เรื่องนี้ย้อนไป เกือบ30ปี ไม่ใช่เรื่องที่เจอมาด้วยตัวเอง แต่อาจารย์สังคมสมัยเรียนเล่าให้ฟัง
คือผมเป็นคนเชียงใหม่ เรียน รร.คริสต์ในเชียงใหม่ อาจารย์คนเล่าก็เป็นคริสต์ แต่เรื่องศาสนาก็คือศาสนา หมู่บ้านที่อาจารย์ผมอยู่เป็นหมู่บ้านพหุศาสนา แล้วตัวอาจารย์ก็เปิดกว้างพอสมควร เพราะแกเป็นทหารผ่านศึกร่มเกล้า(ทหารเกณฑ์)ก่อนจะไปต่อ ครูป.ตรี แล้วมาสอนที่โรงเรียนผม ช่วงที่แกเล่า ผมก็ประมาณ ม.ต้น เรื่องมันมีอยู่ว่า
ช่วงนั้น คนแถวบ้านครูไปทำงานที่กทม. ไม่แน่ใจว่าทำงานบริษัทหรือทำงานโรงงาน แต่ด้วยความที่แกเป็นคนเหนือ หน้าตาค่อนข้างดี และที่บ้านรวยแบบคนรวยต่างจังหวัด (รวยที่สวนที่นา ส่งลูกเรียนป.ตรีได้ไม่เดือดร้อนอะไร ในสมัยนั้น) แต่จู่ๆก็ลากลับมารักษาตัวที่บ้าน สภาพคือ ศพเดินได้ คือไม่ถึงกับผอม แต่หน้าดำคล้ำไม่มีสง่าราศี ทางบ้านเหมารถลงไปรับ และแน่นอนว่าไม่มีภาวะบ่งชี้ทางการแพทย์ ชายคนนี้ซึม ไม่กินข้าวกินน้ำ และแน่นอนว่าเค้ามักจะเพ้อหาผู้หญิงในที่ทำงาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนของ
ตาของครูเป็นคนในหมู่บ้านกัน จึงแนะนำให้รู้จักสหายธรรมของเค้า (ตาของครูเป็นพุทธ แต่งกับยายครูเป็นคริสต์ แม่ของครูก็เป็นคริสต์ ครูผมก็เป็นคริสต์ตาม สมัยนั้นเค้าแต่งงานกันไม่ค่อยเปลี่ยนศาสนา) สหายธรรมคือคนที่บวชเรียนเป็นพระมาด้วยกัน แม้จะบวชหรือสึกไปก็เรียกสหายธรรม ซึ่งสหายธรรมคนนี้มีวิชา สายล้านนา เด่นทางแก้คุณไสย ผ่าจ้าน
ซึ่งตัวสหายธรรมคนนั้นดูก็รู้ทันที่ว่าโดนของ ซึ่งโชคดีที่ว่าเป็นของเขมร ที่บอกว่าโชคดีที่เป็นของเขมร เพราะหลักการของ ของเขมรจะใช้ภูติพราย เป็นตัวกลาง นำสื่อ เช่นน้ำมันพรายหรือของต่ำ มาเข้าตัว จะทำรายก็เป็นหนังควาย หรือตะปู ดินเล็บ หรือจะเป็นพวกน้ำมันผีพรายให้คนรักคนหลง ซึ่งพวกนี้รู้กลไก ก็แก้ได้ แต่ก่อนอื่นสหายธรรมถามว่า จะแก้แบบขาว หรือแก้แบบเทา
