เมื่อวานมีโอกาสติดสอยห้อยตามแอดมินเพจ แอบเมียซื้อพระ พารุ่นพี่คนหนึ่งไป “ถอนของ” แถว ๆ นนทบุรี เอาเป็นว่าขอเรียกนามสมมุติรุ่นพี่คนนี้ว่า “พี่อั้ม” ก็แล้วกันนะคะ พี่อั้มเล่าให้ฟังว่า ช่วงหนึ่งชีวิตของเธอค่อย ๆ ตกต่ำลง หน้าที่การงานก็แย่ลง หาเงินใช้ไม่ได้มากเท่าเมื่อก่อน คิดไปคิดมาเลยไปปรึกษาน้องสาว น้องก็แนะนำให้แกไปสักน้ำมันลงเสน่ห์โดยอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งแกก็ไปอย่างว่าง่าย หลักจากสักเสร็จอาจารย์คนดังกล่าวก็ให้น้ำมันมาขวดหนึ่ง ข้างในบรรจุว่านไม้ในทางเสน่ห์ไว้ด้วย
.
พี่อั้มเล่าให้ฟังว่า เมื่อสักเสร็จชีวิตแกก็ดีขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าก็เข้ามาหา ขายงานสำเร็จ แต่มันก็เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่ชีวิตแกจะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว พี่อั้มบอกว่า หลังจากที่สักแทนที่ชีวิตจะไปรุ่งอย่างที่ใครโฆษณาการันตีให้ฟังก็กลับตกอยู่ในสถานะ “ไม่มีอันจะกิน” เรียกได้ว่าแย่ยิ่งกว่าช่วงก่อนหน้าที่แกไปสักเสียอีก เวลาผ่านไปก็ยิ่งแย่ลง ๆ แกเลยมาปรึกษาเพื่อให้พวกเราพาไปหาพระอาจารย์ที่นับถือเพื่อให้ท่านถอนของให้
.
มาถึงที่นัดหมายเราก็รอให้พระอาจารย์ทำภารกิจของท่านให้เสร็จซึ่งเลยเวลานัดไปมากโข ระหว่างนั้นก็พูดคุยกันจิปาถะ สักพักหนึ่งพี่อั้มแกก็หยิบเอาขวดน้ำมันที่ได้รับมาตั้งแต่วันสักมาให้พวกเราดู เท่าที่คาดคะเนจากสายตาก็เห็นได้ว่าวัตถุที่จมอยู่ก้นขวดน้ำมันสีเหลืองนี้ คงไม่พ้นไม้และว่านทางเสน่ห์และเมตตาอย่างพวก ว่าน
เสน่ห์จันทร์ ฯลฯ ซึ่งเมื่อพระอาจารย์มาถึงยังสถานที่นัดหมาย ท่านก็พูดคุยเพียงเล็กน้อยซึ่งพี่อั้มเล่าว่าตอนที่สักน้ำมันนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นน้ำมันเดียวกับที่บรรจุในขวดหรือเปล่า พระอาจารย์นิ่งไปพักหนึ่งก็บอกว่า วิชาที่ใช้ลงเมตตามหาเสน่ห์ให้พี่อั้มนั้นใช้ “พราย”
.
อย่างที่เคยเล่าในกรณีอื่น ๆ ว่า วิญญาณไม่เคยสิงสู่อยู่ในวัตถุ กรณีนี้ก็เช่นกันที่ว่าวิญญาณพรายไม่ได้สิงสู่อยู่ในน้ำมัน แต่มันจะผูกติดกับน้ำมันนั้น ซึ่งการที่พี่อั้มสักน้ำมัน ก็หมายความว่าน้ำมันได้ซึมลงไปในร่างของพี่อั้มแล้ว มันจึงเป็นการยากและไม่เหมือนกรณีโดยทั่วไปที่ว่า เมื่อเราต้องการกำจัดวัตถุอาถรรพ์ก็เพียงเอาถอยห่างจากเหยื่อก็จะแก้ได้ในระดับหนึ่ง เพราะน้ำมันที่ซึมลงผิวเนื้อนั้นเท่ากับว่าวัตถุอาถรรพ์ผูกติดกับเราไปอยู่ทุกหนแห่ง!
.
พระอาจารย์ให้ข้อมูลว่า วิญญาณพรายที่ใช้ในการทำเสน่ห์ในครั้งนี้เป็นวิญญาณผู้หญิงและเด็ก ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะดึงเอาวิญญาณพรายมาใช้ให้ศักดิ์สิทธิ์ตามไสยเวทย์เก่าแก่ย่อมต้องใช้วิญญาณของหญิงตายทั้งกลม ไม่แน่ว่าวิญญาณสองดวงที่ปรากฎในนิมิตรของพระอาจารย์เป็นวิญญาณของหญิงท้องแก่และลูกในครรภ์ของเธอก็เป็นได้
.
