ตอนที่ 16 แอ่วเมืองลำพูน
ผมสะดุ้งตื่นเพราะมีเสียงจากในครัวพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหาร ผมลุกจากที่นอนแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว ผมตกตะลึงในทันที เห็นผู้หญิง 2 คนกำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ผมยืนมองครู่หนึ่งสังเกตเห็นว่าทั้งคู่กำลังสนุกสนานในการทำกับข้าวเหมือนจะแข่งขันกันยังไงยังนั้นเลย ผมเลยเดินเข้าไปถาม
“ทำอะไรกันอยู่ครับ” ปุ๊ตอบมา
“คุณตื่นแล้วเหรอปุ๊กับแม่กำลังประลองฝีมือกันอยู่ว่าอาหารเหนือกับอาหารอีสานว่าอย่างไหนจะอร่อยกว่ากัน”
“เป็นไปได้ไงทั้งสองคนมาเจอกันแล้วรู้จักกันได้ยังไง” ผมงง แล้วแม่ก็ตอบมาว่า
“พอแม่ตื่นขึ้นมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก่อไฟในเตาอยู่ แม่ก็เลยถามว่าใครมาทำอะไรที่นี่เธอตอบแม่ไปว่าหนูชื่อปุ๊คะเป็นแฟนของหนึ่งเรามาถึงตอนดึกแล้วหนึ่งก็เลยชวนเข้าไปพักผ่อนก่อนไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยมาทำความรู้จักกัน แม่เลยจำได้ว่าเห็นหน้าแฟนของลูกในรูปที่ส่งมาให้พ่อกับแม่ดู ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะนี่ตาถึงจริงๆลูกแม่” แม่อธิบาย
“อ๋อ..เป็นอย่างนี้นี่เอง” ผมถึงบางอ้อแล้ว
“หนึ่งคะ..เมื่อตอนเช้าแม่พาปุ๊ไปเดินซื้อของในตลาดด้วยมีคนทักกันใหญ่เลยว่าแม่พาสาวที่ไหนมาด้วย แม่บอกว่าเป็นแฟนไอ้หนึ่งว่าที่ลูกสะใภ้ ทุกคนฮือฮากันใหญ่เลยต่างคนก็ต่างบอกว่า ไอ้หนึ่งมันมีแฟนสวยขนาดนี้เลยเหรอ แล้วปุ๊กับแม่ก็ไปหาวัตถุดิบมาทำกับข้าว แล้วแม่ก็ถามปุ๊ว่าอาหารอีสานจะอร่อยเหมือนอาหารเหนือไหม ปุ๊ก็เลยท้าประลองฝีมือกับแม่ซะเลย” ปุ๊บรรยายให้ฟัง
“นี่คุณกล้าท้าประลองฝีมือทำกับข้าวกับแม่เลยเหรอ...บ้าไปแล้วคุณแพ้แน่นอน” ผมบอก
“ไม่ลองจะรู้หรือคะคุณหนึ่ง” ปุ๊ย้อน
“แล้วคุณทำอะไรกินล่ะ” ผมถาม
“ก็แกงอ่อมไก่ใส่ใบชะพลูของชอบของคุณยังไงคะที่รัก” ปุ๊ตอบอย่างภูมิใจ
“แล้วแม่ล่ะทำอะไร” ผมถาม แม่ตอบว่า
“แม่ทำน้ำพริกตาแดง นึ่งผักของโปรดของพ่อเอ็งนะซิ ดูซิว่าอาหารอีสานกับอาหารเหนือของใครจะอร่อยกว่ากัน”
“โห..แม่ยังไม่ทันไรก็จะทะเลาะกับว่าที่ลูกสะใภ้แล้วเหรอนี่..มันบ้าไปแล้ว” ผมบ่นอย่างหงุดหงิด
“หนึ่งคะ..ไม่ใช่แบบที่คุณคิดหรอกนะคะ แม่เขาอยากทดสอบความสามารถในการทำอาหารของปุ๊ว่าจะอร่อยถูกปากลูกชายของท่านไหมแล้วจะเลี้ยงดูเรื่องอาหารการกินให้คุณได้ไหมเท่านั้นเอง รู้ไหมแม่แอบบอกเคล็ดลับสูตรอาหารที่คุณชอบให้ปุ๊หมดแล้วนะ ทีนี้แหละพ่อเด็กเทพไม่อ้วนก็ให้มันรู้ไป” ปุ๊พูดแบบอารมณ์ดี แล้วก็มีเสียงหัวเราะชอบใจ