การแก้แบบขาว ครูผมบอกว่าคือการถอนของ และผ่าจ้านเป็นการตัดกรรม โดยตอนแรกทางครอบครัวไม่อยากให้เป็นเวรกรรมแก่กัน จึงไปในทางขาว คือทำพิธีถอนของ โดยจะทำโดยเอาไข่ลูบไปยังส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อดึงเอาสื่อออกมา ซึ่งภายในไข่ ก็มีทั้งผม เล็บ แล้วน้ำมันผีพราย ซึ่งเมื่อเอาของออกจากตัวหมด ก็ต้องให้อยู่ในบ้านสหายธรรม7 วัน ซึ่งระหว่างนี้ให้ญาติไปเอาชื่อกับวันเดือนปีเกิด ผู้หญิงที่ทำของใส่มา(สหายธรรมนั่งทางในบอกรูปพรรณสันฐานคร่าวๆแล้วให้เพื่อนของคนโดนของไปค้นมาซึ่งก็ตรงกับคนที่เค้าคิดไว้จริงๆ) เพื่อทำพิธีผ่าจ้าน โดยการผ่าจ้าน เป็นการทำคุณไสยฝ่ายขาวให้คนเลิกกัน ที่ว่าฝ่ายขาวก็เพราะว่า จะต้องเอาดวง2คนมาผูก ถ้าไม่สมพงษ์ ไม่มีวาสนา ต่อกัน ถึงจะทำได้ ซึ่งถ้าดวงมันเข้ากัน คนทำจะไม่ทำให้ ต่อให้คนๆนั้นเป็นชู้หรือเมียน้อย ถ้าผูกดวงแล้วมันทำไม่ได้ก็จะทำไม่ได้
ซึ่งครบ7วันจบพิธี คนโดนของก็อาการดีขึ้น เค้าบอกว่าช่วงที่โดนของ เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง บางทีก็คุมตัวเองไม่ได้ แล้ว เมื่อสหายธรรมบอกให้ไปดูที่ใต้บันไดขึ้นบ้าน แกเอาหม้อไปวางไว้ ปรากฏว่า ก็มีพวกเศษผม เศษเล็บเศษดิน อยู่ สหายธรรมบอกว่า ในช่วง7วันนี้มีการส่งของมาแต่เข้าไม่ถึงตัว ของจึงตกอยู่ที่บันไดบ้าน และพวกของทั้งหมด แกก็เอาไปเผา แล้วแกบอกว่า กลัวฝั่งนั้นจะทำซ้ำ เหมือนว่าส่วนหนึ่งคนทำของฝั่งนั้นคิดว่าเราท้าทาย แกเลยทำพิธีสะท้อน แล้วทำตระกรุดไว้ให้คนที่โดน พกติดตัว ตะกรุดสะท้อนนี้ ไม่จำเป็น จะไม่ทำให้ เพราะเป็นของแรง เป็นสายเทา เพราะถ้าฝั่งนั้นทำถึงชีวิตจะสะท้อนกลับถึงชีวิต ปกติ จะใช้ป้องกันคุณไสยพวกแม้ว หรือกะเหรี่ยง ที่ทำทีถึงตายในครั้งเดียวซึ่งตะกรุดนี้จะใช้ได้ครั้งเดียว ถ้ามีคนทำของมาแล้วสะท้อนไป มันจะขาด ซึ่งสหายธรรมบอก หลังจากนี้ก็กรรมใครเวรมัน
สุดท้ายคนๆนั้นก็กลับไปทำงานต่อ ผ่านไปช่วงสงกรานต์ คนๆนั้นกลับมาบ้าน เค้าบอกว่า พอไปทำงาน ก็เจอผู้หญิงคนนั้น แต่เค้าเริ่มทำตัวห่างกับเธอ ผ่านไปได้ซักพักนึง ตอนเค้านอน จู่ๆเหมือนได้ยินเสียงของแตก แล้วตะกรุดที่ห้อยคอก็ขาด เค้าก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ปรากฏว่าวันต่อมาเค้าไปทำงาน เค้าก็ไม่เจอผู้หญิงคนนั้นอีก และเธอก็ไม่มาทำงานอีกเลย ติดต่อไม่ได้ จนถึงตอนนี้ ตอนที่เค้ากลับมาบ้านที่เชียงใหม่