การเรียกวิญญาณพวกนี้มาใช้งาน ผู้แก่อาคมบางคนก็ไปบังคับเอามาก็มี ที่ดึงมาจากนรกก็มี ที่ขอมาก็มีมาก โดยจะมีข้อแม้ว่าผู้ที่เล่นพรายหรือเป็นเจ้าของพรายเหล่านี้ต้องหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพรายเป็นการแลกเปลี่ยน ดังนั้น วิญญาณพรายอาจโดนบังคับมาหรือสมัครใจมาเอง แรกเริ่มเดิมทีพรายก็เหมือนวิญญาณโดยทั่วไป ซึ่งผู้แก่อาคมที่เรียกมาใช้งานก็จะบรรจุพลังให้พวกมันโดยใช้จิต ก่อนที่จะส่งต่อไปให้กับผู้เช่าบูชาเครื่องรางของขลัง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่สร้างของพวกนี้จะให้บูชาแบบให้ขาดไปเลย หรือเป็นเพียงแต่การเช่าวิญญาณที่เขาจะเรียกคืนเมื่อไหร่ก็ได้
.
พูดง่าย ๆ คือการเล่นของแบบที่ต้องอาศัยวิญญาณพวกนี้ก็คือการนำเอาวิญญาณเพื่อมาหาประโยชน์ร่วมกัน ถ้าวิญญาณมาจากการบังคับโดยอาคมก็จะมีความพยาบาทเนื่องจากวิธีการที่ได้มาเป็นการขัดขวางทางที่เขาควรจะไป แต่ถ้าวิญญาณมาโดยสมัครใจเพื่อจะร่วมสร้างบารมีกับคนที่นำไปบูชาก็จะเป็นการดีกว่า แต่วิญญาณเองก็ต้องลุ้นอีกว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ดีหรือร้าย ดังนั้นครูบาอาจารย์ทาง “ไสยขาว” บางท่านจึงต้องตั้งกฎเพื่อที่จะบังคับให้คนนำไปใช้เฉพาะในทางที่ดี
.
กลับมาเรื่องของพี่อั้ม
พี่อั้มมีอาการหนาวสั่นและเจ็บแปล๊บไปถึงกระดูกเมื่อพระอาจารย์ทำพิธีถอนของโดยการจารอักขระเลขยันต์ทับไปตรงผิวในส่วนที่เคยสักน้ำมัน ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์การจากอักขระเป็นเพียงปากกาลูกลื่นหัวใหญ่เท่านั้น แต่พี่อั้มกลับปวดเจ็บจนสะดุ้งจนน่าแปลกและมีอาการหนาวสั่นปากซีดทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิห้องอยู่ที่ 29 องศาเซลเซียส!
.
พระอาจารย์จึงให้น้ำมนต์พี่อั้มไปอาบ เนื่องจากของที่พี่อั้มลงไปมันซึมเข้าสู่ตัวชนิดที่ไม่สามารถผ่าออกมากำจัดได้เป็นชิ้นเป็นอันจึงต้องทำพิธีหลายครั้งเพื่อขับสิ่งไม่ดีออกมาทีละนิด
#ความเห็นแอดมิน
เอาเข้าจริงแอดมินสารภาพเลยนะว่าส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งพวกนี้ ไม่เคยเล่นของ ไม่เคยลงยันต์ ไม่ยุ่งกับการนำวิญญาณมาใช้งานไม่ว่าจะทางดีหรือทางร้าย เพราะเราว่าทุกชีวิตย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง การไปแทรกแซงวิถีที่ควรจะเป็นของใครคนใดคนหนึ่งมันก็มีราคาที่ต้องจ่ายซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาต้องการแค่บุญหรือต้องการมากกว่านั้น ส่วนใครก็ตามที่เอาอาคมไปพรากวิญญาณเหล่านี้จากทางที่ควรจะเป็นระวังของเข้าตัวนะ เพราะคุณกำลังแทรกแซงธรรมชาติที่ควรจะเป็นของผู้อื่น ดังนั้นทางที่ถูกที่ควรไม่มีมากไปกว่าการยึดหลักธรรมของศาสนาที่ตนเองนับถือหรอกค่ะ
"พราย" (คน-เล่น-ของ) : ไสยศาสตร์ไทยที่ยังมีลมหายใจอยู่ในยุคนี้
เรื่องและภาพ FB page: Demonology - ปีศาจวิทยา
https://web.facebook.com/demonologydemonologist/posts/496702454047683
เมื่อวานมีโอกาสติดสอยห้อยตามแอดมินเพจ แอบเมียซื้อพระ พารุ่นพี่คนหนึ่งไป “ถอนของ” แถว ๆ นนทบุรี เอาเป็นว่าขอเรียกนามสมมุติรุ่นพี่คนนี้ว่า “พี่อั้ม” ก็แล้วกันนะคะ พี่อั้มเล่าให้ฟังว่า ช่วงหนึ่งชีวิตของเธอค่อย ๆ ตกต่ำลง หน้าที่การงานก็แย่ลง หาเงินใช้ไม่ได้มากเท่าเมื่อก่อน คิดไปคิดมาเลยไปปรึกษาน้องสาว น้องก็แนะนำให้แกไปสักน้ำมันลงเสน่ห์โดยอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งแกก็ไปอย่างว่าง่าย หลักจากสักเสร็จอาจารย์คนดังกล่าวก็ให้น้ำมันมาขวดหนึ่ง ข้างในบรรจุว่านไม้ในทางเสน่ห์ไว้ด้วย
.
