สภาทองคำโลกชี้ปี 67 ทองมีสิทธิขึ้นต่อ เพราะศก.เสี่ยงถดถอย สงครามไม่จบ


สภาทองคำโลก คาดการณ์ว่า มูลค่าทองคำมีสิทธิขึ้นต่อในปีหน้า จากปัจจัยความเสี่ยงด้านการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ คือการเลือกตั้งในหลายๆ ประเทศ และสงคราม รวมไปถึงการซื้อทองของธนาคาร
สภาทองคำโลก เผยในรายงานแนวโน้มราคาทองคำสำหรับปี 2024 ว่า ราคาทองเพิ่มขึ้นได้ดี ชนะพันธบัตร และลาดหุ้นส่วนมากในโลก แม้อยู่ในภาวะดอกเบี้ยสูง เพราะมีแรงหนุนจากความไม่มั่นคงที่เกิดจากสงคราม ที่ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับกระจายความเสี่ยง
ในปี 2024 ทองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงอีกจากความไม่มั่นคงทั้งด้านการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ เพราะในปีหน้าหลายๆ ประเทศและเขตเศรษฐกิจ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป อินเดีย และไต้หวัน กำลังจะมีการเลือกตั้งซึ่งยังมีผลลัพธ์ไม่แน่นอน และสงครามระหว่างรัสเซียยูเครน และอิสราเอลปาเลสไตน์ที่จะยังคงลากยาว สั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลกไปจนถึงปีหน้า
นอกจากนี้ ทองคำยังจะได้รับแรงส่งจากการซื้อทองตุนของธนาคารกลางและสถาบันการเงินใหญ่ๆ ทั่วโลก โดยถึงแม้จะไม่ซื้อมากเท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็จะยังซื้อเก็บในระดับที่มากกว่าปกติ คือประมาณ 450 ถึง 500 ตันอยู่
ทั้งนี้ อีกปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อราคาทองได้คือผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปี 2024 เป็นไปได้ 3 แบบด้วยกันคือ แบบ ‘Soft Landing’ หรือภาวะที่เศรษฐกิจลดความร้อนแรงลงแต่ไม่ถึงกับเข้าสู่ภาวะถดถอย ‘Hard Landing’ หรือภาวะที่เศรษฐกิจลดความร้อนแรงลงอย่างหนักจนเข้าสู่ภาวะถดถอย และ ‘No Landing’ คือภาวะที่เงินยังเฟ้อ เศรษฐกิจยังร้อนแรงอยู่แม้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
กลางในประเทศต่างๆ ขณะปัจจัยที่ยังไม่แน่นอนถือผลลัพธ์ของการปรับเพิ่มดอกเบี้ยลดเงินเฟ้อ ซึ่งยังมีโอกาสนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจซบเซา
‘Soft Landing’ โอกาสสูง แต่โลกยังเสี่ยงเจอ ‘Hard Landing’
ในช่วงปลายปี 2022 และต้นปี 2023 มีการคาดการณ์โดยทั่วไปว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว 
อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วง 2022-2023 เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรวมถึง 11 ครั้ง จนมาถึงระดับ 5.25%-5.50% ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์พบว่าเศรษฐกิจโลกก็ยังปรับตัวได้ค่อนข้างดี ดูได้จากตัวเลขการจ้างงาน ตัวเลขการผลิต และระดับเงินออมที่ยังแข็งแกร่งในสหรัฐฯ 
ทำให้ในปีหน้า นักวิเคราะห์มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเข้าสู่ภาวะ Soft Landing คือ ภาวะที่เศรษฐกิจร้อนแรงลดลง เงินเฟ้อลดลง และอาจทำให้มีการว่างงานสูงขึ้น หรือการบริโภคและการผลิตลดลง แต่ยังไม่มากถึงขนาดทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยเหมือนในภาวะ Hard Landing
หากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะ Soft Landing จริง ราคาทองจะปรับขึ้นไม่มากนัก เพราะเศรษฐกิจยังดี และดอกเบี้ยยังสูง ทำให้การลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้ และหุ้นยังน่าดึงดูด แต่ถ้าหากมีการปรับลดดอกเบี้ยซึ่งเป็นไปได้ต่ำกว่า ราคาทองอาจเพิ่มขึ้น เพราะเงินทุนจะไหลจากพันธบัตรและหุ้นกู้มาที่ทอง และอาจจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4%
 
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะไม่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เพราะจากสถิติที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Soft Landing เพียงสองครั้งเท่านั้น และถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ Hard Landing จริง ทองจะได้แรงหนุนจากการปรับลดดอกเบี้ย และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะดันให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ หากสหรัฐฯ เจอภาวะ No Landing หรือภาวะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อหรือการบริโภคลดลงเท่าที่ควร ซึ่งเป็นไปได้ต่ำที่สุดในสามสถานการณ์ ทองจะยังคงได้รับแรงบวกจากสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนและความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ 

ที่มา World Gold Council
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่