“แบบนี้นี่เองแม่ผัวกับลูกสะใภ้รวมหัวกันทำอาหารเพื่อให้สามีของแต่ละคนตัดสินใช่ไหมว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน” ผมพูดทะลึ่งออกมา
“ใช่แล้วคะคุณ” ผมเห็นท่าทางของลูกสะใภ้กับแม่สามีเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยซึ่งหาดูได้ยากมาก พึ่งเจอกันแท้ๆสนิทกันมากขนาดนี้
(ไอ้สติ – มีอะไร – ฝีมือใช่ไหมที่ทำให้แม่ผัวกับลูกสะใภ้เขาสนิทสนมกันแบบนี้ – รู้ได้ยังไง – กูรู้ก็แล้วกัน ถ้าให้ดีนะให้พ่อประทับใจแม่ปุ๊ของด้วยจะได้รีบๆไปจุติเร็วๆไง สติอยากจะไปกราบพ่อกับแม่ไหม – ตอนแรกก็อยากอยู่หรอกแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่า ยิ่งให้ท่านรู้ท่านก็จะยิ่งเจ็บปวด ให้ท่านรู้ว่ามีคนเดียวก็พอ แค่กูได้มาเห็นหน้าพ่อกับแม่กูก็ดีใจแล้ว อีกอย่างท่านเจ้าที่ท่านเตือนกูไว้ว่าพวกเราอยู่กันคนละภพภูมิถ้าไม่จำเป็นอย่าปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นจะดีที่สุด ไม่ต้องกลัวพวกเราได้เจอกันอยู่แล้ว จะเป็นพ่อของกู แม่ปุ๊จะเป็นแม่ของกู ส่วนพ่อกับแม่ก็จะเป็นปู่กับย่าของกู – แล้วตอนที่ยังไม่จุติยังจะเป็นเทวดาคุ้มครองประจำตัวกูกับปุ๊อยู่หรือเปล่า – แน่นอนอยู่แล้วพวกจะเป็นพ่อกับแม่กูนี่หว่า เดี๋ยวกูขอไปเที่ยวก่อนนะมีอะไรเรียกกูได้) โธ่เอ๊ย...ไอ้พี่ชายกูล่ะสงสารและเห็นใจจริงๆ ก็อย่างที่พระท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรมในเมื่อฟ้าลิขิตมาอย่างนี้ใครจะกล้าฝืนกันล่ะ
อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว แม่เข้าไปเรียกพ่อให้ตื่นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของพ่อจึงตื่นสายหน่อย
“พ่อๆๆตื่นได้แล้วลุกขึ้นมาดูสิว่าใครมา” พ่องัวเงียแล้วก็ลุกจากที่นอน
“แม่ตอนนี้กี่โมงแล้ว” พ่อถาม
“แปดโมงแล้วพ่อมาดูสิว่าใครมา”
“ใครมาเหรอ” พ่อถาม
“ออกมาสิเดี๋ยวพ่อก็รู้เองแหละ” พ่อออกจากห้องนอนแล้วก็เห็นผมยืนอยู่หน้าห้องพ่อตะลึงแล้วพูดขึ้นว่า
“หนึ่งลูกพ่อ..มาเมื่อไหร่ตอนไหนทำไมพ่อไม่รู้” แล้วพ่อก็เข้ามากอดผม
“ผมมาถึงตอนดึกแล้วไม่อยากกวนพ่อกับแม่ ผมก็เลยแอบเข้าห้องแล้วก็นอนพักคิดว่าจะมาสวัสดีพ่อกับแม่ในตอนเช้านี่ล่ะครับ” ผมตอบพ่อ ตอนนั้นปุ๊กับแม่กำลังเตรียมสำรับกับข้าวอยู่ในครัว
“พ่อครับไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่านะครับ..ผมมีใครบางคนจะแนะนำให้พ่อรู้จัก” พ่อรู้สึกงงๆแล้วก็เข้าห้องน้ำไป หลังจากพ่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว สักครู่ต่อมาสำรับกับข้าวก็มีผู้หญิงสองคนนำออกมาจากในครัวมาวาง พ่อตกใจว่าทำไมมีผู้หญิงสองคน ผมเห็นอาการของพ่อแล้วผมเลยพูดขึ้นว่า