พี่อั้มเล่าให้ฟังว่า เมื่อสักเสร็จชีวิตแกก็ดีขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าก็เข้ามาหา ขายงานสำเร็จ แต่มันก็เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนที่ชีวิตแกจะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว พี่อั้มบอกว่า หลังจากที่สักแทนที่ชีวิตจะไปรุ่งอย่างที่ใครโฆษณาการันตีให้ฟังก็กลับตกอยู่ในสถานะ “ไม่มีอันจะกิน” เรียกได้ว่าแย่ยิ่งกว่าช่วงก่อนหน้าที่แกไปสักเสียอีก เวลาผ่านไปก็ยิ่งแย่ลง ๆ แกเลยมาปรึกษาเพื่อให้พวกเราพาไปหาพระอาจารย์ที่นับถือเพื่อให้ท่านถอนของให้
.
มาถึงที่นัดหมายเราก็รอให้พระอาจารย์ทำภารกิจของท่านให้เสร็จซึ่งเลยเวลานัดไปมากโข ระหว่างนั้นก็พูดคุยกันจิปาถะ สักพักหนึ่งพี่อั้มแกก็หยิบเอาขวดน้ำมันที่ได้รับมาตั้งแต่วันสักมาให้พวกเราดู เท่าที่คาดคะเนจากสายตาก็เห็นได้ว่าวัตถุที่จมอยู่ก้นขวดน้ำมันสีเหลืองนี้ คงไม่พ้นไม้และว่านทางเสน่ห์และเมตตาอย่างพวก ว่าน เสน่ห์จันทร์ ฯลฯ ซึ่งเมื่อพระอาจารย์มาถึงยังสถานที่นัดหมาย ท่านก็พูดคุยเพียงเล็กน้อยซึ่งพี่อั้มเล่าว่าตอนที่สักน้ำมันนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นน้ำมันเดียวกับที่บรรจุในขวดหรือเปล่า พระอาจารย์นิ่งไปพักหนึ่งก็บอกว่า วิชาที่ใช้ลงเมตตามหาเสน่ห์ให้พี่อั้มนั้นใช้ “พราย”
.
อย่างที่เคยเล่าในกรณีอื่น ๆ ว่า วิญญาณไม่เคยสิงสู่อยู่ในวัตถุ กรณีนี้ก็เช่นกันที่ว่าวิญญาณพรายไม่ได้สิงสู่อยู่ในน้ำมัน แต่มันจะผูกติดกับน้ำมันนั้น ซึ่งการที่พี่อั้มสักน้ำมัน ก็หมายความว่าน้ำมันได้ซึมลงไปในร่างของพี่อั้มแล้ว มันจึงเป็นการยากและไม่เหมือนกรณีโดยทั่วไปที่ว่า เมื่อเราต้องการกำจัดวัตถุอาถรรพ์ก็เพียงเอาถอยห่างจากเหยื่อก็จะแก้ได้ในระดับหนึ่ง เพราะน้ำมันที่ซึมลงผิวเนื้อนั้นเท่ากับว่าวัตถุอาถรรพ์ผูกติดกับเราไปอยู่ทุกหนแห่ง!
.
