ตอนที่ 13 สาขาคำเขื่อนแก้วเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ทีมงานของพวกเราทั้งหมดร่วมกันออกปฏิบัติงานล่วงเข้ามาถึงวันที่ 7 ของการทำงานแล้ว ทีมสำรวจพื้นที่มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากพี่ทศกับพี่มดและบุญถมได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่เห็นด้วยกับการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยของบริษัทฯของเราได้แล้วประมาณ 5 กลุ่ม มีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจำนวน 40 ราย จำนวนหมูรวมแล้วประมาณ 500 ตัว ส่วนทีมงานสืบราคาอาหารของผมกับปุ๊ก็เป็นไปได้ด้วยดีถึงอาจจะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยแต่พวกเราสามารถช่วยกันแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี จนได้ราคาอาหารสัตว์ในราคาส่งทุกยี่ห้อในตัวเมืองยโสธรเป็นที่เรียบร้อย วันนี้ในช่วงบ่ายเรามีนัดประชุมกันที่สำนักงานสาขาคำเขื่อนแก้ว ผมกับปุ๊เราทำงานสำเร็จแล้ว ได้ราคาอาหารหมูมาครบหมดแล้วซึ่งกว่าจะได้มาก็ไม่ง่ายเลยต้องใช้ความสามารถและไหวพริบของตนเองเป็นอย่างมาก
“ปุ๊จ๋า...เราได้ราคามาครบแล้วใช่ไหมครับ” ผมถาม
“ใช่ค่ะ” ผมถามต่อ “ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” “ตอนนี้เที่ยงครึ่งคะ” ปุ๊ตอบ
“คุณหิวไหม” ผมถามอีก “หิวสิคะ” ปุ๊ก็ตอบมา
“ผมก็หิว...เอาอย่างนี้นะเราหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า..ผมเห็นมีร้านเปิดอยู่ข้างทางลึกลงไปหน่อยเปิดอยู่ข้างริมห้วยระหว่างทางไปลุมพุกนี่แหล่ะผมว่าน่าสนใจดีนะเราลองไปดูกันไหม” ผมบอกปุ๊
“คุณรู้ได้ไงว่ามี” ปุ๊สงสัย
“ก็ผมเป็นคนขี่รถก็ต้องสังเกตทุกซอกทุกมุมระหว่างการเดินทางเพื่อให้เกิดความปลอดภัยนะซิครับ” ผมบอก “ทำไมปุ๊มองไม่เห็น” ปุ๊สงสัยอีก
“ก็คุณเอาแต่กอดเอวซบไหล่ผมมาตลอดทางจะเห็นได้ไงแถมบางทีก็แอบหลับด้วย” ผมหยอก
“คุณนี่นะ!..ก็ฉันกลัวนี่” ปุ๊ตอบแบบอายๆ
“ช่างเถอะๆเรารีบไปดูกันดีกว่านะ” ผมตัดบท
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเลยซิคะคุณหมอ” พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีก็มาถึงจุดหมาย
“ที่นี่นะหรือคะโอ้โฮ...บรรยากาศดีจริงๆเลย...คุณไม่เห็นเคยบอกปุ๊เลยว่ามีที่แบบนี้ด้วย” ปุ๊พูดแบบงอนเล็กน้อย
“ผมก็กะเอาไว้เซอร์ไพรส์คุณยังไงล่ะหลังจากที่เราทำงานสำเร็จแล้ว...เป็นไงถูกใจไหม” ผมพูดแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ
“คุณนี่นะจอมเจ้าเล่ห์ จอมวางแผน” ปุ๊ค่อนแคะ