“พ่อกับแม่ครับผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ ผู้หญิงคนสวยคนนี้ชื่อปุ๊ ชื่อจริง นางสาวเจนจิรา กุดคำ เป็นคนอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นแฟนของผมเองครับเราคบกันมาได้ประมาณหกเดือนแล้ว เธอเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อย พูดจาไพเราะ อัธยาศัยดี แล้วก็ยังทำกับข้าวเก่งอีก ผมขออนุญาตจากพ่อกับแม่ ผมอยากแต่งงานกับปุ๊ครับ...ผมอยากให้พ่อกับไปสู่ขอเธอให้ผมด้วยได้ไหมครับ” ผมขออนุญาตพ่อกับแม่
“เอาล่ะเดี๋ยวเรื่องนี้พ่อกับแม่จะปรึกษากันก่อนนะ...มากินข้าวกันเถอะ” แม่บอก
ระหว่างทานข้าวก็มีการสนทนากัน ส่วนมากพ่อจะเป็นคนถามว่าสองคนนี้มารักกันได้อย่างไร แล้วปุ๊จะเป็นคนตอบคำถามเล่าประวัติของตนเองแล้วมาเจอผมได้ยังแล้วเรารักกันได้ยังไงผมสังเกตพ่อระหว่างทานข้าว...พ่อสนใจกับแกงอ่อมไก่ใบชะพลูของปุ๊เป็นพิเศษ สรุปแล้วการประลองฝีมือระหว่างว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ไม่มีใครแพ้ใครชนะเพราะทุกอย่างเกลี้ยงหมดเลย เป็นอันว่าเสมอกัน หลังจากมื้ออาหารเช้า ว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ช่วยกันเอาสำรับไปเก็บแล้วช่วยกันทำความสะอาด ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในครัวผมคิดในใจ สองคนนี้ต้องถูกชะตากันแน่นอน เรื่องแม่หมดปัญหา ส่วนเรื่องพ่อผมต้องคุย
“พ่อครับ..พ่อว่าปุ๊เป็นยังไงบ้างเหมาะที่จะมาเป็นว่าลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่หรือเปล่า” ผมถามพ่อ
“เท่าที่พ่อดูปุ๊ก็เป็นเด็กดี หน้าที่การงานก็ดี แถมยังเข้ากับแม่เอ็งได้ดีซะด้วย คนนี้พ่อไม่ปฏิเสธถ้าพวกเอ็งรักกันชอบกันจริงๆ พ่อก็จะแต่งให้ แต่การแต่งงานมันต้องหาฤกษ์หายามว่าจะไปสู่ขอเมื่อไหร่เพื่อที่ฝ่ายเราจะได้ไปตกลงกับฝ่ายเขาว่าจะคิดค่าสินสอดทองมั่นเท่าไหร่ แล้วการกำหนดวันแต่งงานจะต้องให้เป็นวันฤกษ์ที่เป็นมงคลวันหัวเรืองหมอน เพียงแต่พ่อไม่รู้ว่าธรรมเนียมประเพณีการปฏิบัติของทางอีสานจะเป็นอย่างไร เอาล่ะ...เรื่องนี้พ่ออนุญาตให้เอ็งสองคนแต่งงานกันได้ ส่วนเรื่องอื่นๆพ่อขอปรึกษากับแม่ของเอ็งก่อนนะ ได้ฤกษ์งามยามดียังไงแล้วพ่อจะติดต่อไปนะลูก” พ่ออธิบายจบ ผมดีใจสุดๆ
“ไชโย...ปุ๊จ๋า...มานี่เร็วๆ”
“มีอะไรหรือหนึ่ง” ปุ๊ถาม
“พ่ออนุญาตให้เราแต่งงานกันแล้ว...มานี่เลยเราจะกราบขอบคุณท่าน” ผมกับปุ๊รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเราสองคนนั่งคุกเข่าแล้วกราบพ่อแล้วเราก็พูดว่า
