ตอนที่ 15 อุปสรรคระหว่างกลับลำพูน
วันนี้สดใสตื่นมาเห็นภรรยารีบเร่งจัดเของเพื่อจะเดินทางดูเธอตื่นเต้นที่จะได้ไปลำพูน บ้านเกิดของผม
“ที่รักคุณกำลังทำอะไรอยู่นะครับ” ผมทักไป
“ก็กำลังจัดกระเป๋าเดินทางนะซิคะคุณถ้าว่างก็มาช่วยกันหน่อยเร็ว”
“ได้เลยครับจะให้ช่วยยังบ้างล่ะ”
“ก็นี่ไงเสื้อผ้าที่ฉันเก็บมานี่แล้ว คุณพับแล้วแยกของคุณกับของฉัน เดี๋ยวฉันจะเก็บเข้ากระเป๋าเองของใครของมัน”
“รับทราบครับคุณภรรยา”
“ไม่ต้องมาปากดีเลยช่วยกันเร็วๆจะได้เสร็จไวๆ” ปุ๊สั่ง
“ครับผม” ผมเห็นภรรยาผมแล้วตลกจริงๆออกอาการตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ไปลำพูน หลังจากจัดสัมภาระเสร็จแล้วก่อนออกเดินทางเธอสั่งให้ผมไปสำรวจประตูหน้าต่างแล้วก็ระบบไฟภายในบ้านว่าจัดการเรียบร้อยหรือเปล่าเพราะกลัวเรื่องอุบัติเหตุและขโมยโขจร
“ผมตรวจเช็คเรียบร้อยแล้วครับรับรองปลอดภัย 100 %“ ผมรายงาน
“ให้มันแน่นะถ้าของหายแม้แต่ชิ้นเดียว...คุณตายแน่...ออกไปแล้วล็อกประตูให้ดีด้วย” เมียขู่
“จะให้ผมบอกพี่พจน์ไหมว่าขอให้คนมาดูแลบ้านให้ด้วยช่วงที่เราไม่อยู่หนะ” ผมหยอก
“เออ...ก็ดีนะสามีฉันนี่ฉลาดจริงๆเลย” ปุ๊ชมผม
“แต่ผมไม่มีเบอร์ของพี่พจน์นะซิ”
“ว่ายังไงนะไม่มีเบอร์แล้วพูดมาทำไม” ปุ๊ฉุนขึ้นมาอีกแล้ว
“แต่ผมมีเบอร์ของเจ๊กานดานะ” ผมแก้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบโทรไปซิจะรอทำไม” ปุ๊สั่ง
“ได้ครับ...แต่คุณต้องเป็นคนโทรไปคุยเองนะ”
“ทำไมคุณไม่คุย”
“ผมไม่อยากไปยุ่งกับเมียชาวบ้านเขาหนะ แค่เมียผมคนเดียวผมก็เกือบตายมาแล้วไม่รู้กี่รอบ..ขืนรอบนี้ไปยุ่งอีกผมต้องตายจริงๆอย่างแน่นอน” ผมกะล่อนไปตามเรื่อง
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเบอร์มาฉันจะโทรไปคุยเอง” ผมยื่นเบอร์โทร.ให้ เธอหยิบไปแล้วก็เดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะสักพักก็เดินกลับมาแบบยิ้มแย้มแจ่มใส
“ที่รักคะเราเดินทางกันได้แล้วนะ เจ๊กานดาเขารับปากแล้วคะว่าจะคอยส่งคนไปคอยดูแลให้..มาซิคะเดี๋ยวไปขึ้นรถไม่ทันนะ..มาเร็วๆ” อะไรกันวะอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายจริงๆเลยเมียกูเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กูปรับตัวไม่ทันเลย อย่างอื่นกูไม่กลัว...กลัวอย่างเดียวมนุษย์เมียนี่แหละกูอยากจะบ้าตาย