“อีกอย่างนะครับ...จอมใจจอมโจรยังไงล่ะครับ” ผมหยอกไม่เลิก
“ไปเร็วคุณไปสำรวจว่าเขามีอะไรขายบ้าง” เราเดินคู่กันไปเพื่อสำรวจ ดูแล้วสถานที่แห่งนี้เหมือนเป็นตลาดย่อยๆมีของพื้นเมืองมาวางขายหลายอย่าง ผมกับปุ๊เข้าไปหาอาหารกินก่อน พออิ่มแล้วจะเหลือรึครับ แม่เสือเล่นเดิน ช็อปปิงของกินพื้นเมืองเอาซะเพลินไปเลยได้ทั้งเห็ด ทั้งผักแล้วก็ของอะไรอีกเยอะแยะบอกว่าจะเอาไปทำเป็นอาหารเย็น ตามสบายเถอะครับแม่คุณ
“นี่ไงคะคุณของพื้นบ้านทั้งนั้นเลยไม่เจอแบบนี้มานานแล้วนะของพวกนี้ไม่ได้จะหากินได้ง่ายๆนะจะบอกให้ เย็นนี้ปุ๊จะแสดงฝีมือเป็นแม่ครัวลูกแม่น้อยให้เต็มที่ไปเลยจะได้ทำเผื่อพวกพี่ๆเขาด้วยดีไหมคะ” ปุ๊บอก
“เออ...ดีครับว่าแต่ของทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่เหรอครับ” ผมถามเหงื่อเริ่มโผล่มาซิบๆ
“ทั้งหมดนี่ราคา 250 บาทค่ะปุ๊จ่ายไปแล้วล่ะ” โล่งอกไปทีนึกว่ากูจะต้องเป็นลมรอบสองซะแล้ว
“ปุ๊จ๋า...ได้ของครบหมดแล้วใช่ไหมครับ...นี่ก็บ่ายสองโมงแล้วนะผมว่าเรากลับกันเถอะนะ...เดี๋ยวอาจจะมีประชุมต่อ” ผมบอก
“ได้เลยคะคุณหมอสุดที่รัก” ได้ของดั่งใจแล้วผมกลายเป็นสุดที่รักขึ้นมาเชียว เราออกเดินทางกลับสำนักงานใช้เวลาประมาณ 20 นาที เห็นทีมของพี่ทศรออยู่ก่อนแล้ว แม่เสือดีใจรีบเอาของไปโชว์ในทันที พี่มดเห็นแล้วทำตาโต
“ปุ๊ไปซื้อมาจากไหนของหากินยากทั้งนั้นเลยนะนี่”
“ต้องขอบคุณหมอหนึ่งค่ะเขาพาแวะตลาดเล็กๆริมห้วยข้างทางก็เลยเจอผักพื้นบ้านพวกนี้ปุ๊เลยเหมาซื้อมาหมดเลยกะว่าจะเอามาทำเป็นกับข้าวให้พวกเรากินกันตอนมื้อเย็นนี่ล่ะค่ะ” ปุ๊อวด
“ถ้าอย่างนั้นดีเลยพี่จะช่วยปุ๊ทำเองนะ” พี่มดบอก
“ก็ดีซิคะ” พี่มดอาสาเป็นผู้ช่วยปุ๊ผมสังเกตดูเห็นพี่มดเธอตื่นเต้นมากที่จะได้ทำอาหารในครั้งนี้ ใช่ซินะของพื้นบ้านแบบนี้ไม่ใช่จะหากินกันได้ง่ายๆนึกแล้วคิดถึงอาหารพื้นบ้านภาคเหนือบ้านของผมที่แม่ทำให้กินจังเลย ไม่รู้พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้างนะคงต้องเขียนจดหมายไปหาซะแล้วจะได้บอกข่าวดีเรื่องว่าที่ลูกสะใภ้ให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ด้วยแล้วเราต้องไม่ลืมแนบรูปภาพว่าที่ลูกสะใภ้ให้พ่อกับแม่พิจารณาด้วย..หึๆๆๆ ผมกำลังคิดเพลินๆ แล้วพี่มดก็ถามขึ้นว่า
“หนึ่งเธอรู้จักที่แบบนี้ได้ยังไงไม่เห็นมาบอกพี่บ้างเลย” พี่มดมีเคือง