“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณคะพ่อหนูขอสัญญาว่าจะดูแลหนึ่งอย่างดีที่สุดเลยคะ” แล้วก็มีมือมาลูบหัวเราสองคนทั้งมือพ่อและมือแม่โดยมีคำพูดว่า
“เจริญๆนะลูกรักกันให้มากๆนะ แล้วรีบมีหลานมาให้พ่อกับแม่ได้อุ้มเร็วนะ..ฮ้าๆๆๆ” จากนั้นพวกเราสี่คนก็กอดกันผมกอดพ่อส่วนปุ๊กอดแม่ แล้วปุ๊ก็เอ่ยขึ้นว่า
“พ่อคะ แม่คะ หนูมีของฝากมาให้พ่อกับแม่ด้วยคะ” แล้วปุ๊ก็หยิบของในกระเป๋าออกมา ผมงงมากปุ๊ไปเอามาจากไหนวะ
“นี่คะอันนี้ของคุณพ่อค่ะ แล้วอันนี้ของคุณแม่ค่ะ ลองเปิดดูซิคะว่าถูกใจหรือเปล่าคะ” พ่อเปิดดูก่อน
“นาฬิกาข้อมือสวยมาก ขอบใจมากนะลูกพ่อชอบมากเลย” แล้วต่อมาแม่ก็เปิดดู
“อุ๊ย..นี่มันสร้อยคอนี่สวยมากเลยแม่ชอบมากเลยขอบใจมากนะลูก” พ่อกับแม่ชื่นชอบของฝากที่ว่าที่ลูกสะใภ้มอบให้เป็นอย่างมาก ผมเลยถามว่า
“นี่คุณ..ไปแอบซื้อมาตอนไหน แล้วรู้ได้ยังไงว่าพ่อชอบนาฬิกาและแม่ชอบเครื่องประดับ” ผมยังงง
“ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองนี่”
“ผมบอกตอนไหน...อ๋อผมนึกออกแล้วที่ร้านอาหารใช่ไหมที่คุณหลอกถามผมแล้วคุณก็หายไปบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ...ที่แท้ก็แอบไปซื้อของฝากนี่เอง..เจ้าเล่ห์ไม่เบาเลยนะเรานี่”
“ถ้าฉันไม่เจ้าเล่ห์บ้างจะทันคุณเหรอ..สามีจอมเจ้าเล่ห์” พ่อกับแม่ได้ยินแล้วต่างหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน สรุปแล้วพ่อกับแม่พอใจในลูกสะใภ้คนนี้มาก มันต้องมีด่านต่อไป
ผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะพาปุ๊ไปสวัสดีพวกน้าๆก่อนนะ แม่บอกว่า
“ไปเลยลูกแต่อย่าลืมไปที่บ้านแกนะ”
“ครับแม่”
“บ้านแกคืออะไร” ปุ๊สงสัย
“เป็นบ้านเกิดของแม่น่ะชื่อบ้านแก มีลุง 1 คน และป้า 2 คน แม่เป็นลูกคนเล็กผมก็เลยมีแต่ลุงกับป้า” ผมบอกปุ๊
“แล้วที่คุณเรียกว่าน้าละ” ปุ๊ยังสงสัยอีก
“สายนั้นเขาเป็นน้องของพ่อ..พ่อเป็นพี่ชายคนโตแล้วมีน้องสาว 2 คน แต่คนอื่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อมี 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นญาติของพ่อเป็นผู้หญิงกันหมดเลย” ผมเล่าให้ฟัง
“ญาติของพ่อต้องเรียกว่าอาไม่ใช่เหรอทำไมเรียกว่าน้าล่ะ” ปุ๊สงสัย
“คนบ้านผมเขาก็เรียกกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ไม่เคยเห็นมีใครเรียกอาสักคนเขาจะเรียกแต่น้ากันทั้งนั้นอย่าไปสนใจเลย...สนใจน้าคนแรกนี้ดีกว่าเขาเป็นน้องของพ่อแท้ๆ สามีของเขาเป็นครูส่วนเขาเป็นช่างเย็บผ้าอยู่ที่บ้านเขาชื่อน้าลำนวล เดี๋ยวพอคุณเจอท่านแล้วคุณจะอึ้ง มาคุณเดินตามผมมาบ้านน้าอยู่ข้างหน้านี้เอง” ผมพาปุ๊เดินมาถึงบ้านน้าลำนวลแล้ว ผมตะโกนเรียก
