ตอนที่ 12 งานใหญ่มาแล้ว
ผมสะดุ้งตื่นมาไม่รู้กี่โมงกี่ยามแล้ว...ที่นอนใหม่นี่มันนอนหลับสบายจริงๆเลย เมียเรานี่ช่างเลือกจริงๆ...ควนหาเมียจะกอดเมียสักหน่อย...อ้าว! เมียกูหายไปไหนวะไม่มีในที่นอน รีบลุกขึ้นนั่งตั้งสติครู่หนึ่งแล้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากชั้นล่างคิดในใจใครมาทำอะไรวะ...หันมองนาฬิกานี่เจ็ดโมงเช้าแล้วหรือนี่ ผมลุกจากที่นอนแล้วเดินลงไปชั้นล่างตามเสียงไปแล้วก็เห็นหญิงสาวแสนสวยนางหนึ่งกำลังง่วนกับการทำอาหารอยู่...โอ้แม่เจ้าภรรยาแสนสวยของเรานี่เอง ผมแอบย่องเข้าไปด้านหลังเธอแบบเงียบๆแล้วก็กอดเธอเบาๆและหอมแก้มไปหนึ่งที
“ว้าย!..ใครหนะ” เธอหันมามองแล้วก็เห็นผมกำลังกอดเธออยู่
“คุณ...ตื่นมาแล้วเหรอมาเงียบๆแบบนี้ตกใจหมดเลย ดีนะปุ๊ไม่ได้ถือมีดไม่อย่างนั้นต้องมีคนเจ็บตัวแน่” ปุ๊บอก
“โห...ใจร้ายจังจะทำร้ายสามีตัวเองเลยเหรอ” ผมออดอ้อน
“ไม่รู้ล่ะก็คนมันขี้ตกใจนี่” ผมหอมแก้มไปอีกหนึ่งที
“ขอโทษนะครับที่รักที่ทำให้ตกใจ...แล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอหอมน่ากินจริงๆเลย” ผมถาม
“ก็ทำกับข้าวนะซิ...ไปเลยไปล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลย...แล้วไปแต่งตัวแล้วค่อยลงมากินข้าว” ปุ๊ออกคำสั่ง
“คุณตื่นมาตอนไหนผมไม่เห็นรู้ตัวเลย...สงสัยเมื่อคืนคงร้องเพลงเยอะไปหน่อยเลยหลับไม่รู้เรื่องเลย”
“คนบ้า...ฉันตื่นมาตั้งแต่ตีห้าแล้ว ออกไปจ่ายตลาดมาทำกับข้าวให้คุณสามีคนขี้เซานี่แหล่ะ...ไปเลยนะล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลยแล้วค่อยมากินข้าว”
“ครับแม่เสือของไอ้หมอหนึ่งจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับแต่ก่อนไปขอหอมแก้มหนึ่งที่นะจ๊ะ”
“ว้าย!..ไอ้หมอหนึ่ง ไอ้คนเจ้าเล่ห์” แล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นชั้นบนในทันที เมียเรานี่ช่างแสนดีจริงๆทั้งสวยน่ารักแล้วยังเป็นแม่ศรีเรือนอีกเป็นโชคดีของไอ้เด็กวัดไผ่ตันจริงๆเลย
หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้วผมลงมาข้างล่างแล้วได้กลิ่นอาหารหอมฉุย...ท้องร้องแล้วผมตามกลิ่นอาหารไปเห็นภรรยาแสนสวยกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่...หันมาเห็นผมกำลังเดินมา
“คุณคะมาพอดีเลยอาหารเสร็จแล้วนะมากินกันเลยคะ” ปู๊ชวน
“หอมน่ากินมากเลยครับแต่ผมว่าไม่น่ากินเท่าภรรยาผมหรอก”
“คนบ้ายังจะมาพูดเล่นอีก...มากินข้าวได้แล้วเดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมดหรอก”
“ก่อนกินข้าวขอกินคนก่อนได้ไหมครับ”
“อีตาบ้ายังจะมาทำปากดีอีกมากินข้าวได้แล้วสายแล้ว” แล้วเราก็หัวเราะสนุกสนานแล้วก็นั่งกินข้าวด้วยกัน...อาหารมื้อนี้โคตรอร่อยเลยยิ่งได้นั่งกินกับภรรยาคนสวยแล้วมันวิเศษจริงๆเลยให้ตายซิ...ระหว่างทานข้าวกันอยู่ผมก็พูดขึ้นว่า