“เอ่อ...คืออย่างนี้ครับพี่ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นร้านขายอะไรผมเข้าใจว่าแค่ร้านส้มตำธรรมดาที่เปิดขายข้างริมห้วยเพื่อเอาบรรยากาศแค่นั้นกระมัง ผมขี่รถไปตัวเมืองทุกวันผ่านทุกวันแต่ไม่ได้สนใจ ขนาดปุ๊ยังไม่รู้เลยเพราะกอดซบไหล่ผมแล้วหลับเธอเลยไม่เคยเห็น แต่วันนี้ผมกับปุ๊เราทำงานของเราสำเร็จแล้วได้ราคาอาหารสัตว์ครบทุกรายแล้ว ขาจะกลับมาสำนักงานปุ๊บ่นว่าหิวข้าวผมก็เลยนึกขึ้นได้ว่ามีร้านส้มตำเล็กๆเปิดอยู่ข้างทางแต่จะลึกลงไปหน่อยอยู่ติดริมห้วยผมก็เลยพาปุ๊ลงไปหาของกินไม่นึกเลยพอปุ๊ไปเห็นเท่านั้นล่ะครับตกตะลึงเป็นการใหญ่แล้วเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ รายละเอียดของสินค้าพี่ไปถามปุ๊เองเถอะครับเพราะผมไม่รู้จักของพวกนี้เลย” ผมเล่าให้พี่มดฟัง
“จ้ะๆๆขอบใจมากนะที่เล่าให้พี่ฟังเดี๋ยวพี่จะไปคุยกับปุ๊เองนะจ้ะ” “ครับผม” ผมมองตามสองสาวไปในครัวเห็นสาวสองคนมีความสุขจริงๆกับอาหารพื้นบ้านที่ได้มาใหม่ นี่คงจะเป็นอาหารพื้นบ้านที่หากินได้ยากของทางภาคอีสานจริงๆ ก็คงเหมือนกับภาคเหนือบ้านเรานั่นแหล่ะ ผมปล่อยให้สองสาวทำกับข้าวไปแล้วผมก็เดินออกมาด้านหน้าในสำนักงานเห็นพี่ทศกับไอ้ถมนั่งคุยกันอยู่
“อ้าว..ไอ้หนึ่งมานั่งด้วยกันซิ” ผมเดินเข้าไปนั่งด้านตรงข้ามพี่ทศ
“ว่าไงพี่มีความคืบหน้าอะไรไหม” ผมถาม
“แล้วของล่ะเป็นไงบ้าง” “ของผม 100 % เต็มครับรอส่งข้อมูลให้ทางสำนักงานใหญ่ทราบเพื่อจะได้กำหนดราคาขายในพื้นที่ให้เราเท่านั้น” ผมรายงานพี่ทศ
“เยี่ยมเลยไอ้เสือ ของพวกพี่ได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่เห็นด้วยกับการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยของบริษัทฯของเราได้แล้วประมาณ 5 กลุ่ม มีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจำนวน 40 ราย จำนวนหมูรวมแล้วประมาณ 500 ตัว” พี่ทศบอก
“ถ้าอย่างนี้ก็เจ๋งเลยซิพี่หมูตั้ง 500 ตัวเหมือนฟาร์มขนาดใหญ่เลยนะพี่” ผมพูด
“แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันไม่ได้มารวมตัวกันเป็นฟาร์มใหญ่นะซิวะเค้าก็เลี้ยงของใครของมัน” พี่ทศทำหน้าหนักใจ
“อย่างนี่แหล่ะดีพี่เลี้ยงของใครของมันถ้าบังเอิญมีกรณีเกิดโรคระบาดจากเล้านี้ เล้าอื่นๆจะได้ปลอดภัยเพราะไม่ได้เลี้ยงรวมกันเราก็พอจะมีเวลาเตือนภัยให้เจ้าอื่นๆรู้แล้วช่วยกันป้องกัน ส่วนเล้าต้นเหตุเราจะต้องมีมาตรการรักษาและควบคุมโรคอย่างเต็มที่ไม่ให้เกิดการระบาดไปยังพื้นที่ข้างเคียง แต่ถ้าเป็นโรคระบาดที่ต้องควบคุมตามกฎหมายเราจะต้องรายงานให้ปศุสัตว์อำเภอทราบในทันที” ผมบอก
“เอ๊ย!...มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่รึวะถึงกับแจ้งปศุสัตว์เลยเหรอ” พี่ทศตกใจ