(มีต่อนะครับ)
เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 16
“ทำอะไรกันอยู่ครับ” ปุ๊ตอบมา
“คุณตื่นแล้วเหรอปุ๊กับแม่กำลังประลองฝีมือกันอยู่ว่าอาหารเหนือกับอาหารอีสานว่าอย่างไหนจะอร่อยกว่ากัน”
“เป็นไปได้ไงทั้งสองคนมาเจอกันแล้วรู้จักกันได้ยังไง” ผมงง แล้วแม่ก็ตอบมาว่า
“พอแม่ตื่นขึ้นมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก่อไฟในเตาอยู่ แม่ก็เลยถามว่าใครมาทำอะไรที่นี่เธอตอบแม่ไปว่าหนูชื่อปุ๊คะเป็นแฟนของหนึ่งเรามาถึงตอนดึกแล้วหนึ่งก็เลยชวนเข้าไปพักผ่อนก่อนไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยมาทำความรู้จักกัน แม่เลยจำได้ว่าเห็นหน้าแฟนของลูกในรูปที่ส่งมาให้พ่อกับแม่ดู ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะนี่ตาถึงจริงๆลูกแม่” แม่อธิบาย
“อ๋อ..เป็นอย่างนี้นี่เอง” ผมถึงบางอ้อแล้ว
“หนึ่งคะ..เมื่อตอนเช้าแม่พาปุ๊ไปเดินซื้อของในตลาดด้วยมีคนทักกันใหญ่เลยว่าแม่พาสาวที่ไหนมาด้วย แม่บอกว่าเป็นแฟนไอ้หนึ่งว่าที่ลูกสะใภ้ ทุกคนฮือฮากันใหญ่เลยต่างคนก็ต่างบอกว่า ไอ้หนึ่งมันมีแฟนสวยขนาดนี้เลยเหรอ แล้วปุ๊กับแม่ก็ไปหาวัตถุดิบมาทำกับข้าว แล้วแม่ก็ถามปุ๊ว่าอาหารอีสานจะอร่อยเหมือนอาหารเหนือไหม ปุ๊ก็เลยท้าประลองฝีมือกับแม่ซะเลย” ปุ๊บรรยายให้ฟัง
“นี่คุณกล้าท้าประลองฝีมือทำกับข้าวกับแม่เลยเหรอ...บ้าไปแล้วคุณแพ้แน่นอน” ผมบอก
“ไม่ลองจะรู้หรือคะคุณหนึ่ง” ปุ๊ย้อน
“แล้วคุณทำอะไรกินล่ะ” ผมถาม
“ก็แกงอ่อมไก่ใส่ใบชะพลูของชอบของคุณยังไงคะที่รัก” ปุ๊ตอบอย่างภูมิใจ
“แล้วแม่ล่ะทำอะไร” ผมถาม แม่ตอบว่า
“แม่ทำน้ำพริกตาแดง นึ่งผักของโปรดของพ่อเอ็งนะซิ ดูซิว่าอาหารอีสานกับอาหารเหนือของใครจะอร่อยกว่ากัน”
“โห..แม่ยังไม่ทันไรก็จะทะเลาะกับว่าที่ลูกสะใภ้แล้วเหรอนี่..มันบ้าไปแล้ว” ผมบ่นอย่างหงุดหงิด
“หนึ่งคะ..ไม่ใช่แบบที่คุณคิดหรอกนะคะ แม่เขาอยากทดสอบความสามารถในการทำอาหารของปุ๊ว่าจะอร่อยถูกปากลูกชายของท่านไหมแล้วจะเลี้ยงดูเรื่องอาหารการกินให้คุณได้ไหมเท่านั้นเอง รู้ไหมแม่แอบบอกเคล็ดลับสูตรอาหารที่คุณชอบให้ปุ๊หมดแล้วนะ ทีนี้แหละพ่อเด็กเทพไม่อ้วนก็ให้มันรู้ไป” ปุ๊พูดแบบอารมณ์ดี แล้วก็มีเสียงหัวเราะชอบใจ
“แบบนี้นี่เองแม่ผัวกับลูกสะใภ้รวมหัวกันทำอาหารเพื่อให้สามีของแต่ละคนตัดสินใช่ไหมว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน” ผมพูดทะลึ่งออกมา