“ที่รักจ๋าวันนี้เราต้องไปทำงานใหญ่นะคุณเตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
“พร้อมอยู่แล้วคุณบอกแผนของคุณมาซิว่าฉันต้องทำยังไงบ้าง” ปุ๊ถาม
“วันนี้เราจะเข้าเมืองโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ของไอ้ถมเพราะวันนี้มันไม่ต้องใช้อยู่แล้วเพราะมันต้องไปกับพี่ทศ...พอเราไปถึงในเมืองเราจะตระเวนดูร้าน เอเย่นต์ต่างๆเพื่อจะได้รู้ตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละแห่ง...เราจะเลือกหนึ่งแห่ง...แล้วเราจะเข้าไปทำทีว่ามาดูอาหารเม็ดหมูสำเร็จรูปจนพนักงานหรือเจ้าของร้านมาทักเราว่าต้องการอะไร...ผมจะเป็นคนเปิดงานก่อนโดยจะบอกประมาณว่ามาดูอาหารหมูเม็ดสำเร็จรูปเพราะพ่อตาผมเขาเลี้ยงหมูอยู่แต่ใช้หัวอาหารผงผสมกับรำข้าวและปลายข้าวแล้วหมูโตช้าผมก็เลยอยากเปลี่ยนมาใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปถึงจะแพงหน่อยแต่หมูโตเร็วกว่าตอนนี้มีหมูที่เลี้ยงอยู่ 20 ตัว ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้อาหารสำเร็จรูปแล้วประสบผลสำเร็จเราจะขยายการเลี้ยงให้มากขึ้นเราสองคนก็เลยมาดูเห็นร้านนี้ใหญ่โตดีก็เลยเข้ามาดูน่ะครับ...แล้วผมจะสะกิดคุณให้ว่าต่อไปเลยเว้าภาษาอีสานบ้านคุณตามใจชอบเลยชักจูงให้เขาเชื่อให้ได้ว่าเราเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมูจริงๆแล้วให้เขาปล่อยราคาส่งมาให้ได้...คุณทำได้ไหมถ้ามีการติดขัดเรื่องการเจรจาผมจะช่วยคุณเอง ผมถึงบอกว่างานนี้มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากถ้าเราใช้ความสามารถและไหวพริบของเราให้เต็มที่ ผมรู้ว่าคุณต้องทำได้อยู่แล้วขนาดยอดมนุษย์อย่างผมยังต้องยอมให้คุณเลยจริงไหม” ต้องมีการกระตุ้นเล็กน้อยเพื่อสร้างกำลังใจที่ฮึกเหิม
“ปุ๊จะต้องทำให้ได้เลยคะคุณหมอ” ปุ๊ตอบอย่างมั่นใจ
“เยี่ยมมากเลยครับที่รักแล้วผมจะมีรางวัลให้นะ”
“รางวัลอะไรหรือคะรีบบอกมาเดี๋ยวเลยนะ...เร็วๆพูดมา” ปุ๊พยายามเค้นถามผม
“ดุจังเลย...หลังจากเสร็จภารกิจแล้วผมจะพาคุณไปท่องเมืองยโสธรยังไงล่ะ...ไปหาของกินอร่อยๆหรือถ้าคุณอยากไปช้อปปิ้งหรืออยากไปที่ไหนแล้วแต่คุณเลยขอให้เรากลับมาถึงสำนักงานก่อนบ่ายสามโมงเพื่อมาสรุปงานกับเจ้านายก็พอ” ผมบอก
“เย้...สามีฉันนี่สุดยอดจริงๆเลย” ปุ๊หัวเราะชอบใจเป็นอย่างมากผมเห็นแล้วมีความสุขมากผู้หญิงอะไรทั้งน่ารักและสวยงามจริงๆ
ทานข้าวกันอิ่มแล้วเรา 2 คนก็ช่วยกันเก็บโต๊ะอาหารแล้วก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าสำนักงานผมหันไปดูก็เห็นบุญถมกำลังเดินเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียดผมเดาว่ามันคงเครียดเรื่องเมื่อคืนเป็นแน่ผมจึงบอกปุ๊ว่า...