“มันจำเป็นพี่พวกเขาต้องรู้เพราะเป็นเขตรับผิดชอบของเขา พี่จำไม่ได้เหรอว่าผมเรียนจบอะไรมา นักศึกษาสัตวแพทย์กรมปศุสัตว์รุ่นที่ 59 นะครับพี่ รุ่นพี่ของผมมีทุกอำเภอ ทุกจังหวัด จะเข้าไปขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเราเป็นระบบ SOTUS พี่เดือดร้อนน้องช่วย น้องเดือดร้อนพี่ยิ่งต้องช่วย เสียอย่างเดียวผมยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปสวัสดีและทำความรู้จักกับพวกพี่ๆที่ สำนักงานปศุสัตว์ อ.คำเขื่อนแก้วเลย เพราะเวลามันกระชั้นชิดเกินไป” แล้วผมก็พูดต่อ
“เอาอย่างนี้นะ...พี่ทศถ้าวันไหนว่างจากการทำงานแล้วผมว่าจะชวนพี่ ไอ้ถม และ 2 สาวไปสวัสดีท่านปศุสัตว์อำเภอกันหน่อยเตรียมของที่ระลึกซักชิ้นหนึ่งเป็นของสวัสดีเพื่อทำความรู้จักกับท่านดีไหมพี่...ผมเป็นทัพหน้าเองเมื่อทำความรู้จักกันแล้วผมจะเป็นคนเล่าถึงวัตถุประสงค์ว่าที่เรามาที่นี่เพราะอะไรหลังจากนั้นพี่ทศต้องเล่าทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้ให้เขาฟังอย่าโกหกเป็นอันขาด แล้วทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นและราบรื่น ผมพูดอย่างนี้พี่คงพอเข้าใจนะ” พี่ทศนั่งอึ้งสายตามองมาที่ผมแม้แต่บุญถมก็มองมา แล้ว 2 สาวก็ยกอาหารมาผมไม่รู้จักเลยว่าเป็นอะไรบ้าง แต่กลิ่นหอมน่ากินมากๆ
“ทุกคนเป็นอะไรกันไปเหรอคะทำไมนั่งนิ่งกันเชียว” พี่มดถามขึ้นมา แล้วพี่ทศกับไอ้ถมก็ชี้มาที่หน้าผมแล้วพูดเบาๆว่า
“ไอ้เทวดา...ไอ้เทวดา” จนปุ๊ต้องเคาะโต๊ะเบาๆเพื่อสะกิดทุกคนจึงได้สติ
“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น...อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะเทวดาอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” ที่ทศยังตะลึงไม่หายพูดว่า
(มีให้อ่านต่อครับ)
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 13
“ปุ๊จ๋า...เราได้ราคามาครบแล้วใช่ไหมครับ” ผมถาม
“ใช่ค่ะ” ผมถามต่อ “ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” “ตอนนี้เที่ยงครึ่งคะ” ปุ๊ตอบ
“คุณหิวไหม” ผมถามอีก “หิวสิคะ” ปุ๊ก็ตอบมา
“ผมก็หิว...เอาอย่างนี้นะเราหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า..ผมเห็นมีร้านเปิดอยู่ข้างทางลึกลงไปหน่อยเปิดอยู่ข้างริมห้วยระหว่างทางไปลุมพุกนี่แหล่ะผมว่าน่าสนใจดีนะเราลองไปดูกันไหม” ผมบอกปุ๊
“คุณรู้ได้ไงว่ามี” ปุ๊สงสัย
“ก็ผมเป็นคนขี่รถก็ต้องสังเกตทุกซอกทุกมุมระหว่างการเดินทางเพื่อให้เกิดความปลอดภัยนะซิครับ” ผมบอก “ทำไมปุ๊มองไม่เห็น” ปุ๊สงสัยอีก