“ใช่แล้วคะคุณ” ผมเห็นท่าทางของลูกสะใภ้กับแม่สามีเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยซึ่งหาดูได้ยากมาก พึ่งเจอกันแท้ๆสนิทกันมากขนาดนี้
(ไอ้สติ – มีอะไร – ฝีมือใช่ไหมที่ทำให้แม่ผัวกับลูกสะใภ้เขาสนิทสนมกันแบบนี้ – รู้ได้ยังไง – กูรู้ก็แล้วกัน ถ้าให้ดีนะให้พ่อประทับใจแม่ปุ๊ของด้วยจะได้รีบๆไปจุติเร็วๆไง สติอยากจะไปกราบพ่อกับแม่ไหม – ตอนแรกก็อยากอยู่หรอกแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่า ยิ่งให้ท่านรู้ท่านก็จะยิ่งเจ็บปวด ให้ท่านรู้ว่ามีคนเดียวก็พอ แค่กูได้มาเห็นหน้าพ่อกับแม่กูก็ดีใจแล้ว อีกอย่างท่านเจ้าที่ท่านเตือนกูไว้ว่าพวกเราอยู่กันคนละภพภูมิถ้าไม่จำเป็นอย่าปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นจะดีที่สุด ไม่ต้องกลัวพวกเราได้เจอกันอยู่แล้ว จะเป็นพ่อของกู แม่ปุ๊จะเป็นแม่ของกู ส่วนพ่อกับแม่ก็จะเป็นปู่กับย่าของกู – แล้วตอนที่ยังไม่จุติยังจะเป็นเทวดาคุ้มครองประจำตัวกูกับปุ๊อยู่หรือเปล่า – แน่นอนอยู่แล้วพวกจะเป็นพ่อกับแม่กูนี่หว่า เดี๋ยวกูขอไปเที่ยวก่อนนะมีอะไรเรียกกูได้) โธ่เอ๊ย...ไอ้พี่ชายกูล่ะสงสารและเห็นใจจริงๆ ก็อย่างที่พระท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรมในเมื่อฟ้าลิขิตมาอย่างนี้ใครจะกล้าฝืนกันล่ะ
อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว แม่เข้าไปเรียกพ่อให้ตื่นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของพ่อจึงตื่นสายหน่อย
“พ่อๆๆตื่นได้แล้วลุกขึ้นมาดูสิว่าใครมา” พ่องัวเงียแล้วก็ลุกจากที่นอน
“แม่ตอนนี้กี่โมงแล้ว” พ่อถาม
“แปดโมงแล้วพ่อมาดูสิว่าใครมา”
“ใครมาเหรอ” พ่อถาม
“ออกมาสิเดี๋ยวพ่อก็รู้เองแหละ” พ่อออกจากห้องนอนแล้วก็เห็นผมยืนอยู่หน้าห้องพ่อตะลึงแล้วพูดขึ้นว่า
“หนึ่งลูกพ่อ..มาเมื่อไหร่ตอนไหนทำไมพ่อไม่รู้” แล้วพ่อก็เข้ามากอดผม
“ผมมาถึงตอนดึกแล้วไม่อยากกวนพ่อกับแม่ ผมก็เลยแอบเข้าห้องแล้วก็นอนพักคิดว่าจะมาสวัสดีพ่อกับแม่ในตอนเช้านี่ล่ะครับ” ผมตอบพ่อ ตอนนั้นปุ๊กับแม่กำลังเตรียมสำรับกับข้าวอยู่ในครัว
“พ่อครับไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่านะครับ..ผมมีใครบางคนจะแนะนำให้พ่อรู้จัก” พ่อรู้สึกงงๆแล้วก็เข้าห้องน้ำไป หลังจากพ่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว สักครู่ต่อมาสำรับกับข้าวก็มีผู้หญิงสองคนนำออกมาจากในครัวมาวาง พ่อตกใจว่าทำไมมีผู้หญิงสองคน ผมเห็นอาการของพ่อแล้วผมเลยพูดขึ้นว่า