“ที่รักคุณทำไปก่อนนะผมขอไปคุยกับไอ้ถมมันหน่อย” ปุ๊ได้ยินผมพูดแล้วก็ชะโงกไปดูด้านหน้าพอเห็นแล้วว่ามีอะไรเลยสั่งการผมในทันที
“รีบไปเลยไปทำความเข้าใจกับเพื่อนคุณซะ ให้ไวเลยนะ” ผมเดินเข้ามาทักบุญถม
“ถม...มาแต่เช้าเลยนะเรื่องเมื่อคืนถ้ากูพูดอะไรออกไปแล้วทำให้ไม่สบายใจหรือทำให้โกรธ...กูขอโทษด้วยนะกูสติหลุดหงุดหงิด
ไรไม่รู้หวะอาจจะเครียดหรือเหนื่อยกูก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย...ถ้าเมียกูไม่มาเตือนสติกูคงสติแตกไปแล้วกูขอโทษด้วยนะเพื่อนอย่าโกรธกูเลยนะ...กูคงเครียดเรื่องงานมากเกินไปกระมัง...งานนี้มันเป็นงานใหญ่มากการเปิดสาขาใหม่มันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะแล้วประสบการณ์ของกูก็น้อยมากแถมยังอวดดีไปรับปากท่านประธานบริษัทฯอีกว่ากูจะต้องเปิดสาขาในยโสธรให้ได้ยิ่งทำให้กูต้องคิดและวางแผนงานให้ดีแล้วก็ต้องรอบครอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น...อย่างที่กูบอกเมื่อคืนที่ว่าต่อไปเราต้องเจอศึกหนักแน่นอนให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้...เพราะหลังจากทีมงานของพี่ทศกลับไปแล้วก็จะเหลือแค่กับกูเราสองคนต้องลุยกันต่อไปเพื่อให้สาขานี้เกิดให้ได้...ไม่อย่างนั้นกับกูเตรียมหางานใหม่ได้เลย...เรื่องนี้ทำให้กูเครียดมากๆเลยว่ะเพื่อนกูขอโทษอีกครั้งนะอย่าถือสาอะไรกูเลยนะเพื่อน” แล้วก็มีมือแข็งๆมาโอบไหล่ผมแล้วก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
“หนึ่ง...กูต่างหากที่ต้องขอโทษที่กูปากพร่อยพูดไม่คิดเลยทำให้ไม่พอใจ...เอาเถอะนะเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าเอามาใส่ใจเลยหวะ อย่างที่บอกว่าเราต้องเจออะไรต่ออะไรอีกเยอะถ้าเราไม่สามัคคีกันเราคงต้องหางานใหม่อย่างที่ว่านั่นแหล่ะ” ผมหันมามองหน้าบุญถม
“ขอบใจหวะเพื่อนที่เข้าใจกู” ผมคุยกับบุญถมจบแล้วแต่จู่ๆก็มีมือนุ่มๆเข้ามากอดจากด้านหลังและมีเสียงร้องไห้
“หนึ่งขา...ปุ๊เข้าใจแล้วว่าคุณต้องแบกรับภาระมากแค่ไหนปุ๊ขอโทษต่อไปนี้ปุ๊จะไม่สร้างปัญหาให้คุณต้องปวดหัวอีกแล้ว”
“อ้าว...คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่มาแอบฟังพวกเราคุยกันเหรอ...เสียมารยาทนะนี่...มาแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน หนะ” ผมทำเป็นตำหนิ
“ถ้าไม่มาแอบฟังแล้วจะรู้เหรอว่าคุณต้องรับภาระมากขนาดไหน” เธอยังกอดผมแน่น