“ก็คุณเอาแต่กอดเอวซบไหล่ผมมาตลอดทางจะเห็นได้ไงแถมบางทีก็แอบหลับด้วย” ผมหยอก
“คุณนี่นะ!..ก็ฉันกลัวนี่” ปุ๊ตอบแบบอายๆ
“ช่างเถอะๆเรารีบไปดูกันดีกว่านะ” ผมตัดบท
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเลยซิคะคุณหมอ” พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีก็มาถึงจุดหมาย
“ที่นี่นะหรือคะโอ้โฮ...บรรยากาศดีจริงๆเลย...คุณไม่เห็นเคยบอกปุ๊เลยว่ามีที่แบบนี้ด้วย” ปุ๊พูดแบบงอนเล็กน้อย
“ผมก็กะเอาไว้เซอร์ไพรส์คุณยังไงล่ะหลังจากที่เราทำงานสำเร็จแล้ว...เป็นไงถูกใจไหม” ผมพูดแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ
“คุณนี่นะจอมเจ้าเล่ห์ จอมวางแผน” ปุ๊ค่อนแคะ
“อีกอย่างนะครับ...จอมใจจอมโจรยังไงล่ะครับ” ผมหยอกไม่เลิก
“ไปเร็วคุณไปสำรวจว่าเขามีอะไรขายบ้าง” เราเดินคู่กันไปเพื่อสำรวจ ดูแล้วสถานที่แห่งนี้เหมือนเป็นตลาดย่อยๆมีของพื้นเมืองมาวางขายหลายอย่าง ผมกับปุ๊เข้าไปหาอาหารกินก่อน พออิ่มแล้วจะเหลือรึครับ แม่เสือเล่นเดิน ช็อปปิงของกินพื้นเมืองเอาซะเพลินไปเลยได้ทั้งเห็ด ทั้งผักแล้วก็ของอะไรอีกเยอะแยะบอกว่าจะเอาไปทำเป็นอาหารเย็น ตามสบายเถอะครับแม่คุณ
“นี่ไงคะคุณของพื้นบ้านทั้งนั้นเลยไม่เจอแบบนี้มานานแล้วนะของพวกนี้ไม่ได้จะหากินได้ง่ายๆนะจะบอกให้ เย็นนี้ปุ๊จะแสดงฝีมือเป็นแม่ครัวลูกแม่น้อยให้เต็มที่ไปเลยจะได้ทำเผื่อพวกพี่ๆเขาด้วยดีไหมคะ” ปุ๊บอก
“เออ...ดีครับว่าแต่ของทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่เหรอครับ” ผมถามเหงื่อเริ่มโผล่มาซิบๆ
“ทั้งหมดนี่ราคา 250 บาทค่ะปุ๊จ่ายไปแล้วล่ะ” โล่งอกไปทีนึกว่ากูจะต้องเป็นลมรอบสองซะแล้ว
“ปุ๊จ๋า...ได้ของครบหมดแล้วใช่ไหมครับ...นี่ก็บ่ายสองโมงแล้วนะผมว่าเรากลับกันเถอะนะ...เดี๋ยวอาจจะมีประชุมต่อ” ผมบอก
“ได้เลยคะคุณหมอสุดที่รัก” ได้ของดั่งใจแล้วผมกลายเป็นสุดที่รักขึ้นมาเชียว เราออกเดินทางกลับสำนักงานใช้เวลาประมาณ 20 นาที เห็นทีมของพี่ทศรออยู่ก่อนแล้ว แม่เสือดีใจรีบเอาของไปโชว์ในทันที พี่มดเห็นแล้วทำตาโต
“ปุ๊ไปซื้อมาจากไหนของหากินยากทั้งนั้นเลยนะนี่”
“ต้องขอบคุณหมอหนึ่งค่ะเขาพาแวะตลาดเล็กๆริมห้วยข้างทางก็เลยเจอผักพื้นบ้านพวกนี้ปุ๊เลยเหมาซื้อมาหมดเลยกะว่าจะเอามาทำเป็นกับข้าวให้พวกเรากินกันตอนมื้อเย็นนี่ล่ะค่ะ” ปุ๊อวด
“ถ้าอย่างนั้นดีเลยพี่จะช่วยปุ๊ทำเองนะ” พี่มดบอก
