นักปฏิบัติเมื่อเจริญสมถและวิปัสสนากรรมฐานจนจิตรวมใหญ่
จะเกิดอาการเหมือนจิตรวมและหดเล็กพุ่งผ่านรูหนอนสว่างไสวเป็นทางยาวไป
โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1.ไปไม่สุดรูหนอนติดอยู่ในความสว่างไสว ยังเป็นสมถกรรมฐาน
2.ไปจนสุดรูหนอน จิตหลุดพ้นจากขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สู่ความว่างไร้สมมุติบัญญัติ ไร้ความคิดปรุงแต่งทั้งปวง ไร้สุข ไร้ทุกข์ ไ้ร้กาลเวลา ไร้กว้าง ยาว สูง เกิดเป็น “มหาสติ” เกิดปัญญาสว่างไสว ตื่นรู้ว่า ขันธ์ 5 คือ กาย ความสุข ความทุกข์ ความคิด ความทรงจำและจิตล้วนไม่ใช่เรา (แต่จิตไม่สูญ)
นักปฏิบัติเมื่อเจริญสมถและวิปัสสนากรรมฐานจนจิตรวมใหญ่
จะเกิดอาการเหมือนจิตรวมและหดเล็กพุ่งผ่านรูหนอนสว่างไสวเป็นทางยาวไป
โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1.ไปไม่สุดรูหนอนติดอยู่ในความสว่างไสว ยังเป็นสมถกรรมฐาน
2.ไปจนสุดรูหนอน จิตหลุดพ้นจากขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สู่ความว่างไร้สมมุติบัญญัติ ไร้ความคิดปรุงแต่งทั้งปวง ไร้สุข ไร้ทุกข์ ไ้ร้กาลเวลา ไร้กว้าง ยาว สูง เกิดเป็น “มหาสติ” เกิดปัญญาสว่างไสว ตื่นรู้ว่า ขันธ์ 5 คือ กาย ความสุข ความทุกข์ ความคิด ความทรงจำและจิตล้วนไม่ใช่เรา (แต่จิตไม่สูญ)