เราขึ้นรถโดยสายจากคำเขื่อนแก้วจนถึงจังหวัดอุบลราชธานีโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วก็ต่อรถไปที่สถานีขนส่งอุบลฯ จากนั้นเราก็เดินหาซื้อตั๋วรถทัวร์สายอุบลฯ-เชียงใหม่ เรารีบเข้าไปในสถานีขนส่งในทันทีแล้วก็เจอสายรถทัวร์แห่งหนึ่งติดป้ายว่า อุบลฯ-เชียงใหม่ เราก็เลยเข้าไปสอบถาม
“สวัสดีครับ พวกเราจะเดินทางไปลำพูนหนะครับวันนี้มีรถเที่ยวไหนไปบ้างครับ..ผมอยากทราบเวลาที่!..” ปุ๊เบรคผม
“มานี่ๆฉันคุยเองให้คุณคุยไม่รู้เรื่องสักที” แล้วเธอก็คุยแบบกับพนักงานขายตั๋วแบบซาวน์แทร็ตอย่างเอร็ดอร่อย จนได้ตั๋วรถ VIP มาสองใบรวมราคาแล้วประมาณ 800 บาท ภรรยาผมบอกว่าเรียบร้อยแล้ว
“คุณจองตั๋ว VIP เลยเหรอมันจะแพงไปรึป่าว” ผมถาม
“ก็ฉันพอใจนี่...ฉันจะเอาแบบไหนก็ได้..คุณไม่ต้องพูดมาก...คุณคะกว่ารถจะออกก็ตั้ง 2 ทุ่มแน่ะ” ปุ๊บอกผม
“ตอนนี้ก็โมงแล้ว” ผมถาม
“เที่ยงกว่าแล้วคะ” ปุ๊ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนไหมครับ” ผมเสนอ
“ดีคะ..อย่างนั้นคุณนำไปนะคะ”
“ตามผมมาให้ทันนะ” ผมหยอกเล่น ผมเดินนำเธอวิ่งตามจนมาเจอร้านอาหารร้านแห่งหนึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้า
“ร้านนี้น่านั่งนะเราเข้าไปดูกันไหม” ผมชวน
“ก็ดีคะ..เอ้จะกินอะไรดีน้า” แล้วเราก็เข้าไปในร้าน มีพนักงานมาต้อนรับ
“รับอะไรดีครับ” พนักงานเสิร์ฟถามพร้อมยื่นรายการอาหารให้
“ผมเอาข้าวขาหมู กับเกี๊ยวกุ้ง คุณจะสั่งอะไร” ผมสั่งอาหารของผม
“ฉันเอาข้าวมันไก่ก็แล้วกัน” ปุ๊สั่งบ้าง ระหว่างรออาหาร เธอถามผมว่า
“นี่คุณพ่อกับแม่คุณท่านใจดีจริงเหรอ”
“จริงซิ..คุณถามทำไมเหรอ” ผมสงสัย
“เปล่าก็แค่อยากรู้..เออ..แล้วท่านชอบอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมฉันหมายถึงของประดับหรือของใช้อะไรแบบนี้ หนะ” ปุ๊ถาม
“แม่เป็นผู้หญิงก็ต้องชอบของประดับซิ เช่น สร้อยคอสร้อยข้อมือ กำไล แหวนอะไรพวกนี้แหละ ผมเห็นท่านเก็บไว้นะแต่ไม่ค่อยเห็นเอามาใส่ หรืออาจเอามาใส่ในช่วงไปออกงานก็ได้ผมไม่ค่อยได้สังเกต” ผมตอบ
“แล้วพ่อคุณล่ะ” ปุ๊ถามต่อ
“พ่อผมเหรอ...รายนั้นเขาบ้านาฬิกา เวลานายจ้างเอานาฬิกาซึ่งเขาคิดว่ามันเสียแล้วเอามาให้พ่อบางทีตั้ง 2-3 เรือนก็มี พ่อจะดีใจมากถึงจะเป็นนาฬิกาที่เสียแล้วแต่คุณเชื่อไหมพ่อผมทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาได้อีกนะ พ่อก็เลยชอบสะสมนาฬิกา..คุณถามทำไมเหรอ" ผมสงสัย
“เปล่าก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง..เออคุณกินไปก่อนนะเดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง” ปุ๊บอก