“ปุ๊จ๋า...ที่ผมคุยกับบุญถมหนะผมแค่อธิบายให้บุญถมฟังเกี่ยวกับหน้าที่ที่เราจะต้องรับผิดชอบเพื่อพวกเราจะได้ร่วมกันวางแผนงานที่จะต้องทำต่อไปให้มันสำเร็จก็เท่านั้นเอง...ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยคุณก็รู้นี่ว่าผมมันยอดมนุษย์นะแล้วยิ่งมีภรรยาแสนสวยของผมคอยเป็นผู้ช่วยงานต้องผ่านฉลุยแน่นอนอยู่แล้วอย่ากังวลเลยนะผมเอาอยู่น่าหยุดร้องไห้ได้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ” ผมปลอบ
“ก็ปุ๊เป็นห่วงคุณนี่...ปุ๊รู้นะว่าคุณทำเพื่ออนาคตของเราหนะ” ปู๊พูดปนน้ำตา
“ก็มันแน่อยู่แล้วจะให้ผมเป็นหมอต๊อกต๋อยไปตลอดเหรออย่างน้อยผมก็ต้องเป็นหัวหน้าสาขาสิถึงจะเหมาะสมกับผู้ช่วยเลขาฯของท่านประธานบริษัทฯซิครับ” ผมบอก
“คะ...เข้าใจแล้วคะขอบคุณมากนะคะทูนหัวที่ทำเพื่อปุ๊ถึงขนาดนี้” ปุ๊คลายกอดจากผมแล้วผมก็เลยโอบไหล่เธอแล้วพูดขึ้นว่า
“ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะปกป้องและก็จะดูแลคุณไปตลอดชีวิตหนะ...หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
เสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าสำนักงานพี่ทศกับพี่มดมาถึงแล้วลงมาจากรถแล้วก็เดินเข้ามาในสำนักงาน
“สวัสดีครับพี่ทศ พี่มด” ทุกคนยกมือไหว้ พี่ทศกับพี่มดยกมือรับไหว้
“เป็นยังบ้างวะคู่รักนอนหลับสบายไหม” พี่ทศทักทาย
“หลับสบายมากครับที่นอนชุดใหม่นี่นุ่มมากเลยครับแฟนผมนี่ช่างเลือกจริงๆเลย แล้วพี่มดล่ะครับนอนที่โรงแรมเป็นยังไงบ้างสะดวกดีไหมครับ แล้วพี่ทศเขารังแกอะไรพี่หรือเปล่าถ้ามีบอกผมได้นะพี่ผมจะไปฟ้องท่านประธานฯ” ผมแซว
“ไอ้บ้า...ใครเขาจะไปทำอะไรแบบนั้นวะ...เดี๋ยวก็โดนกระทืบหรอก” พี่ทศขู่
“ก็ใครจะไปรู้วะพี่พอรู้ว่าพี่มดจะมาเห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นับวันเวลาคอยเลยไม่ใช่เหรอ” ผมแซวไปอีก
“ไอ้หนึ่ง...ถ้ายังไม่หุบปากนะเดี๋ยวตีนของกูจะเข้าไปอยู่ในปากของ”
“พี่มดครับช่วยผมด้วยครับพี่ทศเขาจะทำร้ายผม” ทุกคนขบขัน
“พอแล้วหนึ่ง...อย่าไปหยอกพี่ทศเขาแบบนั้นซิ พี่ทศเขาเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะชวนพี่ไปดินเนอร์บนดาดฟ้าโรงแรมบรรยากาศดีมาก แล้วปรึกษาเรื่องงานที่จะทำในวันนี้ แหล่ะจ้ะ” พี่ทศแสดงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วแลมาทางผม
“ดาดฟ้าโรงแรมเลยเหรอพี่โอ้โฮอย่างหรูเลยนะนั่น ปุ๊จ๋าอย่างนั้นคืนนี้เราขึ้นไปดินเนอร์บนหลังคากันบ้างดีกว่านะ” ผมหยอกปุ๊
“บ้า...ขึ้นไปคนเดียวเถอะฉันไม่บ้าตามขึ้นไปหรอก” แล้วก็มีเสียงหัวเราะแบบขบขัน
“เอาล่ะครับหัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใสนะครับ พี่ทศครับในฐานะผู้จัดการเขต มีอะไรจะพูดบ้างไหมครับเพราะวันนี้จะเป็นวันแรกของการทำงานของพวกเราอย่างเป็นทางการแล้ว” ผมชงให้พี่ทศ
