ที่พิพิธภัณฑ์วาติกันไม่ค่อยดังเท่ากับบริติชมิวเซียมของอังกฤษหรือลุฟท์ของฝรั่งเศส แถมบางคนยังคิดว่าคงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีสมบัติเกี่ยวกับศาสนา ข้าวของเครื่องใช้ภายในโบสถ์ เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำโบสถ์แบบนั้น

แต่ขอบอกว่าที่นี้เป็นกรุสมบัติที่สำคัญ นำโบราณวัตถุในหลายส่วนของโลกมาไว้รวมกันและหลายยุคสมัยด้วย พื้นที่กว้างขวางใหญ่โตดูกันไม่หวาดไม่ไหว ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ย่อยซึ่งก็คือคอลเลคชันของมหาสมบัติต่างๆที่ถูกจัดเก็บเอาไว้

สาเหตุที่วาติกันมีของดีอยู่มหาศาล เกิดจากบรรดาบาทหลวงระดับสูงและพระสันตปาปาแต่ละรุ่นได้รับมอบของสำคัญและมีการแสวงหาสะสมต่อเนื่องเรื่อยมา ซึ่งก็ทำได้สบายเพราะสำนักวาติกันเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรโลกซึ่งมีอำนาจและผู้คนให้ความศรัทธา ได้รับการถวายงานช่าง โบราณวัตถุ ประติมากรรมและภาพวาดสวยๆ มากมาย

บาทหลวงชั้นผู้ใหญ่หลายรายก็เป็นผู้อุปถัมภ์งานศิลปะ จ้างศิลปินระดับยักษ์มาสร้างงาน อย่างเช่น ไมเคิลแองเจโลและราฟาเอล ซึ่งได้ฝากผลงานในวาติกันเอาไว้ให้ลือเลื่อง พิพิธภัณฑ์วาติกันจึงเป็นพิพิธภัณฑ์สำคัญของยุโรปและของโลกอย่างไม่แพ้ผู้ใด


ความโดดเด่นที่ไม่มีใครเทียบได้นั้นก็คือคอลเลคชั่นประติมากรรมกรีก-โรมันนั่นเอง ไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะที่นี่อยู่ในกรุงโรม จะมีใครมีอะไรมากไปกว่านี้ได้ยังไง เอาเป็นว่าถ้าคุณเป็นคนชอบเทพเจ้าเปลือยสีขาวล่อนจ้อนแล้วละก้อจงมาที่นี่ซะโดยดี แล้วคุณจะเบื่อจนไม่อยากดูอีกเลย เพราะดูจนอิ่มไปตลอดชีวิตแล้ว

ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่องคอคเลคชั่นเด่นของที่นี้เลยละกัน กลุ่มแรกคือบรรดาเทพและวีรบุรุษจากเทพปกรณัมกรีก มีผ้าผ่อนห่มแขวนพาดไหล่พาดแขนพาดตัวอยู่บ้าง บางตนก็คืออวดกายเปลือยเปล่า แต่ละคนต่างยืนโพสต์ท่าองอาจในลักษณะฮีโร่กันทั้งนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารูปร่างกล้ามเนื้อท่วงท่าของแต่ละนายนั้นสุดยอดงดงามลงตัว ผ้าผ่อนมีรอยยับย่นเหมือนจริง แม้ว่าบางชิ้นอาจจะแขนหักแขนด้วนไปแต่ก็ยังสวยหรืออาจยิ่งสวยขึ้นด้วยซ้ำ

จะแนะนำใครต่อใครให้ท่านได้รู้จักก็น่าหนักใจเพราะมีคนสำคัญอยู่ที่นี่เยอะไปหมด ก็เลยขอคัดเฉพาะงานชิ้นสุดยอดมาให้ได้ยลทีละชิ้นก็แล้วกัน

พ่อหนุ่มคนแรกมีชื่อว่าเมลิอาเจอร์ (Meleager) เรารู้ว่าเขาคือใครโดยดูจากสุนัขล่าสัตว์คู่ใจ และศีรษะหมูป่าที่ล่าได้จากวีรกรรมสำคัญ ว่าแล้วก็ขอเล่าประวัติพ่อหนุ่มคนนี้ให้รู้จักกันดังนี้