“พ่อกับแม่ครับผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ ผู้หญิงคนสวยคนนี้ชื่อปุ๊ ชื่อจริง นางสาวเจนจิรา กุดคำ เป็นคนอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นแฟนของผมเองครับเราคบกันมาได้ประมาณหกเดือนแล้ว เธอเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อย พูดจาไพเราะ อัธยาศัยดี แล้วก็ยังทำกับข้าวเก่งอีก ผมขออนุญาตจากพ่อกับแม่ ผมอยากแต่งงานกับปุ๊ครับ...ผมอยากให้พ่อกับไปสู่ขอเธอให้ผมด้วยได้ไหมครับ” ผมขออนุญาตพ่อกับแม่
“เอาล่ะเดี๋ยวเรื่องนี้พ่อกับแม่จะปรึกษากันก่อนนะ...มากินข้าวกันเถอะ” แม่บอก
ระหว่างทานข้าวก็มีการสนทนากัน ส่วนมากพ่อจะเป็นคนถามว่าสองคนนี้มารักกันได้อย่างไร แล้วปุ๊จะเป็นคนตอบคำถามเล่าประวัติของตนเองแล้วมาเจอผมได้ยังแล้วเรารักกันได้ยังไงผมสังเกตพ่อระหว่างทานข้าว...พ่อสนใจกับแกงอ่อมไก่ใบชะพลูของปุ๊เป็นพิเศษ สรุปแล้วการประลองฝีมือระหว่างว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ไม่มีใครแพ้ใครชนะเพราะทุกอย่างเกลี้ยงหมดเลย เป็นอันว่าเสมอกัน หลังจากมื้ออาหารเช้า ว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ช่วยกันเอาสำรับไปเก็บแล้วช่วยกันทำความสะอาด ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในครัวผมคิดในใจ สองคนนี้ต้องถูกชะตากันแน่นอน เรื่องแม่หมดปัญหา ส่วนเรื่องพ่อผมต้องคุย
“พ่อครับ..พ่อว่าปุ๊เป็นยังไงบ้างเหมาะที่จะมาเป็นว่าลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่หรือเปล่า” ผมถามพ่อ
“เท่าที่พ่อดูปุ๊ก็เป็นเด็กดี หน้าที่การงานก็ดี แถมยังเข้ากับแม่เอ็งได้ดีซะด้วย คนนี้พ่อไม่ปฏิเสธถ้าพวกเอ็งรักกันชอบกันจริงๆ พ่อก็จะแต่งให้ แต่การแต่งงานมันต้องหาฤกษ์หายามว่าจะไปสู่ขอเมื่อไหร่เพื่อที่ฝ่ายเราจะได้ไปตกลงกับฝ่ายเขาว่าจะคิดค่าสินสอดทองมั่นเท่าไหร่ แล้วการกำหนดวันแต่งงานจะต้องให้เป็นวันฤกษ์ที่เป็นมงคลวันหัวเรืองหมอน เพียงแต่พ่อไม่รู้ว่าธรรมเนียมประเพณีการปฏิบัติของทางอีสานจะเป็นอย่างไร เอาล่ะ...เรื่องนี้พ่ออนุญาตให้เอ็งสองคนแต่งงานกันได้ ส่วนเรื่องอื่นๆพ่อขอปรึกษากับแม่ของเอ็งก่อนนะ ได้ฤกษ์งามยามดียังไงแล้วพ่อจะติดต่อไปนะลูก” พ่ออธิบายจบ ผมดีใจสุดๆ
“ไชโย...ปุ๊จ๋า...มานี่เร็วๆ”
“มีอะไรหรือหนึ่ง” ปุ๊ถาม
“พ่ออนุญาตให้เราแต่งงานกันแล้ว...มานี่เลยเราจะกราบขอบคุณท่าน” ผมกับปุ๊รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเราสองคนนั่งคุกเข่าแล้วกราบพ่อแล้วเราก็พูดว่า
“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณคะพ่อหนูขอสัญญาว่าจะดูแลหนึ่งอย่างดีที่สุดเลยคะ” แล้วก็มีมือมาลูบหัวเราสองคนทั้งมือพ่อและมือแม่โดยมีคำพูดว่า