“ก็อย่างที่ทราบกันนะครับการเปิดสาขาแห่งนี้ในจังหวัดยโสธรนั้นเป็นนโยบายของทางคณะผู้บริหารเพราะฉะนั้นพวกเราจึงต้องมาที่นี่ผมหวังว่าพวกเราทุกคนจะตั้งใจทำงานกันให้เต็มที่นะครับ...หนึ่งมีอะไรเสริมไหม” พี่ทศชงต่อมาให้ผม
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 12
“ว้าย!..ใครหนะ” เธอหันมามองแล้วก็เห็นผมกำลังกอดเธออยู่
“คุณ...ตื่นมาแล้วเหรอมาเงียบๆแบบนี้ตกใจหมดเลย ดีนะปุ๊ไม่ได้ถือมีดไม่อย่างนั้นต้องมีคนเจ็บตัวแน่” ปุ๊บอก
“โห...ใจร้ายจังจะทำร้ายสามีตัวเองเลยเหรอ” ผมออดอ้อน
“ไม่รู้ล่ะก็คนมันขี้ตกใจนี่” ผมหอมแก้มไปอีกหนึ่งที
“ขอโทษนะครับที่รักที่ทำให้ตกใจ...แล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่เหรอหอมน่ากินจริงๆเลย” ผมถาม
“ก็ทำกับข้าวนะซิ...ไปเลยไปล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลย...แล้วไปแต่งตัวแล้วค่อยลงมากินข้าว” ปุ๊ออกคำสั่ง
“คุณตื่นมาตอนไหนผมไม่เห็นรู้ตัวเลย...สงสัยเมื่อคืนคงร้องเพลงเยอะไปหน่อยเลยหลับไม่รู้เรื่องเลย”
“คนบ้า...ฉันตื่นมาตั้งแต่ตีห้าแล้ว ออกไปจ่ายตลาดมาทำกับข้าวให้คุณสามีคนขี้เซานี่แหล่ะ...ไปเลยนะล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลยแล้วค่อยมากินข้าว”
“ครับแม่เสือของไอ้หมอหนึ่งจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับแต่ก่อนไปขอหอมแก้มหนึ่งที่นะจ๊ะ”
“ว้าย!..ไอ้หมอหนึ่ง ไอ้คนเจ้าเล่ห์” แล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นชั้นบนในทันที เมียเรานี่ช่างแสนดีจริงๆทั้งสวยน่ารักแล้วยังเป็นแม่ศรีเรือนอีกเป็นโชคดีของไอ้เด็กวัดไผ่ตันจริงๆเลย
หลังจากทำภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้วผมลงมาข้างล่างแล้วได้กลิ่นอาหารหอมฉุย...ท้องร้องแล้วผมตามกลิ่นอาหารไปเห็นภรรยาแสนสวยกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่...หันมาเห็นผมกำลังเดินมา
“คุณคะมาพอดีเลยอาหารเสร็จแล้วนะมากินกันเลยคะ” ปู๊ชวน
“หอมน่ากินมากเลยครับแต่ผมว่าไม่น่ากินเท่าภรรยาผมหรอก”
“คนบ้ายังจะมาพูดเล่นอีก...มากินข้าวได้แล้วเดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมดหรอก”
“ก่อนกินข้าวขอกินคนก่อนได้ไหมครับ”
“อีตาบ้ายังจะมาทำปากดีอีกมากินข้าวได้แล้วสายแล้ว” แล้วเราก็หัวเราะสนุกสนานแล้วก็นั่งกินข้าวด้วยกัน...อาหารมื้อนี้โคตรอร่อยเลยยิ่งได้นั่งกินกับภรรยาคนสวยแล้วมันวิเศษจริงๆเลยให้ตายซิ...ระหว่างทานข้าวกันอยู่ผมก็พูดขึ้นว่า
“ที่รักจ๋าวันนี้เราต้องไปทำงานใหญ่นะคุณเตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