จาก https://www.museivaticani.va

เมลิอาเจอร์ เป็นโอรสของพระนางอัลเธีย (Althea) ตอนที่เขาเกิดมีเทพธิดาแห่งโชคชะตาทั้งสามผู้ใจร้ายมาปรากฏ (ชื่อเป็นเทพธิดาแต่พฤติกรรมเป็นแม่มดนะ) นำท่อนฟืนมาโยนเข้าในกองไฟ และสาปว่าชีวิตของลูกชายจะจบลงเมื่อฟืนนั้นถูกเผาไหม้ลงจนหมดสิ้น คุณแม่อันเธียได้ยินคำสาปก็รีบดึงฟืนนั้นออกจากไฟจนได้ และนำไปเก็บไว้ในหีบไม่ให้ใครมาเผาได้อีก

เมลิอาเจอร์โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อแข็งแรง ได้ไปสร้างวีรกรรมต่างๆ รวมทั้งการผจญภัยค้นหาขนแกะทองคำจนสำเร็จ (แต่เรื่องนี้เอาไว้เล่าทีหลังนะ)

ต่อมาก็เกิดเหตุเภทภัยขึ้นในบ้านเมือง เพราะว่าบิดาของเมลิอาเจอร์ที่ชื่อพระเจ้าโอนีอุส ลืมทำพิธีเซ่นสรวงเทพีอาร์เทมีส (เทพีแห่งพระจันทร์และการล่าสัตว์ เดี๋ยวจะมีเรื่องเล่าถึงเธอคนนี้อีกด้วย) เทพีจึงโกรธและส่งหมูป่ายักษ์มาโจมตีเมืองจนพินาศ เมลิอาร์เออร์กับน้าชายได้รวบรวมคนออกมาตามล่า และหนึ่งในนักล่าคือสาวงามที่ชื่อแอตตาแลนต้า (Atalanta) สามารถยิงธนูตัดใบหูหมูป่าได้ หลังจากนั้นเมลิอาเออร์ก็เลยซ้ำโดยซัดหอกพุ่งไปแทงหัวใจหมูป่าและฆ่าได้สำเร็จ

แม้ว่าเมลิอาเจอร์จะเป็นผู้ฆ่าแต่ก็ได้มอบหมูป่านั้นให้กับแม่นางแอตตาแลนต้า เพราะเธอเป็นคนทำให้หมูป่าบาดเจ็บเพลี่ยงพล้ำจนตาย (จริงๆคงเพราะแอบรักด้วยแหละ) แต่ปัญหาคือน้าชายทั้งสองไม่เห็นด้วย ก็เลยเกิดทะเลาะเบาะแว้งต่อสู้กันรุนแรง แรงจนกระทั่งเมลิอาเจอร์พลั้งมือสังหารน้าชายทั้งสองไปจนได้


เมลิอาเจอร์มอบหมูป่าให้แอตแลนตา https://www.greeklegendsandmyths.com/meleager.html

เรื่องมันก็เลยเศร้า แต่นี่ยังเศร้าไม่พอ มีอะไรให้เศร้ากว่านี้อีก เพราะเมื่อเรื่องนี้มาถึงหูพระนางอัลเธีย นางโกรธลูกชายมากที่บังอาจมีฆ่าน้องทั้งสองของเธอก็เลยบรรลุโทสะ เรียกว่าเสียสติไปชั่วขณะดีกว่า นำเอาท่อนฟืนที่เก็บไว้ในหีบออกมาโดยโยนเข้ากองไฟ นั่นก็ทำให้เมลิอาเจอร์สิ้นใจตายตามคำสาปที่ติดตัวมาทันที

หลังจากที่สติของพระนางกลับคืนมาก็เพิ่งคิดได้ว่าตนได้ทำการโหดเหี้ยมเสียแล้ว แล้วก็เลยเกิดความเสียใจในสิ่งที่ตัวเองได้ก่อจนทนความเครียดของตัวเองไม่ไหว ก็เลยแก้ปัญหาด้วยทางสุดท้ายคือสังหารตัวเองตายตาม

สรุปแล้วการตายหมู่ของบรรดาญาติเมลิอาเจอร์เกิดขึ้นจากหมูป่าตัวเดียวเช่นนี้แล

แต่ท่านผู้อ่านไม่ต้องเศร้านานนัก พิพิธภัณฑ์วาติกันได้ปลอบประโลมใจด้วยการนำรูปเปลือยของหนุ่มเมลิอาเจอร์ให้เราได้ชมสะใจ ช่างงามนักหนาจริงๆ

ยังมีชายเปลือยอีกเยอะ เราไปต่อบทหน้าละกัน จะขอแนะนำหนุ่มหล่อที่สุดในสวรรค์กรีก