เด็กเทพวัดไผ่ตัน The Hero From Phaitan Temple ตอนที่ 16


ตอนที่  16  แอ่วเมืองลำพูน

                ผมสะดุ้งตื่นเพราะมีเสียงจากในครัวพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหาร  ผมลุกจากที่นอนแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว  ผมตกตะลึงในทันที  เห็นผู้หญิง 2 คนกำลังช่วยกันทำอาหารอยู่ผมยืนมองครู่หนึ่งสังเกตเห็นว่าทั้งคู่กำลังสนุกสนานในการทำกับข้าวเหมือนจะแข่งขันกันยังไงยังนั้นเลย  ผมเลยเดินเข้าไปถาม  
                “ทำอะไรกันอยู่ครับ”  ปุ๊ตอบมา  
                “คุณตื่นแล้วเหรอปุ๊กับแม่กำลังประลองฝีมือกันอยู่ว่าอาหารเหนือกับอาหารอีสานว่าอย่างไหนจะอร่อยกว่ากัน”  
                “เป็นไปได้ไงทั้งสองคนมาเจอกันแล้วรู้จักกันได้ยังไง”  ผมงง  แล้วแม่ก็ตอบมาว่า  
                “พอแม่ตื่นขึ้นมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก่อไฟในเตาอยู่  แม่ก็เลยถามว่าใครมาทำอะไรที่นี่เธอตอบแม่ไปว่าหนูชื่อปุ๊คะเป็นแฟนของหนึ่งเรามาถึงตอนดึกแล้วหนึ่งก็เลยชวนเข้าไปพักผ่อนก่อนไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยมาทำความรู้จักกัน  แม่เลยจำได้ว่าเห็นหน้าแฟนของลูกในรูปที่ส่งมาให้พ่อกับแม่ดู  ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะนี่ตาถึงจริงๆลูกแม่”  แม่อธิบาย  
                “อ๋อ..เป็นอย่างนี้นี่เอง” ผมถึงบางอ้อแล้ว  
                “หนึ่งคะ..เมื่อตอนเช้าแม่พาปุ๊ไปเดินซื้อของในตลาดด้วยมีคนทักกันใหญ่เลยว่าแม่พาสาวที่ไหนมาด้วย  แม่บอกว่าเป็นแฟนไอ้หนึ่งว่าที่ลูกสะใภ้  ทุกคนฮือฮากันใหญ่เลยต่างคนก็ต่างบอกว่า  ไอ้หนึ่งมันมีแฟนสวยขนาดนี้เลยเหรอ  แล้วปุ๊กับแม่ก็ไปหาวัตถุดิบมาทำกับข้าว  แล้วแม่ก็ถามปุ๊ว่าอาหารอีสานจะอร่อยเหมือนอาหารเหนือไหม  ปุ๊ก็เลยท้าประลองฝีมือกับแม่ซะเลย”  ปุ๊บรรยายให้ฟัง  
                “นี่คุณกล้าท้าประลองฝีมือทำกับข้าวกับแม่เลยเหรอ...บ้าไปแล้วคุณแพ้แน่นอน”  ผมบอก 
                “ไม่ลองจะรู้หรือคะคุณหนึ่ง” ปุ๊ย้อน 
                “แล้วคุณทำอะไรกินล่ะ” ผมถาม 
                “ก็แกงอ่อมไก่ใส่ใบชะพลูของชอบของคุณยังไงคะที่รัก” ปุ๊ตอบอย่างภูมิใจ   
                “แล้วแม่ล่ะทำอะไร”  ผมถาม  แม่ตอบว่า 
                “แม่ทำน้ำพริกตาแดง  นึ่งผักของโปรดของพ่อเอ็งนะซิ  ดูซิว่าอาหารอีสานกับอาหารเหนือของใครจะอร่อยกว่ากัน”  
                “โห..แม่ยังไม่ทันไรก็จะทะเลาะกับว่าที่ลูกสะใภ้แล้วเหรอนี่..มันบ้าไปแล้ว”  ผมบ่นอย่างหงุดหงิด  
                “หนึ่งคะ..ไม่ใช่แบบที่คุณคิดหรอกนะคะ  แม่เขาอยากทดสอบความสามารถในการทำอาหารของปุ๊ว่าจะอร่อยถูกปากลูกชายของท่านไหมแล้วจะเลี้ยงดูเรื่องอาหารการกินให้คุณได้ไหมเท่านั้นเอง  รู้ไหมแม่แอบบอกเคล็ดลับสูตรอาหารที่คุณชอบให้ปุ๊หมดแล้วนะ  ทีนี้แหละพ่อเด็กเทพไม่อ้วนก็ให้มันรู้ไป”  ปุ๊พูดแบบอารมณ์ดี  แล้วก็มีเสียงหัวเราะชอบใจ  