พระอาจารย์ให้ข้อมูลว่า วิญญาณพรายที่ใช้ในการทำเสน่ห์ในครั้งนี้เป็นวิญญาณผู้หญิงและเด็ก ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะดึงเอาวิญญาณพรายมาใช้ให้ศักดิ์สิทธิ์ตามไสยเวทย์เก่าแก่ย่อมต้องใช้วิญญาณของหญิงตายทั้งกลม ไม่แน่ว่าวิญญาณสองดวงที่ปรากฎในนิมิตรของพระอาจารย์เป็นวิญญาณของหญิงท้องแก่และลูกในครรภ์ของเธอก็เป็นได้
.
การเรียกวิญญาณพวกนี้มาใช้งาน ผู้แก่อาคมบางคนก็ไปบังคับเอามาก็มี ที่ดึงมาจากนรกก็มี ที่ขอมาก็มีมาก โดยจะมีข้อแม้ว่าผู้ที่เล่นพรายหรือเป็นเจ้าของพรายเหล่านี้ต้องหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพรายเป็นการแลกเปลี่ยน ดังนั้น วิญญาณพรายอาจโดนบังคับมาหรือสมัครใจมาเอง แรกเริ่มเดิมทีพรายก็เหมือนวิญญาณโดยทั่วไป ซึ่งผู้แก่อาคมที่เรียกมาใช้งานก็จะบรรจุพลังให้พวกมันโดยใช้จิต ก่อนที่จะส่งต่อไปให้กับผู้เช่าบูชาเครื่องรางของขลัง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่สร้างของพวกนี้จะให้บูชาแบบให้ขาดไปเลย หรือเป็นเพียงแต่การเช่าวิญญาณที่เขาจะเรียกคืนเมื่อไหร่ก็ได้
.
พูดง่าย ๆ คือการเล่นของแบบที่ต้องอาศัยวิญญาณพวกนี้ก็คือการนำเอาวิญญาณเพื่อมาหาประโยชน์ร่วมกัน ถ้าวิญญาณมาจากการบังคับโดยอาคมก็จะมีความพยาบาทเนื่องจากวิธีการที่ได้มาเป็นการขัดขวางทางที่เขาควรจะไป แต่ถ้าวิญญาณมาโดยสมัครใจเพื่อจะร่วมสร้างบารมีกับคนที่นำไปบูชาก็จะเป็นการดีกว่า แต่วิญญาณเองก็ต้องลุ้นอีกว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ดีหรือร้าย ดังนั้นครูบาอาจารย์ทาง “ไสยขาว” บางท่านจึงต้องตั้งกฎเพื่อที่จะบังคับให้คนนำไปใช้เฉพาะในทางที่ดี
.
กลับมาเรื่องของพี่อั้ม
พี่อั้มมีอาการหนาวสั่นและเจ็บแปล๊บไปถึงกระดูกเมื่อพระอาจารย์ทำพิธีถอนของโดยการจารอักขระเลขยันต์ทับไปตรงผิวในส่วนที่เคยสักน้ำมัน ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์การจากอักขระเป็นเพียงปากกาลูกลื่นหัวใหญ่เท่านั้น แต่พี่อั้มกลับปวดเจ็บจนสะดุ้งจนน่าแปลกและมีอาการหนาวสั่นปากซีดทั้ง ๆ ที่อุณหภูมิห้องอยู่ที่ 29 องศาเซลเซียส!
.
พระอาจารย์จึงให้น้ำมนต์พี่อั้มไปอาบ เนื่องจากของที่พี่อั้มลงไปมันซึมเข้าสู่ตัวชนิดที่ไม่สามารถผ่าออกมากำจัดได้เป็นชิ้นเป็นอันจึงต้องทำพิธีหลายครั้งเพื่อขับสิ่งไม่ดีออกมาทีละนิด
#ความเห็นแอดมิน
เอาเข้าจริงแอดมินสารภาพเลยนะว่าส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งพวกนี้ ไม่เคยเล่นของ ไม่เคยลงยันต์ ไม่ยุ่งกับการนำวิญญาณมาใช้งานไม่ว่าจะทางดีหรือทางร้าย เพราะเราว่าทุกชีวิตย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง การไปแทรกแซงวิถีที่ควรจะเป็นของใครคนใดคนหนึ่งมันก็มีราคาที่ต้องจ่ายซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาต้องการแค่บุญหรือต้องการมากกว่านั้น ส่วนใครก็ตามที่เอาอาคมไปพรากวิญญาณเหล่านี้จากทางที่ควรจะเป็นระวังของเข้าตัวนะ เพราะคุณกำลังแทรกแซงธรรมชาติที่ควรจะเป็นของผู้อื่น ดังนั้นทางที่ถูกที่ควรไม่มีมากไปกว่าการยึดหลักธรรมของศาสนาที่ตนเองนับถือหรอกค่ะ