 ของ GDP. ในขณะที่มีตัวเลขรายงานว่า หนี้ในระบบมีสัดส่วนถึงร้อยละ 90 ของ GDP.
3. การไกล่เกลี่ยสำเร็จ 575 รายจาก 110,531 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.52 คือ 100 รายสำเร็จครึ่งราย ยอดหนี้ลดลง 65.9 ล้าน จากหนี้รวม 7,047 ล้าน เท่ากับสำเร็จไม่ถึงร้อยละ 1
4. ดูตัวเลขแล้ว ยังต้องให้กำลังใจอีก มากๆๆๆๆ
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02Fec5HL789Qps9dmGoZ728x1FQNLjm47NHhTPBwkBszBknz7Vz74J4rfnej1AdsEjl
ในรอบ 9 ปี! ทะลักท่วมเทศบาลเมืองปัตตานี ย่านเศรษฐกิจกระทบถนนจมใต้น้ำ
https://www.dailynews.co.th/news/3036469/
คุมไม่อยู่! มวลน้ำทะลักเข้าท่วมเทศบาลเมืองปัตตานีหนักสุดในรอบ 9 ปี ย่านเศรษฐกิจกระทบ ถนนจมใต้น้ำ เร่งอพยพช่วยเหลือชาวบ้านที่มีบ้านติดริมน้ำ
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงวิกฤติ มวลน้ำจากตอนบน จ.ยะลา ยังคงไหลมาในแม่น้ำปัตตานี ก่อนระบายลงสู่ทะเล ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำยังคงสูงขึ้น ส่งผลให้อำเภอที่ติดกับริมแม่น้ำปัตตานีน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมขยายวงกว้าง ขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถือว่าหนักสุดในรอบ 9 ปี
ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีบ้านเรือนอาศัยติดกับริมแม้น้ำ ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ ต.จะบังติกอ ถนนกะลาพอ น้ำท้วมสูง 60-70 ซม. เข้าท่วมบ้านเรือนหลายจุด ถนนจมอยู่ใต้น้ำ เจ้าหน้าที่ต้องนำแผงกั้นมาปิดเส้นทางชั่วคราว มีเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถใช้ได้ คือ เส้นทางถนนยะรัง หน้ามัสยิดกลางปัตตานี เช่นเดียวกับถนนจะบังติกอ เส้นไปยังตลาดท้ายมีท่วมน้ำสูง 40 ซม. และถนนสะบารังมีท่วมท่วมสูง 30 ซม. เจ้าหน้าที่ก็ได้มีการปิดเส้นทางเช่นเดียวกันห้ามรถทุกชนิดใช้เส้นทางดังกล่าว
นอกจากนี้ ถนนพิพิธ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจเกิดน้ำท่วมเช่นเดียวกัน สูง 20-30 ซม. ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ทั้งสองฝั่งถนนได้นำกระสอบทรายนำมากั้นน้ำบริเวณหน้าร้าน เนื่องจากหลายร้านมีความกังวลระดับจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ประกอบกับป้องกันไม่ให้รถพัดน้ำเข้ามาในร้าน อีกเส้นทางหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ ถนนหนองจิก ตั้งแต่ 4 แยกดอนรัก จนถึงซุ้มประเมืองปัตตานีมีน้ำท่วมสูง ทำให้ถนนจมอยู่ใต้น้ำฝั่งขาออกเทศบาล เมืองปัตตานีมีท่วมสูง 30-40 ซม. รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ต้องใช้เลนเดียวในการสัญจร คือ ฝั่งขาเข้าเทศบาลเมืองปัตตานี ทำให้การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการนำกระสอบทรายมากั้นทางน้ำใต้ซุ้มประตูเมือง เพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้าสู้ถนนเจริฐประดิษฐ์ บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา โดยในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ขณะนี้มีร้านค้าต่างๆ ได้รับผลกระทบ 100 กว่าร้าน
อย่างไรก็ตาม เทศบาลเมืองปัตตานีได้ประกาศเสียงตามสายให้พี่น้องประชาชนอาศัยติดริมแม่น้ำเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากบ้านใดอยู่ในเกณฑ์ท่วมสูงมิดหัวให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อทำการอพยพทันที ซึ่งขณะนี้ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีได้มีการใช้เครื่องสูบน้ำตั้งทุกจุดเพื่อให้น้ำในท่อระบายอย่างคล่องตัว ที่ผ่านมาเทศบาลเมืองได้มีการป้องกันเพื่อกระทบน้อยสุด แต่เนื่องด้วยมีมวลน้ำมาก ทำให้เทศบาลควบคุมไม่ได้เข้าท่วมเป็นบริเวณวงกว้าง.