“ รีบไปรีบมานะระวังตัวด้วยนะ” ผมก็นั่งกินต่อไป แต่แอบได้ยินโต๊ะข้างๆคุยกันว่าแถวนี้มีโรงหนังด้วยเข้าท่าเลยชวนเมียไปดูหนังดีกว่า ซักพักนึงแล้วปุ๊ก็มา
“รอนานไหมคะที่รัก” ปุ๊ถาม ผมเลยตอบไปว่า
“นานเป็นชาติเลย คุณแอบไปซื้อของมาใช่ไหม” ผมถามแบบทำหน้าเข้ม
“เปล่านะคนในห้องน้ำมันเยอะ แล้วฉันก็หลงทางด้วยก็เลยมาช้าไปหน่อยหนะค่ะ..โกรธรึคะ” ปุ๊ถามแบบมีเลสนัย
“เปล่า...ผมนึกว่าคุณหนีกลับบ้านไปแล้ว ผมจะได้กินของบนโต๊ะนี่ให้หมดเลยตากห่าง” ผมหยอก
“คนบ้าฉันกินยังไม่อิ่มเลยนะ”
“อย่างนั้นก็กินต่อซิ นี่คุณกินข้าวแล้วเราไปดูหนังกันไหม..ผมได้ยินเขาคุยกันนะ..ว่าแถวนี้มีโรงหนังด้วยนะ..เราไปเที่ยวดูกันไหมว่ามีเรื่องอะไรฉายบ้างระหว่างรอขึ้นรถ” ผมเสนอ
“อือ..ก็ดีซิคะ..อย่างนั้นไปกันเลย” เธอรีบชวนผมทันที
“อ้าว!..ไม่กินให้หมดก่อนเหรอ”
“ฉันอิ่มแล้วไปกันเลย”
“เดี๋ยวไม่จ่ายเงินค่าอาหารก่อนเหรอ”
“คุณก็ไปจ่ายเลยซิแล้วรีบตามมานะ” ไม่พ้นกูอีกแล้ว จ่ายค่าอาหารแล้วเธอก็รีบลากผมไปที่โรงหนังทันที เข้าไปที่หน้าโรงหนังแล้วก็เที่ยวดูโปรแกรมหนังที่จะฉายในช่วงบ่าย
“นี่ๆคุณเรื่องบ้านผีปอบภาค16น่าดูนะทั้งตลกทั้งสยองดูไหม” ผมแกล้งถาม
“ไม่เอาคุณก็รู้ว่าฉันกลัวผี”
“ยกเว้นผีผ้าห่มใช่ไหมที่ไม่น่ากลัวหนะ” ผมแกล้งต่อ
“ไอ้บ้า..ผีตัวนี้แหละน่ากลัวที่สุด..เสียตัวตลอด..ไปหาดูโรงอื่นเร็วๆ” เธอดึงแขนผม
“คุณๆโรงนั้นเขาฉายหนังฝรั่งพากย์ไทยด้วยน่าสนใจมากเลยผมออกดูมานานแล้ว” ผมบอก
“เรื่องอะไรเหรอ” ปุ๊ถาม
“เรื่อง The day after tomorrow วันสิ้นโลก ไม่มีผีมีแต่ความตื่นเต้น เป็นหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หนะไม่น่ากลัวหรอก ผมอยากดูมานานแล้วนี่ก็ใกล้เวลาฉายหนังแล้วเราไปดูกันเถอะ...นะครับ” ผมออดอ้อน
“ไม่น่ากลัวแน่นะ..อย่างนั้นก็ได้” ปุ๊ไม่ไว้ใจ
“เราเข้าไปซื้อตั๋วแล้วเข้าไปดูกันเลย”
ซื้อตั๋วหนังแล้วพวกเราเดินเข้าไปในโรงหนังนั่งประจำที่เรียบร้อยหนังกำลังจะเริ่มฉายพอดีดูปุ๊ตื่นเต้นมาก หนังฉายไปแล้วหลายนาทีปุ๊ตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มากจับมือผมไม่ปล่อยเลย ดูเธอมีความสุขมากๆ ผมก็ด้วยและจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงในหัวสมอง
(ไอ้น้อง - ไอ้สติมาได้ไงวะพี่ – กูมีเรื่องจะบอกวันนี้บนรถทัวร์ที่พวกจะนั่งกลับบ้านมันจะระเบิด – เป็นไปได้ไงวะรู้ได้ยังไง – บริวารของกูมาบอก – มีบริวารด้วยเหรอ – ก็เพราะบุญกุศลที่ทำไปให้กูนั่นแหละทำให้ตอนนี้กูได้เลื่อนเป็นเทวดาคอยคุ้มครองกับแม่ปุ๊กูมีชื่อแล้วนะชื่อว่าอมรเทพ – แม่ปุ๊หมายความว่ายังไงกูไม่เข้าใจหวะ – แม่ปุ๊ก็คือแม่ที่กูจะไปจุติเป็นลูกท่านยังไงล่ะ – ถ้าอย่างนั้นกูก็เป็นพ่อของซินะ – ก็อาจจะใช่ถ้าไม่ตายซะก่อน อันนี้กูพูดเล่นเอาคืนบ้างไงล่ะที่ชอบด่ากู – เอ่อช่างเถอะแล้วรถทัวร์จะระเบิดได้ยังไง – กูรู้แต่ว่ามันต้องการเอาชีวิต – ใครมันจะฆ่ากูวะ...เลวจริงๆ จะฆ่ากูคนเดียวเล่นจะคนอื่นมาตายด้วยเลยอย่างนั้นเลยหรือวะ มันเป็นใครที่คิดจะทำแบบนี้ใครเป็นตัวบงการให้กูเดานะใช่ไอ้เจ็คหนวดจิ๋มหรือเปล่า – ใช่...มันนั่นแหละ มันจะทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุนะซิ – ไอ้เลวมันคงแค้นกูมากซินะเรื่องปุ๊หนะ ได้อยากเล่นกับกูเหรอเดี๋ยวกูจัดให้เต็มๆเลย - เฮ้ย!..อย่าไปฆ่าใครนะเดี๋ยวบุญกูหมดกูจะไม่ได้ไปเกิด - วางใจเถอะกูไม่ฆ่าใครหรอกแต่กูแค่จะสั่งสอนมันเท่านั้นเอง มีบริวารกี่ตน – 5 ตน – เป็นแบบไหนเป็นผีหรืออะไร – เป็นผีแต่เป็นผีชั้นดี - เอาอย่างนี้นะพี่ชาย สั่งบริวารของ 2 ตนไปหาตัวไอ้พวกที่มันกำลังวางระเบิดรถให้เจอแล้วมาบอกกูว่ามันกำลังทำอะไรอยู่แล้วมันดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ระบุตัวตนให้ชัดเจนว่ามันมีกี่คนแต่งกายยังไงหน้าตาเป็นยังไงรูปร่างเป็นยังไง แล้วมารายงานกู อีกอย่างเคยบอกกูว่าไอ้เจ็คหนวดจิ๋มมันแอบโกงกินบริษัทฯใช่ไหม – ใช่ – ถ้าอย่างนั้นสั่งบริวารของที่เหลือไปสืบดูว่าการทุจริตครั้งนี้มีใครรู้เห็นบ้างสืบตั้งแต่ท่านประธานลงมาเลยแล้วมารายงานต้องหาข้อมูลมาให้ละเอียดมากที่สุด หลังจากนั้นกูจะจัดเองพี่ชาย – ได้เดี๋ยวกูจัดให้ – หนังใกล้จะจบแล้วถ้าหนังจบกูออกไปรอข้างนอกนะ – ได้เลยเดี๋ยวกูไปจัดการก่อนถ้ามีอะไรเรียกกูได้เลย - ขอบใจมากพี่ชาย)
หนังจบแล้วเราออกมาจากโรงหนังปุ๊ตื่นเต้นมากกับหนังเรื่องนี้พูดไม่หยุดปากเลย
“เป็นไงล่ะชอบมากล่ะซิ” ผมทักไป
“ชอบมากตื่นเต้นมากๆ..คุณไปรู้จักหนังเรื่องนี้ได้ยัง” ปุ๊ถาม
“ผมเห็นในโฆษณาทีวีเห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยอยากดูจึงพาคุณมาดูนี่ไงตื่นเต้นมากล่ะซิ” ผมตอบไป
“เรากลับไปที่สถานีขนส่งกันเถอะตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คุณดูเรื่องที่น่าตื่นเต้นเมื่อกว่าหนังเรื่องเมื่อกี้อีก” ผมบอก
“เรื่องอะไรคะคุณ”
“เอาเถอะเดี๋ยวคุณก็รู้เอง..คุณมีสมุดกับปากกาไหม” ผมถาม
“มีคะคุณจะเอาไปเขียนอะไร” ปุ๊สงสัย
“เดี๋ยวคุณก็รู้เองรอให้ถึงสถานีขนส่งก่อนเถอะ” เราพากันเดินมาถึงที่สถานีขนส่งแล้วหามุมเงียบๆนั่งคุยกัน