“พร้อมอยู่แล้วคุณบอกแผนของคุณมาซิว่าฉันต้องทำยังไงบ้าง” ปุ๊ถาม
“วันนี้เราจะเข้าเมืองโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ของไอ้ถมเพราะวันนี้มันไม่ต้องใช้อยู่แล้วเพราะมันต้องไปกับพี่ทศ...พอเราไปถึงในเมืองเราจะตระเวนดูร้าน เอเย่นต์ต่างๆเพื่อจะได้รู้ตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละแห่ง...เราจะเลือกหนึ่งแห่ง...แล้วเราจะเข้าไปทำทีว่ามาดูอาหารเม็ดหมูสำเร็จรูปจนพนักงานหรือเจ้าของร้านมาทักเราว่าต้องการอะไร...ผมจะเป็นคนเปิดงานก่อนโดยจะบอกประมาณว่ามาดูอาหารหมูเม็ดสำเร็จรูปเพราะพ่อตาผมเขาเลี้ยงหมูอยู่แต่ใช้หัวอาหารผงผสมกับรำข้าวและปลายข้าวแล้วหมูโตช้าผมก็เลยอยากเปลี่ยนมาใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปถึงจะแพงหน่อยแต่หมูโตเร็วกว่าตอนนี้มีหมูที่เลี้ยงอยู่ 20 ตัว ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้อาหารสำเร็จรูปแล้วประสบผลสำเร็จเราจะขยายการเลี้ยงให้มากขึ้นเราสองคนก็เลยมาดูเห็นร้านนี้ใหญ่โตดีก็เลยเข้ามาดูน่ะครับ...แล้วผมจะสะกิดคุณให้ว่าต่อไปเลยเว้าภาษาอีสานบ้านคุณตามใจชอบเลยชักจูงให้เขาเชื่อให้ได้ว่าเราเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมูจริงๆแล้วให้เขาปล่อยราคาส่งมาให้ได้...คุณทำได้ไหมถ้ามีการติดขัดเรื่องการเจรจาผมจะช่วยคุณเอง ผมถึงบอกว่างานนี้มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากถ้าเราใช้ความสามารถและไหวพริบของเราให้เต็มที่ ผมรู้ว่าคุณต้องทำได้อยู่แล้วขนาดยอดมนุษย์อย่างผมยังต้องยอมให้คุณเลยจริงไหม” ต้องมีการกระตุ้นเล็กน้อยเพื่อสร้างกำลังใจที่ฮึกเหิม
“ปุ๊จะต้องทำให้ได้เลยคะคุณหมอ” ปุ๊ตอบอย่างมั่นใจ
“เยี่ยมมากเลยครับที่รักแล้วผมจะมีรางวัลให้นะ”
“รางวัลอะไรหรือคะรีบบอกมาเดี๋ยวเลยนะ...เร็วๆพูดมา” ปุ๊พยายามเค้นถามผม
“ดุจังเลย...หลังจากเสร็จภารกิจแล้วผมจะพาคุณไปท่องเมืองยโสธรยังไงล่ะ...ไปหาของกินอร่อยๆหรือถ้าคุณอยากไปช้อปปิ้งหรืออยากไปที่ไหนแล้วแต่คุณเลยขอให้เรากลับมาถึงสำนักงานก่อนบ่ายสามโมงเพื่อมาสรุปงานกับเจ้านายก็พอ” ผมบอก
“เย้...สามีฉันนี่สุดยอดจริงๆเลย” ปุ๊หัวเราะชอบใจเป็นอย่างมากผมเห็นแล้วมีความสุขมากผู้หญิงอะไรทั้งน่ารักและสวยงามจริงๆ
ทานข้าวกันอิ่มแล้วเรา 2 คนก็ช่วยกันเก็บโต๊ะอาหารแล้วก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าสำนักงานผมหันไปดูก็เห็นบุญถมกำลังเดินเข้ามาสีหน้าเคร่งเครียดผมเดาว่ามันคงเครียดเรื่องเมื่อคืนเป็นแน่ผมจึงบอกปุ๊ว่า...