                “แบบนี้นี่เองแม่ผัวกับลูกสะใภ้รวมหัวกันทำอาหารเพื่อให้สามีของแต่ละคนตัดสินใช่ไหมว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน”  ผมพูดทะลึ่งออกมา  
                “ใช่แล้วคะคุณ”  ผมเห็นท่าทางของลูกสะใภ้กับแม่สามีเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยซึ่งหาดูได้ยากมาก  พึ่งเจอกันแท้ๆสนิทกันมากขนาดนี้
                (ไอ้สติ – มีอะไร – ฝีมือใช่ไหมที่ทำให้แม่ผัวกับลูกสะใภ้เขาสนิทสนมกันแบบนี้ – รู้ได้ยังไง – กูรู้ก็แล้วกัน ถ้าให้ดีนะให้พ่อประทับใจแม่ปุ๊ของด้วยจะได้รีบๆไปจุติเร็วๆไง  สติอยากจะไปกราบพ่อกับแม่ไหม – ตอนแรกก็อยากอยู่หรอกแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่า  ยิ่งให้ท่านรู้ท่านก็จะยิ่งเจ็บปวด ให้ท่านรู้ว่ามีคนเดียวก็พอ  แค่กูได้มาเห็นหน้าพ่อกับแม่กูก็ดีใจแล้ว  อีกอย่างท่านเจ้าที่ท่านเตือนกูไว้ว่าพวกเราอยู่กันคนละภพภูมิถ้าไม่จำเป็นอย่าปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นจะดีที่สุด  ไม่ต้องกลัวพวกเราได้เจอกันอยู่แล้ว  จะเป็นพ่อของกู  แม่ปุ๊จะเป็นแม่ของกู  ส่วนพ่อกับแม่ก็จะเป็นปู่กับย่าของกู – แล้วตอนที่ยังไม่จุติยังจะเป็นเทวดาคุ้มครองประจำตัวกูกับปุ๊อยู่หรือเปล่า – แน่นอนอยู่แล้วพวกจะเป็นพ่อกับแม่กูนี่หว่า  เดี๋ยวกูขอไปเที่ยวก่อนนะมีอะไรเรียกกูได้) โธ่เอ๊ย...ไอ้พี่ชายกูล่ะสงสารและเห็นใจจริงๆ  ก็อย่างที่พระท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรมในเมื่อฟ้าลิขิตมาอย่างนี้ใครจะกล้าฝืนกันล่ะ 
                อาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว  แม่เข้าไปเรียกพ่อให้ตื่นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของพ่อจึงตื่นสายหน่อย  
                “พ่อๆๆตื่นได้แล้วลุกขึ้นมาดูสิว่าใครมา”  พ่องัวเงียแล้วก็ลุกจากที่นอน  
                “แม่ตอนนี้กี่โมงแล้ว” พ่อถาม  
                “แปดโมงแล้วพ่อมาดูสิว่าใครมา”  
                “ใครมาเหรอ” พ่อถาม 
                “ออกมาสิเดี๋ยวพ่อก็รู้เองแหละ”  พ่อออกจากห้องนอนแล้วก็เห็นผมยืนอยู่หน้าห้องพ่อตะลึงแล้วพูดขึ้นว่า  
                “หนึ่งลูกพ่อ..มาเมื่อไหร่ตอนไหนทำไมพ่อไม่รู้”  แล้วพ่อก็เข้ามากอดผม 
                “ผมมาถึงตอนดึกแล้วไม่อยากกวนพ่อกับแม่  ผมก็เลยแอบเข้าห้องแล้วก็นอนพักคิดว่าจะมาสวัสดีพ่อกับแม่ในตอนเช้านี่ล่ะครับ”  ผมตอบพ่อ  ตอนนั้นปุ๊กับแม่กำลังเตรียมสำรับกับข้าวอยู่ในครัว  
                “พ่อครับไปล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่านะครับ..ผมมีใครบางคนจะแนะนำให้พ่อรู้จัก”  พ่อรู้สึกงงๆแล้วก็เข้าห้องน้ำไป  หลังจากพ่อออกมาจากห้องน้ำแล้ว  สักครู่ต่อมาสำรับกับข้าวก็มีผู้หญิงสองคนนำออกมาจากในครัวมาวาง  พ่อตกใจว่าทำไมมีผู้หญิงสองคน  ผมเห็นอาการของพ่อแล้วผมเลยพูดขึ้นว่า  