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Tempel ตอนที่ 15
“ที่รักคุณกำลังทำอะไรอยู่นะครับ” ผมทักไป
“ก็กำลังจัดกระเป๋าเดินทางนะซิคะคุณถ้าว่างก็มาช่วยกันหน่อยเร็ว”
“ได้เลยครับจะให้ช่วยยังบ้างล่ะ”
“ก็นี่ไงเสื้อผ้าที่ฉันเก็บมานี่แล้ว คุณพับแล้วแยกของคุณกับของฉัน เดี๋ยวฉันจะเก็บเข้ากระเป๋าเองของใครของมัน”
“รับทราบครับคุณภรรยา”
“ไม่ต้องมาปากดีเลยช่วยกันเร็วๆจะได้เสร็จไวๆ” ปุ๊สั่ง
“ครับผม” ผมเห็นภรรยาผมแล้วตลกจริงๆออกอาการตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ไปลำพูน หลังจากจัดสัมภาระเสร็จแล้วก่อนออกเดินทางเธอสั่งให้ผมไปสำรวจประตูหน้าต่างแล้วก็ระบบไฟภายในบ้านว่าจัดการเรียบร้อยหรือเปล่าเพราะกลัวเรื่องอุบัติเหตุและขโมยโขจร
“ผมตรวจเช็คเรียบร้อยแล้วครับรับรองปลอดภัย 100 %“ ผมรายงาน
“ให้มันแน่นะถ้าของหายแม้แต่ชิ้นเดียว...คุณตายแน่...ออกไปแล้วล็อกประตูให้ดีด้วย” เมียขู่
“จะให้ผมบอกพี่พจน์ไหมว่าขอให้คนมาดูแลบ้านให้ด้วยช่วงที่เราไม่อยู่หนะ” ผมหยอก
“เออ...ก็ดีนะสามีฉันนี่ฉลาดจริงๆเลย” ปุ๊ชมผม
“แต่ผมไม่มีเบอร์ของพี่พจน์นะซิ”
“ว่ายังไงนะไม่มีเบอร์แล้วพูดมาทำไม” ปุ๊ฉุนขึ้นมาอีกแล้ว
“แต่ผมมีเบอร์ของเจ๊กานดานะ” ผมแก้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบโทรไปซิจะรอทำไม” ปุ๊สั่ง
“ได้ครับ...แต่คุณต้องเป็นคนโทรไปคุยเองนะ”
“ทำไมคุณไม่คุย”
“ผมไม่อยากไปยุ่งกับเมียชาวบ้านเขาหนะ แค่เมียผมคนเดียวผมก็เกือบตายมาแล้วไม่รู้กี่รอบ..ขืนรอบนี้ไปยุ่งอีกผมต้องตายจริงๆอย่างแน่นอน” ผมกะล่อนไปตามเรื่อง
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเบอร์มาฉันจะโทรไปคุยเอง” ผมยื่นเบอร์โทร.ให้ เธอหยิบไปแล้วก็เดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะสักพักก็เดินกลับมาแบบยิ้มแย้มแจ่มใส
“ที่รักคะเราเดินทางกันได้แล้วนะ เจ๊กานดาเขารับปากแล้วคะว่าจะคอยส่งคนไปคอยดูแลให้..มาซิคะเดี๋ยวไปขึ้นรถไม่ทันนะ..มาเร็วๆ” อะไรกันวะอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายจริงๆเลยเมียกูเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กูปรับตัวไม่ทันเลย อย่างอื่นกูไม่กลัว...กลัวอย่างเดียวมนุษย์เมียนี่แหละกูอยากจะบ้าตาย