“ที่รักคุณทำไปก่อนนะผมขอไปคุยกับไอ้ถมมันหน่อย” ปุ๊ได้ยินผมพูดแล้วก็ชะโงกไปดูด้านหน้าพอเห็นแล้วว่ามีอะไรเลยสั่งการผมในทันที
“รีบไปเลยไปทำความเข้าใจกับเพื่อนคุณซะ ให้ไวเลยนะ” ผมเดินเข้ามาทักบุญถม
“ถม...มาแต่เช้าเลยนะเรื่องเมื่อคืนถ้ากูพูดอะไรออกไปแล้วทำให้ไม่สบายใจหรือทำให้โกรธ...กูขอโทษด้วยนะกูสติหลุดหงุดหงิด ไรไม่รู้หวะอาจจะเครียดหรือเหนื่อยกูก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย...ถ้าเมียกูไม่มาเตือนสติกูคงสติแตกไปแล้วกูขอโทษด้วยนะเพื่อนอย่าโกรธกูเลยนะ...กูคงเครียดเรื่องงานมากเกินไปกระมัง...งานนี้มันเป็นงานใหญ่มากการเปิดสาขาใหม่มันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะแล้วประสบการณ์ของกูก็น้อยมากแถมยังอวดดีไปรับปากท่านประธานบริษัทฯอีกว่ากูจะต้องเปิดสาขาในยโสธรให้ได้ยิ่งทำให้กูต้องคิดและวางแผนงานให้ดีแล้วก็ต้องรอบครอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น...อย่างที่กูบอกเมื่อคืนที่ว่าต่อไปเราต้องเจอศึกหนักแน่นอนให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้...เพราะหลังจากทีมงานของพี่ทศกลับไปแล้วก็จะเหลือแค่กับกูเราสองคนต้องลุยกันต่อไปเพื่อให้สาขานี้เกิดให้ได้...ไม่อย่างนั้นกับกูเตรียมหางานใหม่ได้เลย...เรื่องนี้ทำให้กูเครียดมากๆเลยว่ะเพื่อนกูขอโทษอีกครั้งนะอย่าถือสาอะไรกูเลยนะเพื่อน” แล้วก็มีมือแข็งๆมาโอบไหล่ผมแล้วก็มีเสียงพูดขึ้นว่า
“หนึ่ง...กูต่างหากที่ต้องขอโทษที่กูปากพร่อยพูดไม่คิดเลยทำให้ไม่พอใจ...เอาเถอะนะเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าเอามาใส่ใจเลยหวะ อย่างที่บอกว่าเราต้องเจออะไรต่ออะไรอีกเยอะถ้าเราไม่สามัคคีกันเราคงต้องหางานใหม่อย่างที่ว่านั่นแหล่ะ” ผมหันมามองหน้าบุญถม
“ขอบใจหวะเพื่อนที่เข้าใจกู” ผมคุยกับบุญถมจบแล้วแต่จู่ๆก็มีมือนุ่มๆเข้ามากอดจากด้านหลังและมีเสียงร้องไห้
“หนึ่งขา...ปุ๊เข้าใจแล้วว่าคุณต้องแบกรับภาระมากแค่ไหนปุ๊ขอโทษต่อไปนี้ปุ๊จะไม่สร้างปัญหาให้คุณต้องปวดหัวอีกแล้ว”
“อ้าว...คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่มาแอบฟังพวกเราคุยกันเหรอ...เสียมารยาทนะนี่...มาแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน หนะ” ผมทำเป็นตำหนิ
“ถ้าไม่มาแอบฟังแล้วจะรู้เหรอว่าคุณต้องรับภาระมากขนาดไหน” เธอยังกอดผมแน่น
“ปุ๊จ๋า...ที่ผมคุยกับบุญถมหนะผมแค่อธิบายให้บุญถมฟังเกี่ยวกับหน้าที่ที่เราจะต้องรับผิดชอบเพื่อพวกเราจะได้ร่วมกันวางแผนงานที่จะต้องทำต่อไปให้มันสำเร็จก็เท่านั้นเอง...ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยคุณก็รู้นี่ว่าผมมันยอดมนุษย์นะแล้วยิ่งมีภรรยาแสนสวยของผมคอยเป็นผู้ช่วยงานต้องผ่านฉลุยแน่นอนอยู่แล้วอย่ากังวลเลยนะผมเอาอยู่น่าหยุดร้องไห้ได้แล้วเดี๋ยวไม่สวยนะ” ผมปลอบ