                “พ่อกับแม่ครับผมขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ  ผู้หญิงคนสวยคนนี้ชื่อปุ๊  ชื่อจริง นางสาวเจนจิรา  กุดคำ เป็นคนอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์  เป็นแฟนของผมเองครับเราคบกันมาได้ประมาณหกเดือนแล้ว  เธอเป็นคนดี  สุภาพเรียบร้อย  พูดจาไพเราะ อัธยาศัยดี แล้วก็ยังทำกับข้าวเก่งอีก  ผมขออนุญาตจากพ่อกับแม่  ผมอยากแต่งงานกับปุ๊ครับ...ผมอยากให้พ่อกับไปสู่ขอเธอให้ผมด้วยได้ไหมครับ”   ผมขออนุญาตพ่อกับแม่  
                “เอาล่ะเดี๋ยวเรื่องนี้พ่อกับแม่จะปรึกษากันก่อนนะ...มากินข้าวกันเถอะ”  แม่บอก  
                ระหว่างทานข้าวก็มีการสนทนากัน  ส่วนมากพ่อจะเป็นคนถามว่าสองคนนี้มารักกันได้อย่างไร  แล้วปุ๊จะเป็นคนตอบคำถามเล่าประวัติของตนเองแล้วมาเจอผมได้ยังแล้วเรารักกันได้ยังไงผมสังเกตพ่อระหว่างทานข้าว...พ่อสนใจกับแกงอ่อมไก่ใบชะพลูของปุ๊เป็นพิเศษ  สรุปแล้วการประลองฝีมือระหว่างว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ไม่มีใครแพ้ใครชนะเพราะทุกอย่างเกลี้ยงหมดเลย  เป็นอันว่าเสมอกัน  หลังจากมื้ออาหารเช้า  ว่าที่แม่สามีกับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ช่วยกันเอาสำรับไปเก็บแล้วช่วยกันทำความสะอาด  ผมแอบได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากในครัวผมคิดในใจ  สองคนนี้ต้องถูกชะตากันแน่นอน  เรื่องแม่หมดปัญหา  ส่วนเรื่องพ่อผมต้องคุย  
                “พ่อครับ..พ่อว่าปุ๊เป็นยังไงบ้างเหมาะที่จะมาเป็นว่าลูกสะใภ้ของพ่อกับแม่หรือเปล่า”  ผมถามพ่อ  
                “เท่าที่พ่อดูปุ๊ก็เป็นเด็กดี  หน้าที่การงานก็ดี  แถมยังเข้ากับแม่เอ็งได้ดีซะด้วย  คนนี้พ่อไม่ปฏิเสธถ้าพวกเอ็งรักกันชอบกันจริงๆ  พ่อก็จะแต่งให้  แต่การแต่งงานมันต้องหาฤกษ์หายามว่าจะไปสู่ขอเมื่อไหร่เพื่อที่ฝ่ายเราจะได้ไปตกลงกับฝ่ายเขาว่าจะคิดค่าสินสอดทองมั่นเท่าไหร่  แล้วการกำหนดวันแต่งงานจะต้องให้เป็นวันฤกษ์ที่เป็นมงคลวันหัวเรืองหมอน  เพียงแต่พ่อไม่รู้ว่าธรรมเนียมประเพณีการปฏิบัติของทางอีสานจะเป็นอย่างไร  เอาล่ะ...เรื่องนี้พ่ออนุญาตให้เอ็งสองคนแต่งงานกันได้  ส่วนเรื่องอื่นๆพ่อขอปรึกษากับแม่ของเอ็งก่อนนะ  ได้ฤกษ์งามยามดียังไงแล้วพ่อจะติดต่อไปนะลูก” พ่ออธิบายจบ  ผมดีใจสุดๆ  
                 “ไชโย...ปุ๊จ๋า...มานี่เร็วๆ”  
                 “มีอะไรหรือหนึ่ง” ปุ๊ถาม 
                 “พ่ออนุญาตให้เราแต่งงานกันแล้ว...มานี่เลยเราจะกราบขอบคุณท่าน”  ผมกับปุ๊รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเราสองคนนั่งคุกเข่าแล้วกราบพ่อแล้วเราก็พูดว่า  
                 “ขอบคุณครับพ่อ  ขอบคุณคะพ่อหนูขอสัญญาว่าจะดูแลหนึ่งอย่างดีที่สุดเลยคะ”  แล้วก็มีมือมาลูบหัวเราสองคนทั้งมือพ่อและมือแม่โดยมีคำพูดว่า  