(เรื่องเล่า) วิชาสายขาว และสายเทาของล้านนา วิชาสะท้อน
คือผมเป็นคนเชียงใหม่ เรียน รร.คริสต์ในเชียงใหม่ อาจารย์คนเล่าก็เป็นคริสต์ แต่เรื่องศาสนาก็คือศาสนา หมู่บ้านที่อาจารย์ผมอยู่เป็นหมู่บ้านพหุศาสนา แล้วตัวอาจารย์ก็เปิดกว้างพอสมควร เพราะแกเป็นทหารผ่านศึกร่มเกล้า(ทหารเกณฑ์)ก่อนจะไปต่อ ครูป.ตรี แล้วมาสอนที่โรงเรียนผม ช่วงที่แกเล่า ผมก็ประมาณ ม.ต้น เรื่องมันมีอยู่ว่า
ช่วงนั้น คนแถวบ้านครูไปทำงานที่กทม. ไม่แน่ใจว่าทำงานบริษัทหรือทำงานโรงงาน แต่ด้วยความที่แกเป็นคนเหนือ หน้าตาค่อนข้างดี และที่บ้านรวยแบบคนรวยต่างจังหวัด (รวยที่สวนที่นา ส่งลูกเรียนป.ตรีได้ไม่เดือดร้อนอะไร ในสมัยนั้น) แต่จู่ๆก็ลากลับมารักษาตัวที่บ้าน สภาพคือ ศพเดินได้ คือไม่ถึงกับผอม แต่หน้าดำคล้ำไม่มีสง่าราศี ทางบ้านเหมารถลงไปรับ และแน่นอนว่าไม่มีภาวะบ่งชี้ทางการแพทย์ ชายคนนี้ซึม ไม่กินข้าวกินน้ำ และแน่นอนว่าเค้ามักจะเพ้อหาผู้หญิงในที่ทำงาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนของ
ตาของครูเป็นคนในหมู่บ้านกัน จึงแนะนำให้รู้จักสหายธรรมของเค้า (ตาของครูเป็นพุทธ แต่งกับยายครูเป็นคริสต์ แม่ของครูก็เป็นคริสต์ ครูผมก็เป็นคริสต์ตาม สมัยนั้นเค้าแต่งงานกันไม่ค่อยเปลี่ยนศาสนา) สหายธรรมคือคนที่บวชเรียนเป็นพระมาด้วยกัน แม้จะบวชหรือสึกไปก็เรียกสหายธรรม ซึ่งสหายธรรมคนนี้มีวิชา สายล้านนา เด่นทางแก้คุณไสย ผ่าจ้าน
ซึ่งตัวสหายธรรมคนนั้นดูก็รู้ทันที่ว่าโดนของ ซึ่งโชคดีที่ว่าเป็นของเขมร ที่บอกว่าโชคดีที่เป็นของเขมร เพราะหลักการของ ของเขมรจะใช้ภูติพราย เป็นตัวกลาง นำสื่อ เช่นน้ำมันพรายหรือของต่ำ มาเข้าตัว จะทำรายก็เป็นหนังควาย หรือตะปู ดินเล็บ หรือจะเป็นพวกน้ำมันผีพรายให้คนรักคนหลง ซึ่งพวกนี้รู้กลไก ก็แก้ได้ แต่ก่อนอื่นสหายธรรมถามว่า จะแก้แบบขาว หรือแก้แบบเทา
