สวัสดีครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จากปากมาเล่าให้ฟังครับ อาจจะไม่น่ากลัว แต่มันคือประสบการจริง
ย้อนไปเมื่อ 30 ก่อน เป็นเรื่องเมื่อสมัยเตี้ย วัย25ปี หนุ่มหนองคาย มาทำงานที่ กทม เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยจะดีนัก และต้องส่งน้องเรียนเพราะเเม่กับพ่อก็อายุมากเเล้ว เตี้ยได้งานทำเป็นช่างเฟอรนิเจอ งานมีโอที ทำทุกวัน จึงมีเงินส่งกลับบ้านตลอด ถึงวันหยุดมีโอกาศก็กลับบ้านไปเยื่ยมพ่อแม่กับน้องอยู่บ่อยๆ สันเพื่อนของเตี้ยตั้งแต่ประถมพอได้ยินข่าวว่าเตี้ยจะกลับก็ดีใจมารอที่บ้านพ่อกับแม่ของเตี้ยตั้งแต่เช้าเพราะสองคนนี้สนิทกันกินอะไรก็กินด้วยกันแต่ต้องแยกจากกันเพราะว่าเตี้ยต้องไปทำงานที่กรุงเทพนั่นเอง ต้องบอกก่อนครับสมัยนั่น ยังไม่มีโทรศัพท์ ต้องใช้จดหมายเป็นสื่อการติดต่อ เล่าเรื่องราวในชีวิตการทำงานของเตี้ยส่งให้ทางบ้านได้รับรู้ หลังจากเตี้ยทำงานไปได้2ปี ตอนนี้ก็จะถึงสิ้นปีแล้ว ปีใหม่ปีนี้ เดี๋ยวก็จะกลับบ้านเช่นเคยแล้วก็ได้เขียนจดหมายส่งให้ทางบ้านแล้วว่าจะกลับพอใกล้ถึงวันจะกลับเตี้ยก็หาซื้อของฝากพ่อแม่น้องแล้วก็สันเพื่อนสนิทของเตี้ยการเดินทางสมัยนั้น ก็จะขึ้นรถที่หมอชิตไปลงหนองคายเส้นทางจะบอก บ ข ส หนองคายเข้าสู่หมู่บ้านของเตี้ย ระยะทางก็ไกลพอสมควรสมัยนั้นแท็กซี่ไม่มีไปถึงดึกก็ต้องเม้าท์สามล้อเพื่อให้ไปส่งที่หมู่บ้านระยะทางจากบอกค.ศ. ถึงหมู่บ้านของเตี้ยก็ประมาณ 10 กิโลได้ต้องผ่านหมู่บ้าน หลายหมู่บ้านอยู่เหมือนกัน ถึงวันเดินทางเตี้ยก็ไปขึ้นรถที่หมอชิตตอนบ่ายถึงบอกค.ศ. หนองคายก็ประมาณตีสองแถวนั้นตีสองรถก็หายากมากแล้วตาคิดว่าจะรอให้ถึงเช้าถึงจะกลับบ้านเพราะว่าหารถไม่เจอเลยแต่พอเดินหาไปสักพักนึงก็มีรถสามล้อคันนึงกำลัง วิ่งเข้ามาที่บอกค.ศ. พอดีเตี้ยก็เลยถามว่าไปส่งที่หมู่บ้านได้ไหมระยะทางประมาณ 10 กิโลเจ้าของรถสามล้อก็โอเคไปส่งให้เพราะว่าสงสารมาถึงตีสองจะต้องมานั่งรอถึงเช้าอีกคงคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว เส้นทางไปหมู่บ้านของเตี้ยสมัยก่อนไม่ต้องพูดถึงนะครับเป็นป่าสองข้างทางไม่มีแม้ไฟฟ้าแต่ก็ขอบใจพี่สามล้อมากที่แกยังกล้ามาส่งขณะเดินทางใกล้จะถึงเข้าหมู่บ้านของเตี้ยในเวลาตอนนั้นก็ประมาณตีสามไฟ หน้ารถสามล้อก็สั่นไปเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่หน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านพอไปใกล้ใกล้เตี้ยก็ได้เห็นว่าร่างตนนั้นเปลี่ยนเพื่อนของเขาคือสันนั่นเองครับ ตาคิดว่าทำไมสันมันดีใจขนาดนั้นเหรอถึงได้มารอรับตอนตีสามแต่ก็ดีใจที่เห็นเพื่อนมารับจึงให้ลุง3ล้อจอด