เราขึ้นรถโดยสายจากคำเขื่อนแก้วจนถึงจังหวัดอุบลราชธานีโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วก็ต่อรถไปที่สถานีขนส่งอุบลฯ จากนั้นเราก็เดินหาซื้อตั๋วรถทัวร์สายอุบลฯ-เชียงใหม่ เรารีบเข้าไปในสถานีขนส่งในทันทีแล้วก็เจอสายรถทัวร์แห่งหนึ่งติดป้ายว่า อุบลฯ-เชียงใหม่ เราก็เลยเข้าไปสอบถาม
“สวัสดีครับ พวกเราจะเดินทางไปลำพูนหนะครับวันนี้มีรถเที่ยวไหนไปบ้างครับ..ผมอยากทราบเวลาที่!..” ปุ๊เบรคผม
“มานี่ๆฉันคุยเองให้คุณคุยไม่รู้เรื่องสักที” แล้วเธอก็คุยแบบกับพนักงานขายตั๋วแบบซาวน์แทร็ตอย่างเอร็ดอร่อย จนได้ตั๋วรถ VIP มาสองใบรวมราคาแล้วประมาณ 800 บาท ภรรยาผมบอกว่าเรียบร้อยแล้ว
“คุณจองตั๋ว VIP เลยเหรอมันจะแพงไปรึป่าว” ผมถาม
“ก็ฉันพอใจนี่...ฉันจะเอาแบบไหนก็ได้..คุณไม่ต้องพูดมาก...คุณคะกว่ารถจะออกก็ตั้ง 2 ทุ่มแน่ะ” ปุ๊บอกผม
“ตอนนี้ก็โมงแล้ว” ผมถาม
“เที่ยงกว่าแล้วคะ” ปุ๊ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนไหมครับ” ผมเสนอ
“ดีคะ..อย่างนั้นคุณนำไปนะคะ”
“ตามผมมาให้ทันนะ” ผมหยอกเล่น ผมเดินนำเธอวิ่งตามจนมาเจอร้านอาหารร้านแห่งหนึ่งอยู่ในห้างสรรพสินค้า
“ร้านนี้น่านั่งนะเราเข้าไปดูกันไหม” ผมชวน
“ก็ดีคะ..เอ้จะกินอะไรดีน้า” แล้วเราก็เข้าไปในร้าน มีพนักงานมาต้อนรับ
“รับอะไรดีครับ” พนักงานเสิร์ฟถามพร้อมยื่นรายการอาหารให้
“ผมเอาข้าวขาหมู กับเกี๊ยวกุ้ง คุณจะสั่งอะไร” ผมสั่งอาหารของผม
“ฉันเอาข้าวมันไก่ก็แล้วกัน” ปุ๊สั่งบ้าง ระหว่างรออาหาร เธอถามผมว่า
“นี่คุณพ่อกับแม่คุณท่านใจดีจริงเหรอ”
“จริงซิ..คุณถามทำไมเหรอ” ผมสงสัย
“เปล่าก็แค่อยากรู้..เออ..แล้วท่านชอบอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมฉันหมายถึงของประดับหรือของใช้อะไรแบบนี้ หนะ” ปุ๊ถาม
“แม่เป็นผู้หญิงก็ต้องชอบของประดับซิ เช่น สร้อยคอสร้อยข้อมือ กำไล แหวนอะไรพวกนี้แหละ ผมเห็นท่านเก็บไว้นะแต่ไม่ค่อยเห็นเอามาใส่ หรืออาจเอามาใส่ในช่วงไปออกงานก็ได้ผมไม่ค่อยได้สังเกต” ผมตอบ
“แล้วพ่อคุณล่ะ” ปุ๊ถามต่อ
“พ่อผมเหรอ...รายนั้นเขาบ้านาฬิกา เวลานายจ้างเอานาฬิกาซึ่งเขาคิดว่ามันเสียแล้วเอามาให้พ่อบางทีตั้ง 2-3 เรือนก็มี พ่อจะดีใจมากถึงจะเป็นนาฬิกาที่เสียแล้วแต่คุณเชื่อไหมพ่อผมทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาได้อีกนะ พ่อก็เลยชอบสะสมนาฬิกา..คุณถามทำไมเหรอ" ผมสงสัย
“เปล่าก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง..เออคุณกินไปก่อนนะเดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง” ปุ๊บอก
“ รีบไปรีบมานะระวังตัวด้วยนะ” ผมก็นั่งกินต่อไป แต่แอบได้ยินโต๊ะข้างๆคุยกันว่าแถวนี้มีโรงหนังด้วยเข้าท่าเลยชวนเมียไปดูหนังดีกว่า ซักพักนึงแล้วปุ๊ก็มา