“เจริญๆนะลูกรักกันให้มากๆนะ แล้วรีบมีหลานมาให้พ่อกับแม่ได้อุ้มเร็วนะ..ฮ้าๆๆๆ” จากนั้นพวกเราสี่คนก็กอดกันผมกอดพ่อส่วนปุ๊กอดแม่ แล้วปุ๊ก็เอ่ยขึ้นว่า
“พ่อคะ แม่คะ หนูมีของฝากมาให้พ่อกับแม่ด้วยคะ” แล้วปุ๊ก็หยิบของในกระเป๋าออกมา ผมงงมากปุ๊ไปเอามาจากไหนวะ
“นี่คะอันนี้ของคุณพ่อค่ะ แล้วอันนี้ของคุณแม่ค่ะ ลองเปิดดูซิคะว่าถูกใจหรือเปล่าคะ” พ่อเปิดดูก่อน
“นาฬิกาข้อมือสวยมาก ขอบใจมากนะลูกพ่อชอบมากเลย” แล้วต่อมาแม่ก็เปิดดู
“อุ๊ย..นี่มันสร้อยคอนี่สวยมากเลยแม่ชอบมากเลยขอบใจมากนะลูก” พ่อกับแม่ชื่นชอบของฝากที่ว่าที่ลูกสะใภ้มอบให้เป็นอย่างมาก ผมเลยถามว่า
“นี่คุณ..ไปแอบซื้อมาตอนไหน แล้วรู้ได้ยังไงว่าพ่อชอบนาฬิกาและแม่ชอบเครื่องประดับ” ผมยังงง
“ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองนี่”
“ผมบอกตอนไหน...อ๋อผมนึกออกแล้วที่ร้านอาหารใช่ไหมที่คุณหลอกถามผมแล้วคุณก็หายไปบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ...ที่แท้ก็แอบไปซื้อของฝากนี่เอง..เจ้าเล่ห์ไม่เบาเลยนะเรานี่”
“ถ้าฉันไม่เจ้าเล่ห์บ้างจะทันคุณเหรอ..สามีจอมเจ้าเล่ห์” พ่อกับแม่ได้ยินแล้วต่างหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน สรุปแล้วพ่อกับแม่พอใจในลูกสะใภ้คนนี้มาก มันต้องมีด่านต่อไป
ผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะพาปุ๊ไปสวัสดีพวกน้าๆก่อนนะ แม่บอกว่า
“ไปเลยลูกแต่อย่าลืมไปที่บ้านแกนะ”
“ครับแม่”
“บ้านแกคืออะไร” ปุ๊สงสัย
“เป็นบ้านเกิดของแม่น่ะชื่อบ้านแก มีลุง 1 คน และป้า 2 คน แม่เป็นลูกคนเล็กผมก็เลยมีแต่ลุงกับป้า” ผมบอกปุ๊
“แล้วที่คุณเรียกว่าน้าละ” ปุ๊ยังสงสัยอีก
“สายนั้นเขาเป็นน้องของพ่อ..พ่อเป็นพี่ชายคนโตแล้วมีน้องสาว 2 คน แต่คนอื่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อมี 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นญาติของพ่อเป็นผู้หญิงกันหมดเลย” ผมเล่าให้ฟัง
“ญาติของพ่อต้องเรียกว่าอาไม่ใช่เหรอทำไมเรียกว่าน้าล่ะ” ปุ๊สงสัย
“คนบ้านผมเขาก็เรียกกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ไม่เคยเห็นมีใครเรียกอาสักคนเขาจะเรียกแต่น้ากันทั้งนั้นอย่าไปสนใจเลย...สนใจน้าคนแรกนี้ดีกว่าเขาเป็นน้องของพ่อแท้ๆ สามีของเขาเป็นครูส่วนเขาเป็นช่างเย็บผ้าอยู่ที่บ้านเขาชื่อน้าลำนวล เดี๋ยวพอคุณเจอท่านแล้วคุณจะอึ้ง มาคุณเดินตามผมมาบ้านน้าอยู่ข้างหน้านี้เอง” ผมพาปุ๊เดินมาถึงบ้านน้าลำนวลแล้ว ผมตะโกนเรียก
(มีต่อนะครับ)