                 “เจริญๆนะลูกรักกันให้มากๆนะ  แล้วรีบมีหลานมาให้พ่อกับแม่ได้อุ้มเร็วนะ..ฮ้าๆๆๆ”  จากนั้นพวกเราสี่คนก็กอดกันผมกอดพ่อส่วนปุ๊กอดแม่  แล้วปุ๊ก็เอ่ยขึ้นว่า  
                 “พ่อคะ แม่คะ หนูมีของฝากมาให้พ่อกับแม่ด้วยคะ”  แล้วปุ๊ก็หยิบของในกระเป๋าออกมา  ผมงงมากปุ๊ไปเอามาจากไหนวะ 
                 “นี่คะอันนี้ของคุณพ่อค่ะ  แล้วอันนี้ของคุณแม่ค่ะ  ลองเปิดดูซิคะว่าถูกใจหรือเปล่าคะ”  พ่อเปิดดูก่อน 
                 “นาฬิกาข้อมือสวยมาก  ขอบใจมากนะลูกพ่อชอบมากเลย”  แล้วต่อมาแม่ก็เปิดดู 
                 “อุ๊ย..นี่มันสร้อยคอนี่สวยมากเลยแม่ชอบมากเลยขอบใจมากนะลูก” พ่อกับแม่ชื่นชอบของฝากที่ว่าที่ลูกสะใภ้มอบให้เป็นอย่างมาก  ผมเลยถามว่า 
                 “นี่คุณ..ไปแอบซื้อมาตอนไหน แล้วรู้ได้ยังไงว่าพ่อชอบนาฬิกาและแม่ชอบเครื่องประดับ” ผมยังงง 
                 “ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองนี่”  
                 “ผมบอกตอนไหน...อ๋อผมนึกออกแล้วที่ร้านอาหารใช่ไหมที่คุณหลอกถามผมแล้วคุณก็หายไปบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ...ที่แท้ก็แอบไปซื้อของฝากนี่เอง..เจ้าเล่ห์ไม่เบาเลยนะเรานี่”  
                 “ถ้าฉันไม่เจ้าเล่ห์บ้างจะทันคุณเหรอ..สามีจอมเจ้าเล่ห์” พ่อกับแม่ได้ยินแล้วต่างหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน  สรุปแล้วพ่อกับแม่พอใจในลูกสะใภ้คนนี้มาก   มันต้องมีด่านต่อไป
                 ผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะพาปุ๊ไปสวัสดีพวกน้าๆก่อนนะ  แม่บอกว่า  
                 “ไปเลยลูกแต่อย่าลืมไปที่บ้านแกนะ”  
                 “ครับแม่”  
                 “บ้านแกคืออะไร”  ปุ๊สงสัย  
                 “เป็นบ้านเกิดของแม่น่ะชื่อบ้านแก มีลุง 1 คน และป้า 2 คน แม่เป็นลูกคนเล็กผมก็เลยมีแต่ลุงกับป้า” ผมบอกปุ๊  
                 “แล้วที่คุณเรียกว่าน้าละ”  ปุ๊ยังสงสัยอีก  
                 “สายนั้นเขาเป็นน้องของพ่อ..พ่อเป็นพี่ชายคนโตแล้วมีน้องสาว 2 คน  แต่คนอื่นเป็นลูกพี่ลูกน้องของพ่อมี 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นญาติของพ่อเป็นผู้หญิงกันหมดเลย” ผมเล่าให้ฟัง  
                 “ญาติของพ่อต้องเรียกว่าอาไม่ใช่เหรอทำไมเรียกว่าน้าล่ะ”   ปุ๊สงสัย   
                 “คนบ้านผมเขาก็เรียกกันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ  ไม่เคยเห็นมีใครเรียกอาสักคนเขาจะเรียกแต่น้ากันทั้งนั้นอย่าไปสนใจเลย...สนใจน้าคนแรกนี้ดีกว่าเขาเป็นน้องของพ่อแท้ๆ  สามีของเขาเป็นครูส่วนเขาเป็นช่างเย็บผ้าอยู่ที่บ้านเขาชื่อน้าลำนวล   เดี๋ยวพอคุณเจอท่านแล้วคุณจะอึ้ง  มาคุณเดินตามผมมาบ้านน้าอยู่ข้างหน้านี้เอง”   ผมพาปุ๊เดินมาถึงบ้านน้าลำนวลแล้ว  ผมตะโกนเรียก  
                 
                 (มีต่อนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่