รับสันสีหน้าของสันต์Dusitซีดแต่ก็ไม่ได้สังเกตเพราะว่ามันมืดแล้วก็เตี้ยก็ง่วงด้วยก็ได้เรียกฉันขึ้นรถเตี้ยก็ถามสันว่าทำไมเอ็งมารอห้าจนเอาป่านนี้ไม่รอตอนเช้าค่อยมาที่บ้านล่ะฉันก็ตอบสั้นสั้นว่าคิดถึงเพื่อน แล้วก็ไม่ได้พูดต่อพอถึงบ้านผ่านหน้าบ้านของสันก็เห็นมีเต็นท์เหมือนจะมีงานอะไรซักอย่างนี่แหละจึงถามสันว่าบ้านเอ็งมีงานอะไรวสันต์ใครบวชน้องเอ็งบวชหรือเปล่าสันก็ได้แค่ยิ้มก็ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินเข้าบ้านเตี้ยก็ตะโกนบอกว่า พรุ่งนี้เอ็งก็ค่อยไปบ้านข้านะถ้าซื้อของมาฝากเองเยอะเลย พ่อเตี้ย ถึงบ้าน แม่กับพ่อและน้องก็ยังไม่ตื่นเตี้ยก็ง่วงเพราะว่าเดินทางมาค่อนวันแล้วจึงเผลอหลับไปตื่นมาอีกทีตอน 2 โมงแม่มาปลุกให้ไปงานศพของสันต์ตอนนั้นเตี้ยตกใจมากเพราะว่าเมื่อคืนก็ยังคุยกับสันบนรถสามล้ออยู่เลย จึงเล่าให้แม่ฟังว่าเมื่อคืนไอ้สันมันไปรับผมที่ปากทางหมู่บ้านเลยนะครับแม่มันจะเป็นมันจะตายได้ยังไงยังคุยกับมันอยู่เลยเมื่อคืนแม่ก็บอกว่าไอ้สันมันเพิ่งตายเมื่อวานก่อนที่เองจะมานี่แหละโดนรถชนที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้านเราถ้าไม่เชื่อเองก็ลองเดินไปบ้านมันดูจังหวะนั้นความรู้สึกของเตี้ย ทั้งเสียใจและดีใจในขณะเดียวกันเสียใจที่เพื่อนตายและก็ดีใจที่เพื่อนยังมารับหน่อยยที่ตายไปแล้วซึ่งณตอนนั้นเตี้ยไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะว่ายังไม่รู้ว่าเพื่อนตายไปแล้วเตี้ยก็ได้เดินไปที่งานศพ. ธูปบอกศาลว่ากูกลับมาแล้วนะเดี๋ยวกูเอาของฝาก ให้น้องเองแล้วกันเรื่องราวก็จบลงประมาณนี้แหล่ะครับ
ขึ้น3ล้อกับผี!
ย้อนไปเมื่อ 30 ก่อน เป็นเรื่องเมื่อสมัยเตี้ย วัย25ปี หนุ่มหนองคาย มาทำงานที่ กทม เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยจะดีนัก และต้องส่งน้องเรียนเพราะเเม่กับพ่อก็อายุมากเเล้ว เตี้ยได้งานทำเป็นช่างเฟอรนิเจอ งานมีโอที ทำทุกวัน จึงมีเงินส่งกลับบ้านตลอด ถึงวันหยุดมีโอกาศก็กลับบ้านไปเยื่ยมพ่อแม่กับน้องอยู่บ่อยๆ สันเพื่อนของเตี้ยตั้งแต่ประถมพอได้ยินข่าวว่าเตี้ยจะกลับก็ดีใจมารอที่บ้านพ่อกับแม่ของเตี้ยตั้งแต่เช้าเพราะสองคนนี้สนิทกันกินอะไรก็กินด้วยกันแต่ต้องแยกจากกันเพราะว่าเตี้ยต้องไปทำงานที่กรุงเทพนั่นเอง ต้องบอกก่อนครับสมัยนั่น ยังไม่มีโทรศัพท์ ต้องใช้จดหมายเป็นสื่อการติดต่อ เล่าเรื่องราวในชีวิตการทำงานของเตี้ยส่งให้ทางบ้านได้รับรู้ หลังจากเตี้ยทำงานไปได้2ปี ตอนนี้ก็จะถึงสิ้นปีแล้ว ปีใหม่ปีนี้ เดี๋ยวก็จะกลับบ้านเช่นเคยแล้วก็ได้เขียนจดหมายส่งให้ทางบ้านแล้วว่าจะกลับพอใกล้ถึงวันจะกลับเตี้ยก็หาซื้อของฝากพ่อแม่น้องแล้วก็สันเพื่อนสนิทของเตี้ยการเดินทางสมัยนั้น ก็จะขึ้นรถที่หมอชิตไปลงหนองคายเส้นทางจะบอก บ ข ส หนองคายเข้าสู่หมู่บ้านของเตี้ย ระยะทางก็ไกลพอสมควรสมัยนั้นแท็กซี่ไม่มีไปถึงดึกก็ต้องเม้าท์สามล้อเพื่อให้ไปส่งที่หมู่บ้านระยะทางจากบอกค.