“ก็ปุ๊เป็นห่วงคุณนี่...ปุ๊รู้นะว่าคุณทำเพื่ออนาคตของเราหนะ” ปู๊พูดปนน้ำตา
“ก็มันแน่อยู่แล้วจะให้ผมเป็นหมอต๊อกต๋อยไปตลอดเหรออย่างน้อยผมก็ต้องเป็นหัวหน้าสาขาสิถึงจะเหมาะสมกับผู้ช่วยเลขาฯของท่านประธานบริษัทฯซิครับ” ผมบอก
“คะ...เข้าใจแล้วคะขอบคุณมากนะคะทูนหัวที่ทำเพื่อปุ๊ถึงขนาดนี้” ปุ๊คลายกอดจากผมแล้วผมก็เลยโอบไหล่เธอแล้วพูดขึ้นว่า
“ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะปกป้องและก็จะดูแลคุณไปตลอดชีวิตหนะ...หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
เสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าสำนักงานพี่ทศกับพี่มดมาถึงแล้วลงมาจากรถแล้วก็เดินเข้ามาในสำนักงาน
“สวัสดีครับพี่ทศ พี่มด” ทุกคนยกมือไหว้ พี่ทศกับพี่มดยกมือรับไหว้
“เป็นยังบ้างวะคู่รักนอนหลับสบายไหม” พี่ทศทักทาย
“หลับสบายมากครับที่นอนชุดใหม่นี่นุ่มมากเลยครับแฟนผมนี่ช่างเลือกจริงๆเลย แล้วพี่มดล่ะครับนอนที่โรงแรมเป็นยังไงบ้างสะดวกดีไหมครับ แล้วพี่ทศเขารังแกอะไรพี่หรือเปล่าถ้ามีบอกผมได้นะพี่ผมจะไปฟ้องท่านประธานฯ” ผมแซว
“ไอ้บ้า...ใครเขาจะไปทำอะไรแบบนั้นวะ...เดี๋ยวก็โดนกระทืบหรอก” พี่ทศขู่
“ก็ใครจะไปรู้วะพี่พอรู้ว่าพี่มดจะมาเห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นับวันเวลาคอยเลยไม่ใช่เหรอ” ผมแซวไปอีก
“ไอ้หนึ่ง...ถ้ายังไม่หุบปากนะเดี๋ยวตีนของกูจะเข้าไปอยู่ในปากของ”
“พี่มดครับช่วยผมด้วยครับพี่ทศเขาจะทำร้ายผม” ทุกคนขบขัน
“พอแล้วหนึ่ง...อย่าไปหยอกพี่ทศเขาแบบนั้นซิ พี่ทศเขาเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะชวนพี่ไปดินเนอร์บนดาดฟ้าโรงแรมบรรยากาศดีมาก แล้วปรึกษาเรื่องงานที่จะทำในวันนี้ แหล่ะจ้ะ” พี่ทศแสดงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วแลมาทางผม
“ดาดฟ้าโรงแรมเลยเหรอพี่โอ้โฮอย่างหรูเลยนะนั่น ปุ๊จ๋าอย่างนั้นคืนนี้เราขึ้นไปดินเนอร์บนหลังคากันบ้างดีกว่านะ” ผมหยอกปุ๊
“บ้า...ขึ้นไปคนเดียวเถอะฉันไม่บ้าตามขึ้นไปหรอก” แล้วก็มีเสียงหัวเราะแบบขบขัน
“เอาล่ะครับหัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใสนะครับ พี่ทศครับในฐานะผู้จัดการเขต มีอะไรจะพูดบ้างไหมครับเพราะวันนี้จะเป็นวันแรกของการทำงานของพวกเราอย่างเป็นทางการแล้ว” ผมชงให้พี่ทศ
“ก็อย่างที่ทราบกันนะครับการเปิดสาขาแห่งนี้ในจังหวัดยโสธรนั้นเป็นนโยบายของทางคณะผู้บริหารเพราะฉะนั้นพวกเราจึงต้องมาที่นี่ผมหวังว่าพวกเราทุกคนจะตั้งใจทำงานกันให้เต็มที่นะครับ...หนึ่งมีอะไรเสริมไหม” พี่ทศชงต่อมาให้ผม