การแก้แบบขาว ครูผมบอกว่าคือการถอนของ และผ่าจ้านเป็นการตัดกรรม โดยตอนแรกทางครอบครัวไม่อยากให้เป็นเวรกรรมแก่กัน จึงไปในทางขาว คือทำพิธีถอนของ โดยจะทำโดยเอาไข่ลูบไปยังส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อดึงเอาสื่อออกมา ซึ่งภายในไข่ ก็มีทั้งผม เล็บ แล้วน้ำมันผีพราย ซึ่งเมื่อเอาของออกจากตัวหมด ก็ต้องให้อยู่ในบ้านสหายธรรม7 วัน ซึ่งระหว่างนี้ให้ญาติไปเอาชื่อกับวันเดือนปีเกิด ผู้หญิงที่ทำของใส่มา(สหายธรรมนั่งทางในบอกรูปพรรณสันฐานคร่าวๆแล้วให้เพื่อนของคนโดนของไปค้นมาซึ่งก็ตรงกับคนที่เค้าคิดไว้จริงๆ) เพื่อทำพิธีผ่าจ้าน โดยการผ่าจ้าน เป็นการทำคุณไสยฝ่ายขาวให้คนเลิกกัน ที่ว่าฝ่ายขาวก็เพราะว่า จะต้องเอาดวง2คนมาผูก ถ้าไม่สมพงษ์ ไม่มีวาสนา ต่อกัน ถึงจะทำได้ ซึ่งถ้าดวงมันเข้ากัน คนทำจะไม่ทำให้ ต่อให้คนๆนั้นเป็นชู้หรือเมียน้อย ถ้าผูกดวงแล้วมันทำไม่ได้ก็จะทำไม่ได้
ซึ่งครบ7วันจบพิธี คนโดนของก็อาการดีขึ้น เค้าบอกว่าช่วงที่โดนของ เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง บางทีก็คุมตัวเองไม่ได้ แล้ว เมื่อสหายธรรมบอกให้ไปดูที่ใต้บันไดขึ้นบ้าน แกเอาหม้อไปวางไว้ ปรากฏว่า ก็มีพวกเศษผม เศษเล็บเศษดิน อยู่ สหายธรรมบอกว่า ในช่วง7วันนี้มีการส่งของมาแต่เข้าไม่ถึงตัว ของจึงตกอยู่ที่บันไดบ้าน และพวกของทั้งหมด แกก็เอาไปเผา แล้วแกบอกว่า กลัวฝั่งนั้นจะทำซ้ำ เหมือนว่าส่วนหนึ่งคนทำของฝั่งนั้นคิดว่าเราท้าทาย แกเลยทำพิธีสะท้อน แล้วทำตระกรุดไว้ให้คนที่โดน พกติดตัว ตะกรุดสะท้อนนี้ ไม่จำเป็น จะไม่ทำให้ เพราะเป็นของแรง เป็นสายเทา เพราะถ้าฝั่งนั้นทำถึงชีวิตจะสะท้อนกลับถึงชีวิต ปกติ จะใช้ป้องกันคุณไสยพวกแม้ว หรือกะเหรี่ยง ที่ทำทีถึงตายในครั้งเดียวซึ่งตะกรุดนี้จะใช้ได้ครั้งเดียว ถ้ามีคนทำของมาแล้วสะท้อนไป มันจะขาด ซึ่งสหายธรรมบอก หลังจากนี้ก็กรรมใครเวรมัน
สุดท้ายคนๆนั้นก็กลับไปทำงานต่อ ผ่านไปช่วงสงกรานต์ คนๆนั้นกลับมาบ้าน เค้าบอกว่า พอไปทำงาน ก็เจอผู้หญิงคนนั้น แต่เค้าเริ่มทำตัวห่างกับเธอ ผ่านไปได้ซักพักนึง ตอนเค้านอน จู่ๆเหมือนได้ยินเสียงของแตก แล้วตะกรุดที่ห้อยคอก็ขาด เค้าก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ปรากฏว่าวันต่อมาเค้าไปทำงาน เค้าก็ไม่เจอผู้หญิงคนนั้นอีก และเธอก็ไม่มาทำงานอีกเลย ติดต่อไม่ได้ จนถึงตอนนี้ ตอนที่เค้ากลับมาบ้านที่เชียงใหม่