“ก็ดีซิคะ” พี่มดอาสาเป็นผู้ช่วยปุ๊ผมสังเกตดูเห็นพี่มดเธอตื่นเต้นมากที่จะได้ทำอาหารในครั้งนี้ ใช่ซินะของพื้นบ้านแบบนี้ไม่ใช่จะหากินกันได้ง่ายๆนึกแล้วคิดถึงอาหารพื้นบ้านภาคเหนือบ้านของผมที่แม่ทำให้กินจังเลย ไม่รู้พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้างนะคงต้องเขียนจดหมายไปหาซะแล้วจะได้บอกข่าวดีเรื่องว่าที่ลูกสะใภ้ให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ด้วยแล้วเราต้องไม่ลืมแนบรูปภาพว่าที่ลูกสะใภ้ให้พ่อกับแม่พิจารณาด้วย..หึๆๆๆ ผมกำลังคิดเพลินๆ แล้วพี่มดก็ถามขึ้นว่า
“หนึ่งเธอรู้จักที่แบบนี้ได้ยังไงไม่เห็นมาบอกพี่บ้างเลย” พี่มดมีเคือง
“เอ่อ...คืออย่างนี้ครับพี่ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นร้านขายอะไรผมเข้าใจว่าแค่ร้านส้มตำธรรมดาที่เปิดขายข้างริมห้วยเพื่อเอาบรรยากาศแค่นั้นกระมัง ผมขี่รถไปตัวเมืองทุกวันผ่านทุกวันแต่ไม่ได้สนใจ ขนาดปุ๊ยังไม่รู้เลยเพราะกอดซบไหล่ผมแล้วหลับเธอเลยไม่เคยเห็น แต่วันนี้ผมกับปุ๊เราทำงานของเราสำเร็จแล้วได้ราคาอาหารสัตว์ครบทุกรายแล้ว ขาจะกลับมาสำนักงานปุ๊บ่นว่าหิวข้าวผมก็เลยนึกขึ้นได้ว่ามีร้านส้มตำเล็กๆเปิดอยู่ข้างทางแต่จะลึกลงไปหน่อยอยู่ติดริมห้วยผมก็เลยพาปุ๊ลงไปหาของกินไม่นึกเลยพอปุ๊ไปเห็นเท่านั้นล่ะครับตกตะลึงเป็นการใหญ่แล้วเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ รายละเอียดของสินค้าพี่ไปถามปุ๊เองเถอะครับเพราะผมไม่รู้จักของพวกนี้เลย” ผมเล่าให้พี่มดฟัง
“จ้ะๆๆขอบใจมากนะที่เล่าให้พี่ฟังเดี๋ยวพี่จะไปคุยกับปุ๊เองนะจ้ะ” “ครับผม” ผมมองตามสองสาวไปในครัวเห็นสาวสองคนมีความสุขจริงๆกับอาหารพื้นบ้านที่ได้มาใหม่ นี่คงจะเป็นอาหารพื้นบ้านที่หากินได้ยากของทางภาคอีสานจริงๆ ก็คงเหมือนกับภาคเหนือบ้านเรานั่นแหล่ะ ผมปล่อยให้สองสาวทำกับข้าวไปแล้วผมก็เดินออกมาด้านหน้าในสำนักงานเห็นพี่ทศกับไอ้ถมนั่งคุยกันอยู่
“อ้าว..ไอ้หนึ่งมานั่งด้วยกันซิ” ผมเดินเข้าไปนั่งด้านตรงข้ามพี่ทศ
“ว่าไงพี่มีความคืบหน้าอะไรไหม” ผมถาม
“แล้วของล่ะเป็นไงบ้าง” “ของผม 100 % เต็มครับรอส่งข้อมูลให้ทางสำนักงานใหญ่ทราบเพื่อจะได้กำหนดราคาขายในพื้นที่ให้เราเท่านั้น” ผมรายงานพี่ทศ
“เยี่ยมเลยไอ้เสือ ของพวกพี่ได้รวบรวมข้อมูลกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่เห็นด้วยกับการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยของบริษัทฯของเราได้แล้วประมาณ 5 กลุ่ม มีเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจำนวน 40 ราย จำนวนหมูรวมแล้วประมาณ 500 ตัว” พี่ทศบอก
“ถ้าอย่างนี้ก็เจ๋งเลยซิพี่หมูตั้ง 500 ตัวเหมือนฟาร์มขนาดใหญ่เลยนะพี่” ผมพูด
“แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่ามันไม่ได้มารวมตัวกันเป็นฟาร์มใหญ่นะซิวะเค้าก็เลี้ยงของใครของมัน” พี่ทศทำหน้าหนักใจ
“อย่างนี่แหล่ะดีพี่เลี้ยงของใครของมันถ้าบังเอิญมีกรณีเกิดโรคระบาดจากเล้านี้ เล้าอื่นๆจะได้ปลอดภัยเพราะไม่ได้เลี้ยงรวมกันเราก็พอจะมีเวลาเตือนภัยให้เจ้าอื่นๆรู้แล้วช่วยกันป้องกัน ส่วนเล้าต้นเหตุเราจะต้องมีมาตรการรักษาและควบคุมโรคอย่างเต็มที่ไม่ให้เกิดการระบาดไปยังพื้นที่ข้างเคียง แต่ถ้าเป็นโรคระบาดที่ต้องควบคุมตามกฎหมายเราจะต้องรายงานให้ปศุสัตว์อำเภอทราบในทันที” ผมบอก
“เอ๊ย!...มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่รึวะถึงกับแจ้งปศุสัตว์เลยเหรอ” พี่ทศตกใจ
“มันจำเป็นพี่พวกเขาต้องรู้เพราะเป็นเขตรับผิดชอบของเขา พี่จำไม่ได้เหรอว่าผมเรียนจบอะไรมา นักศึกษาสัตวแพทย์กรมปศุสัตว์รุ่นที่ 59 นะครับพี่ รุ่นพี่ของผมมีทุกอำเภอ ทุกจังหวัด จะเข้าไปขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเราเป็นระบบ SOTUS พี่เดือดร้อนน้องช่วย น้องเดือดร้อนพี่ยิ่งต้องช่วย เสียอย่างเดียวผมยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปสวัสดีและทำความรู้จักกับพวกพี่ๆที่ สำนักงานปศุสัตว์ อ.คำเขื่อนแก้วเลย เพราะเวลามันกระชั้นชิดเกินไป” แล้วผมก็พูดต่อ
“เอาอย่างนี้นะ...พี่ทศถ้าวันไหนว่างจากการทำงานแล้วผมว่าจะชวนพี่ ไอ้ถม และ 2 สาวไปสวัสดีท่านปศุสัตว์อำเภอกันหน่อยเตรียมของที่ระลึกซักชิ้นหนึ่งเป็นของสวัสดีเพื่อทำความรู้จักกับท่านดีไหมพี่...ผมเป็นทัพหน้าเองเมื่อทำความรู้จักกันแล้วผมจะเป็นคนเล่าถึงวัตถุประสงค์ว่าที่เรามาที่นี่เพราะอะไรหลังจากนั้นพี่ทศต้องเล่าทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้ให้เขาฟังอย่าโกหกเป็นอันขาด แล้วทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้นและราบรื่น ผมพูดอย่างนี้พี่คงพอเข้าใจนะ” พี่ทศนั่งอึ้งสายตามองมาที่ผมแม้แต่บุญถมก็มองมา แล้ว 2 สาวก็ยกอาหารมาผมไม่รู้จักเลยว่าเป็นอะไรบ้าง แต่กลิ่นหอมน่ากินมากๆ
“ทุกคนเป็นอะไรกันไปเหรอคะทำไมนั่งนิ่งกันเชียว” พี่มดถามขึ้นมา แล้วพี่ทศกับไอ้ถมก็ชี้มาที่หน้าผมแล้วพูดเบาๆว่า
“ไอ้เทวดา...ไอ้เทวดา” จนปุ๊ต้องเคาะโต๊ะเบาๆเพื่อสะกิดทุกคนจึงได้สติ
“นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น...อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะเทวดาอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” ที่ทศยังตะลึงไม่หายพูดว่า
(มีให้อ่านต่อครับ)