“รอนานไหมคะที่รัก” ปุ๊ถาม ผมเลยตอบไปว่า
“นานเป็นชาติเลย คุณแอบไปซื้อของมาใช่ไหม” ผมถามแบบทำหน้าเข้ม
“เปล่านะคนในห้องน้ำมันเยอะ แล้วฉันก็หลงทางด้วยก็เลยมาช้าไปหน่อยหนะค่ะ..โกรธรึคะ” ปุ๊ถามแบบมีเลสนัย
“เปล่า...ผมนึกว่าคุณหนีกลับบ้านไปแล้ว ผมจะได้กินของบนโต๊ะนี่ให้หมดเลยตากห่าง” ผมหยอก
“คนบ้าฉันกินยังไม่อิ่มเลยนะ”
“อย่างนั้นก็กินต่อซิ นี่คุณกินข้าวแล้วเราไปดูหนังกันไหม..ผมได้ยินเขาคุยกันนะ..ว่าแถวนี้มีโรงหนังด้วยนะ..เราไปเที่ยวดูกันไหมว่ามีเรื่องอะไรฉายบ้างระหว่างรอขึ้นรถ” ผมเสนอ
“อือ..ก็ดีซิคะ..อย่างนั้นไปกันเลย” เธอรีบชวนผมทันที
“อ้าว!..ไม่กินให้หมดก่อนเหรอ”
“ฉันอิ่มแล้วไปกันเลย”
“เดี๋ยวไม่จ่ายเงินค่าอาหารก่อนเหรอ”
“คุณก็ไปจ่ายเลยซิแล้วรีบตามมานะ” ไม่พ้นกูอีกแล้ว จ่ายค่าอาหารแล้วเธอก็รีบลากผมไปที่โรงหนังทันที เข้าไปที่หน้าโรงหนังแล้วก็เที่ยวดูโปรแกรมหนังที่จะฉายในช่วงบ่าย
“นี่ๆคุณเรื่องบ้านผีปอบภาค16น่าดูนะทั้งตลกทั้งสยองดูไหม” ผมแกล้งถาม
“ไม่เอาคุณก็รู้ว่าฉันกลัวผี”
“ยกเว้นผีผ้าห่มใช่ไหมที่ไม่น่ากลัวหนะ” ผมแกล้งต่อ
“ไอ้บ้า..ผีตัวนี้แหละน่ากลัวที่สุด..เสียตัวตลอด..ไปหาดูโรงอื่นเร็วๆ” เธอดึงแขนผม
“คุณๆโรงนั้นเขาฉายหนังฝรั่งพากย์ไทยด้วยน่าสนใจมากเลยผมออกดูมานานแล้ว” ผมบอก
“เรื่องอะไรเหรอ” ปุ๊ถาม
“เรื่อง The day after tomorrow วันสิ้นโลก ไม่มีผีมีแต่ความตื่นเต้น เป็นหนังเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หนะไม่น่ากลัวหรอก ผมอยากดูมานานแล้วนี่ก็ใกล้เวลาฉายหนังแล้วเราไปดูกันเถอะ...นะครับ” ผมออดอ้อน
“ไม่น่ากลัวแน่นะ..อย่างนั้นก็ได้” ปุ๊ไม่ไว้ใจ
“เราเข้าไปซื้อตั๋วแล้วเข้าไปดูกันเลย”
ซื้อตั๋วหนังแล้วพวกเราเดินเข้าไปในโรงหนังนั่งประจำที่เรียบร้อยหนังกำลังจะเริ่มฉายพอดีดูปุ๊ตื่นเต้นมาก หนังฉายไปแล้วหลายนาทีปุ๊ตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มากจับมือผมไม่ปล่อยเลย ดูเธอมีความสุขมากๆ ผมก็ด้วยและจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงในหัวสมอง
(ไอ้น้อง - ไอ้สติมาได้ไงวะพี่ – กูมีเรื่องจะบอกวันนี้บนรถทัวร์ที่พวกจะนั่งกลับบ้านมันจะระเบิด – เป็นไปได้ไงวะรู้ได้ยังไง – บริวารของกูมาบอก – มีบริวารด้วยเหรอ – ก็เพราะบุญกุศลที่ทำไปให้กูนั่นแหละทำให้ตอนนี้กูได้เลื่อนเป็นเทวดาคอยคุ้มครองกับแม่ปุ๊กูมีชื่อแล้วนะชื่อว่าอมรเทพ – แม่ปุ๊หมายความว่ายังไงกูไม่เข้าใจหวะ – แม่ปุ๊ก็คือแม่ที่กูจะไปจุติเป็นลูกท่านยังไงล่ะ – ถ้าอย่างนั้นกูก็เป็นพ่อของซินะ – ก็อาจจะใช่ถ้าไม่ตายซะก่อน อันนี้กูพูดเล่นเอาคืนบ้างไงล่ะที่ชอบด่ากู – เอ่อช่างเถอะแล้วรถทัวร์จะระเบิดได้ยังไง – กูรู้แต่ว่ามันต้องการเอาชีวิต – ใครมันจะฆ่ากูวะ...เลวจริงๆ จะฆ่ากูคนเดียวเล่นจะคนอื่นมาตายด้วยเลยอย่างนั้นเลยหรือวะ มันเป็นใครที่คิดจะทำแบบนี้ใครเป็นตัวบงการให้กูเดานะใช่ไอ้เจ็คหนวดจิ๋มหรือเปล่า – ใช่...มันนั่นแหละ มันจะทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุนะซิ – ไอ้เลวมันคงแค้นกูมากซินะเรื่องปุ๊หนะ ได้อยากเล่นกับกูเหรอเดี๋ยวกูจัดให้เต็มๆเลย - เฮ้ย!..อย่าไปฆ่าใครนะเดี๋ยวบุญกูหมดกูจะไม่ได้ไปเกิด - วางใจเถอะกูไม่ฆ่าใครหรอกแต่กูแค่จะสั่งสอนมันเท่านั้นเอง มีบริวารกี่ตน – 5 ตน – เป็นแบบไหนเป็นผีหรืออะไร – เป็นผีแต่เป็นผีชั้นดี - เอาอย่างนี้นะพี่ชาย สั่งบริวารของ 2 ตนไปหาตัวไอ้พวกที่มันกำลังวางระเบิดรถให้เจอแล้วมาบอกกูว่ามันกำลังทำอะไรอยู่แล้วมันดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ระบุตัวตนให้ชัดเจนว่ามันมีกี่คนแต่งกายยังไงหน้าตาเป็นยังไงรูปร่างเป็นยังไง แล้วมารายงานกู อีกอย่างเคยบอกกูว่าไอ้เจ็คหนวดจิ๋มมันแอบโกงกินบริษัทฯใช่ไหม – ใช่ – ถ้าอย่างนั้นสั่งบริวารของที่เหลือไปสืบดูว่าการทุจริตครั้งนี้มีใครรู้เห็นบ้างสืบตั้งแต่ท่านประธานลงมาเลยแล้วมารายงานต้องหาข้อมูลมาให้ละเอียดมากที่สุด หลังจากนั้นกูจะจัดเองพี่ชาย – ได้เดี๋ยวกูจัดให้ – หนังใกล้จะจบแล้วถ้าหนังจบกูออกไปรอข้างนอกนะ – ได้เลยเดี๋ยวกูไปจัดการก่อนถ้ามีอะไรเรียกกูได้เลย - ขอบใจมากพี่ชาย)
หนังจบแล้วเราออกมาจากโรงหนังปุ๊ตื่นเต้นมากกับหนังเรื่องนี้พูดไม่หยุดปากเลย
“เป็นไงล่ะชอบมากล่ะซิ” ผมทักไป
“ชอบมากตื่นเต้นมากๆ..คุณไปรู้จักหนังเรื่องนี้ได้ยัง” ปุ๊ถาม
“ผมเห็นในโฆษณาทีวีเห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยอยากดูจึงพาคุณมาดูนี่ไงตื่นเต้นมากล่ะซิ” ผมตอบไป
“เรากลับไปที่สถานีขนส่งกันเถอะตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คุณดูเรื่องที่น่าตื่นเต้นเมื่อกว่าหนังเรื่องเมื่อกี้อีก” ผมบอก
“เรื่องอะไรคะคุณ”
“เอาเถอะเดี๋ยวคุณก็รู้เอง..คุณมีสมุดกับปากกาไหม” ผมถาม
“มีคะคุณจะเอาไปเขียนอะไร” ปุ๊สงสัย
“เดี๋ยวคุณก็รู้เองรอให้ถึงสถานีขนส่งก่อนเถอะ” เราพากันเดินมาถึงที่สถานีขนส่งแล้วหามุมเงียบๆนั่งคุยกัน