จริงๆพอมีสติรู้การตั้งคำถาม มันก็ไม่ได้ต้องการคำตอบหรอกนะคับ
แต่เอาเป็นว่า ความกระหายความก้าวหน้าในการภาวนา นั้น มีอยู่
อะแฮ้ม การภาวนาแต่ก่อนจะมีนั่งสมาธิ สวดมนต์ ก่อนนอน เป็นกิจวัตร
ก็สวดบท ธรรมจักร บ่อยๆ ทำความเข้าใจความหมายตั้งใจปฏิบัติไป
วิธีภาวนาก็แค่ กำหนดรู้ทุกข์ แค่นั้นเอง ไม่ได้มีเรื่องฌาน หรือ นิมิตใดๆ
กรรมฐานที่ทำ ก็แค่ สติปัฏฐาน ที่มันจะลงของมันเอง เท่าที่จะนึกได้
เหมือนทุกวันไม่ได้มีความเพียรที่จะปฏิบัติว่า กำลังปฏิบัติอยู่
แต่ก็ไม่ได้ จมอยู่กับโลก จน หลงลืม การรู้สึกตัว
บางทีก็รู้สึก กายเคลื่อนไหว บางทีก็รู้สึกถึง จิตที่มีกิเลส อย่างนู้นอย่างนี้
ปัจจุบันไม่ได้ปฏิบัติเป็นกิจวัตรแล้ว อาศัยรู้สึกตัวเท่าที่จะนึกได้เอง
มักจะเห็นบ่อยๆ ว่า การภาวนา กรรมฐาน การก้าวหน้าหรือการไม่ก้าวหน้า
จริงๆแล้ว บางทีก็เหมือนภาวนาเก่ง บางทีก็เหมือนทำอะไรไม่เป็นเลย
ต้องกลับไปอ่าน กลับไปพิจารณาหรือทำอะไรที่รู้สึกว่าผ่านมาแล้ว
ก็ยังต้องทบทวน หมั่นพิจารณาต่อไป
มันก็มีความไม่เที่ยง บังคับไม่ได้ อาศัยกำหนดรู้สิ่งนี้ได้ตลอดทุกขณะ
แต่ต้องอบรมสติตามรู้อารมณ์ให้ได้บ่อยๆ จึงจะเกิด ภูมิความรู้นี้ขึ้น
แล้วมันจะปล่อย ความยึดมั่นใน ปฏิปทา ออก
ทุกข์ในชีวิตประจำวันมันน้อยลงไป แต่เหมือนยังไม่พอใจในผลการปฏิบัติ
มีท่านใดจะเสริม อะไรมั้ยครับ
สอบถามเรื่องการภาวนาหน่อยครับ
แต่เอาเป็นว่า ความกระหายความก้าวหน้าในการภาวนา นั้น มีอยู่
อะแฮ้ม การภาวนาแต่ก่อนจะมีนั่งสมาธิ สวดมนต์ ก่อนนอน เป็นกิจวัตร
ก็สวดบท ธรรมจักร บ่อยๆ ทำความเข้าใจความหมายตั้งใจปฏิบัติไป
วิธีภาวนาก็แค่ กำหนดรู้ทุกข์ แค่นั้นเอง ไม่ได้มีเรื่องฌาน หรือ นิมิตใดๆ
กรรมฐานที่ทำ ก็แค่ สติปัฏฐาน ที่มันจะลงของมันเอง เท่าที่จะนึกได้
เหมือนทุกวันไม่ได้มีความเพียรที่จะปฏิบัติว่า กำลังปฏิบัติอยู่
แต่ก็ไม่ได้ จมอยู่กับโลก จน หลงลืม การรู้สึกตัว
บางทีก็รู้สึก กายเคลื่อนไหว บางทีก็รู้สึกถึง จิตที่มีกิเลส อย่างนู้นอย่างนี้
ปัจจุบันไม่ได้ปฏิบัติเป็นกิจวัตรแล้ว อาศัยรู้สึกตัวเท่าที่จะนึกได้เอง
มักจะเห็นบ่อยๆ ว่า การภาวนา กรรมฐาน การก้าวหน้าหรือการไม่ก้าวหน้า
จริงๆแล้ว บางทีก็เหมือนภาวนาเก่ง บางทีก็เหมือนทำอะไรไม่เป็นเลย
ต้องกลับไปอ่าน กลับไปพิจารณาหรือทำอะไรที่รู้สึกว่าผ่านมาแล้ว
ก็ยังต้องทบทวน หมั่นพิจารณาต่อไป
มันก็มีความไม่เที่ยง บังคับไม่ได้ อาศัยกำหนดรู้สิ่งนี้ได้ตลอดทุกขณะ
แต่ต้องอบรมสติตามรู้อารมณ์ให้ได้บ่อยๆ จึงจะเกิด ภูมิความรู้นี้ขึ้น
แล้วมันจะปล่อย ความยึดมั่นใน ปฏิปทา ออก
ทุกข์ในชีวิตประจำวันมันน้อยลงไป แต่เหมือนยังไม่พอใจในผลการปฏิบัติ
มีท่านใดจะเสริม อะไรมั้ยครับ