ศ. ถึงหมู่บ้านของเตี้ยก็ประมาณ 10 กิโลได้ต้องผ่านหมู่บ้าน หลายหมู่บ้านอยู่เหมือนกัน ถึงวันเดินทางเตี้ยก็ไปขึ้นรถที่หมอชิตตอนบ่ายถึงบอกค.ศ. หนองคายก็ประมาณตีสองแถวนั้นตีสองรถก็หายากมากแล้วตาคิดว่าจะรอให้ถึงเช้าถึงจะกลับบ้านเพราะว่าหารถไม่เจอเลยแต่พอเดินหาไปสักพักนึงก็มีรถสามล้อคันนึงกำลัง วิ่งเข้ามาที่บอกค.ศ. พอดีเตี้ยก็เลยถามว่าไปส่งที่หมู่บ้านได้ไหมระยะทางประมาณ 10 กิโลเจ้าของรถสามล้อก็โอเคไปส่งให้เพราะว่าสงสารมาถึงตีสองจะต้องมานั่งรอถึงเช้าอีกคงคิดถึงบ้านจะแย่แล้ว เส้นทางไปหมู่บ้านของเตี้ยสมัยก่อนไม่ต้องพูดถึงนะครับเป็นป่าสองข้างทางไม่มีแม้ไฟฟ้าแต่ก็ขอบใจพี่สามล้อมากที่แกยังกล้ามาส่งขณะเดินทางใกล้จะถึงเข้าหมู่บ้านของเตี้ยในเวลาตอนนั้นก็ประมาณตีสามไฟ หน้ารถสามล้อก็สั่นไปเห็นร่างผู้ชายคนหนึ่งอยู่ที่หน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านพอไปใกล้ใกล้เตี้ยก็ได้เห็นว่าร่างตนนั้นเปลี่ยนเพื่อนของเขาคือสันนั่นเองครับ ตาคิดว่าทำไมสันมันดีใจขนาดนั้นเหรอถึงได้มารอรับตอนตีสามแต่ก็ดีใจที่เห็นเพื่อนมารับจึงให้ลุง3ล้อจอด รับสันสีหน้าของสันต์Dusitซีดแต่ก็ไม่ได้สังเกตเพราะว่ามันมืดแล้วก็เตี้ยก็ง่วงด้วยก็ได้เรียกฉันขึ้นรถเตี้ยก็ถามสันว่าทำไมเอ็งมารอห้าจนเอาป่านนี้ไม่รอตอนเช้าค่อยมาที่บ้านล่ะฉันก็ตอบสั้นสั้นว่าคิดถึงเพื่อน แล้วก็ไม่ได้พูดต่อพอถึงบ้านผ่านหน้าบ้านของสันก็เห็นมีเต็นท์เหมือนจะมีงานอะไรซักอย่างนี่แหละจึงถามสันว่าบ้านเอ็งมีงานอะไรวสันต์ใครบวชน้องเอ็งบวชหรือเปล่าสันก็ได้แค่ยิ้มก็ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินเข้าบ้านเตี้ยก็ตะโกนบอกว่า พรุ่งนี้เอ็งก็ค่อยไปบ้านข้านะถ้าซื้อของมาฝากเองเยอะเลย พ่อเตี้ย ถึงบ้าน แม่กับพ่อและน้องก็ยังไม่ตื่นเตี้ยก็ง่วงเพราะว่าเดินทางมาค่อนวันแล้วจึงเผลอหลับไปตื่นมาอีกทีตอน 2 โมงแม่มาปลุกให้ไปงานศพของสันต์ตอนนั้นเตี้ยตกใจมากเพราะว่าเมื่อคืนก็ยังคุยกับสันบนรถสามล้ออยู่เลย จึงเล่าให้แม่ฟังว่าเมื่อคืนไอ้สันมันไปรับผมที่ปากทางหมู่บ้านเลยนะครับแม่มันจะเป็นมันจะตายได้ยังไงยังคุยกับมันอยู่เลยเมื่อคืนแม่ก็บอกว่าไอ้สันมันเพิ่งตายเมื่อวานก่อนที่เองจะมานี่แหละโดนรถชนที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้านเราถ้าไม่เชื่อเองก็ลองเดินไปบ้านมันดูจังหวะนั้นความรู้สึกของเตี้ย ทั้งเสียใจและดีใจในขณะเดียวกันเสียใจที่เพื่อนตายและก็ดีใจที่เพื่อนยังมารับหน่อยยที่ตายไปแล้วซึ่งณตอนนั้นเตี้ยไม่ได้รู้สึกกลัวเพราะว่ายังไม่รู้ว่าเพื่อนตายไปแล้วเตี้ยก็ได้เดินไปที่งานศพ. ธูปบอกศาลว่ากูกลับมาแล้วนะเดี๋ยวกูเอาของฝาก ให้น้องเองแล้วกันเรื่องราวก็จบลงประมาณนี้แหล่ะครับ