.. สวัสดีค่ะ เราชื่อ ถิง
เรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่แม่รับรู้มาจากยายอีกที ย้อนไปนานมาก ตั้งแต่ยายเราเป็นสาว
เริ่มเลยนะคะ..
ยายเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆค่ะ หาเช้ากินค่ำ ยายจะออกไปเก็บของป่าทุกวัน บางครั้งก็วันเว้นวัน ไปกับพี่ชายและพี่สาวหมู่บ้านเดียวกัน ยายเป็นน้องเล็กสุด
เหตุเกิดในวันนั้น ตรงกับวันโกน หรือ วัน ก่อนวันพระใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่จะไม่เข้าป่ากันเเละสั่งห้ามลูกหลานอยู่เสมอ
แต่วันนั้นเอง ตาทิศ และยายนี ที่อายุห่างกับยายเพียงสองปี มาชวนยายที่บ้านไปเก็บสะเดาหวาน ดงตรงนั้นเป็นแหล่งหากินของหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยกุ้งหอยปูปลา ชาวบ้านแต่ก่อนรุ่นยายเรียก (คำ) หากินรุ่นสู่รุ่นก็ไม่หมด พึ่งจะมาหากินได้น้อยก็ช่วงรุ่นเรา
ทั้งสามออกจากบ้านช่วงบ่าย3นิดๆ เดินเท้าจากบ้าน2กิโล เพื่อไปเก็บสะเดาหวาน
ยายบอกว่า ทุกครั้งที่ไป (คำ) ยายรู้สึกเย็น สงบ มีความสุข แต่ก็แอบมีขนลุกบางจุดโดยเฉพาะจุดที่ชาวบ้านตั้งศาลในดงนั้น
ทั้งสามเดินไปเล่นไป ระหว่างทางก็มีบ้านคนเพียง 3-4 หลังเท่านั้น ระแวกนั้นผู้คนจะไม่อยู่กันเท่าไหร่ จะกลับมาก็ช่วง 5-6 โมงเย็น จึงไม่มีใครที่จะทักท้วงเด็กทั้งสาม
พอทั้งสามไปถึงต้นสะเดาที่หมายตาเอาไว้ ก็พากันดีใจที่ยังเหลืออยู่เต็มต้นไม่มีใครเก็บไปก่อน
ยายและตาทิศจึงปีนขึ้นไปยังต้นสะเดา ส่วนยายนีรอเก็บข้างล่าง ด้วยความซนจึงไม่ได้สนใจอะไรมากว่ากิ่งของต้นสะเดามักหักง่าย
ยายของเราเกิดพลาด เหยียบกิ่งที่เล็กเกินไป จึงทำให้กิ่งหัก และยายตกต้นสะเดา โชคดีที่ยายตกใส่ดินทรายที่ชุ่มน้ำพอนุ่มๆจึงไม่เจ็บมาก แต่หัวของยายกระแทกเข้ากับรากต้นสะเดาที่โผล่จากดินขึ้นมา จึงทำให้ยายสะลึมละลือ มองเห็นเงาดำสูง8ศอก ก้มเข้ามากระซิบแบบปลายจะมูกแทบจะชนกัน ว่า
( กูจะตามจนกว่าจะตาย )
ยายจำได้เพียวเท่านั้น ก่อนจะหลับไป
ยายเล่าว่าตอนหลับ เหมือนมีใครสักคนมากระชากตัวออกไปจากตัวยายเองอีกที ยายเล่าว่า ตอนนั้นร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นตัวเองนอนอยู่ใต้ต้นสะเดา
ภาพเเวดล้อมเปลี่ยนไป จาก คำ กลายเป็น ทุ่งนาข้าว ยายทะเลาะกับชายผู้1 สูง8ศอกแบบคนสมัยก่อน พยายามจะจ้องมองหน้าแต่ก็เห็นเพียงสีดำที่เป็นรูปร่างคนเท่านั้น
ทั้งสองเกิดทะเลาะกัน ก่อนที่ยายจะคว้าดาบเล่มยาวและใหญ่ ฟันไปชายคนนั้น..
ครั้งแรก ยายฟันเข้าที่ข้อเท้าเขาทั้งสอง ครั้งต่อมา ที่ข้อมือทั้งสอง ต่อมาเป็นคอ สุดท้ายเป็นลำตัว ทุกครั้งที่ลงคมมีด ขาดออกเป็นชิ้นๆ
ยายยืนมองอย่างไร้ความรู้สึกก่อนจะจุดไฟเผาร่างนั้นเเล้วเดินขึ้นระเบียงบ้านอย่างเย็นชา
ยายยืนมองผลงานตนเองสักพัก ร่างนั้นหมอดไหม้ได้ไม่นานก็มีร่างดำสนิทจำนวน10ร่างมายืนมุง ก่อนที่จะหันมาหายายชี้นิ้วแล้วพูดว่า ( มันอยู่ตรงนั้น )
ร่างที่ยายพึ่งจะเผาไปก็ลุกขึ้นและมองมาทางยาย ก่อนที่จะลอยตรงเข้าหายายถึงระเบียงบ้าน
ยายเห็นว่าเขากำลังมา ยายก็นอนลงที่ระเบียงที่ปูด้วยเสื่อ และ หมอนที่วางไว้
ร่างนั้นดิ่งตรงมาหายาย กระกบหน้าจมูกชนจมูก แบบที่ว่า ยายนอนอยู่ข้างล่าง เขาลอยอยู่ข้างบน และเขาก็พูดคำเดิมเมื่อก่อนที่ยายจะภาพตัดตอนตกต้นสะเดา
( กูจะตามจนกว่าจะตาย )
ยายเล่าว่า ตอนนั้นยายไม่มีท่าทีกลัวเขาเลย ยายแค่ลำคาญและตอบปัดๆไปว่า
( อยากตามก็ตามไป )
ร่างดำนั่นยังพูดกับยายต่ออีกว่า
( กูฆ่าไม่ได้ กูก็รออยู่รอวันที่ตาย )
จะตามจนกว่าจะตาย
เรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่แม่รับรู้มาจากยายอีกที ย้อนไปนานมาก ตั้งแต่ยายเราเป็นสาว
เริ่มเลยนะคะ..
ยายเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆค่ะ หาเช้ากินค่ำ ยายจะออกไปเก็บของป่าทุกวัน บางครั้งก็วันเว้นวัน ไปกับพี่ชายและพี่สาวหมู่บ้านเดียวกัน ยายเป็นน้องเล็กสุด
เหตุเกิดในวันนั้น ตรงกับวันโกน หรือ วัน ก่อนวันพระใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่จะไม่เข้าป่ากันเเละสั่งห้ามลูกหลานอยู่เสมอ
แต่วันนั้นเอง ตาทิศ และยายนี ที่อายุห่างกับยายเพียงสองปี มาชวนยายที่บ้านไปเก็บสะเดาหวาน ดงตรงนั้นเป็นแหล่งหากินของหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยกุ้งหอยปูปลา ชาวบ้านแต่ก่อนรุ่นยายเรียก (คำ) หากินรุ่นสู่รุ่นก็ไม่หมด พึ่งจะมาหากินได้น้อยก็ช่วงรุ่นเรา
ทั้งสามออกจากบ้านช่วงบ่าย3นิดๆ เดินเท้าจากบ้าน2กิโล เพื่อไปเก็บสะเดาหวาน
ยายบอกว่า ทุกครั้งที่ไป (คำ) ยายรู้สึกเย็น สงบ มีความสุข แต่ก็แอบมีขนลุกบางจุดโดยเฉพาะจุดที่ชาวบ้านตั้งศาลในดงนั้น
ทั้งสามเดินไปเล่นไป ระหว่างทางก็มีบ้านคนเพียง 3-4 หลังเท่านั้น ระแวกนั้นผู้คนจะไม่อยู่กันเท่าไหร่ จะกลับมาก็ช่วง 5-6 โมงเย็น จึงไม่มีใครที่จะทักท้วงเด็กทั้งสาม
พอทั้งสามไปถึงต้นสะเดาที่หมายตาเอาไว้ ก็พากันดีใจที่ยังเหลืออยู่เต็มต้นไม่มีใครเก็บไปก่อน
ยายและตาทิศจึงปีนขึ้นไปยังต้นสะเดา ส่วนยายนีรอเก็บข้างล่าง ด้วยความซนจึงไม่ได้สนใจอะไรมากว่ากิ่งของต้นสะเดามักหักง่าย
ยายของเราเกิดพลาด เหยียบกิ่งที่เล็กเกินไป จึงทำให้กิ่งหัก และยายตกต้นสะเดา โชคดีที่ยายตกใส่ดินทรายที่ชุ่มน้ำพอนุ่มๆจึงไม่เจ็บมาก แต่หัวของยายกระแทกเข้ากับรากต้นสะเดาที่โผล่จากดินขึ้นมา จึงทำให้ยายสะลึมละลือ มองเห็นเงาดำสูง8ศอก ก้มเข้ามากระซิบแบบปลายจะมูกแทบจะชนกัน ว่า
( กูจะตามจนกว่าจะตาย )
ยายจำได้เพียวเท่านั้น ก่อนจะหลับไป
ยายเล่าว่าตอนหลับ เหมือนมีใครสักคนมากระชากตัวออกไปจากตัวยายเองอีกที ยายเล่าว่า ตอนนั้นร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นตัวเองนอนอยู่ใต้ต้นสะเดา
ภาพเเวดล้อมเปลี่ยนไป จาก คำ กลายเป็น ทุ่งนาข้าว ยายทะเลาะกับชายผู้1 สูง8ศอกแบบคนสมัยก่อน พยายามจะจ้องมองหน้าแต่ก็เห็นเพียงสีดำที่เป็นรูปร่างคนเท่านั้น
ทั้งสองเกิดทะเลาะกัน ก่อนที่ยายจะคว้าดาบเล่มยาวและใหญ่ ฟันไปชายคนนั้น..
ครั้งแรก ยายฟันเข้าที่ข้อเท้าเขาทั้งสอง ครั้งต่อมา ที่ข้อมือทั้งสอง ต่อมาเป็นคอ สุดท้ายเป็นลำตัว ทุกครั้งที่ลงคมมีด ขาดออกเป็นชิ้นๆ
ยายยืนมองอย่างไร้ความรู้สึกก่อนจะจุดไฟเผาร่างนั้นเเล้วเดินขึ้นระเบียงบ้านอย่างเย็นชา
ยายยืนมองผลงานตนเองสักพัก ร่างนั้นหมอดไหม้ได้ไม่นานก็มีร่างดำสนิทจำนวน10ร่างมายืนมุง ก่อนที่จะหันมาหายายชี้นิ้วแล้วพูดว่า ( มันอยู่ตรงนั้น )
ร่างที่ยายพึ่งจะเผาไปก็ลุกขึ้นและมองมาทางยาย ก่อนที่จะลอยตรงเข้าหายายถึงระเบียงบ้าน
ยายเห็นว่าเขากำลังมา ยายก็นอนลงที่ระเบียงที่ปูด้วยเสื่อ และ หมอนที่วางไว้
ร่างนั้นดิ่งตรงมาหายาย กระกบหน้าจมูกชนจมูก แบบที่ว่า ยายนอนอยู่ข้างล่าง เขาลอยอยู่ข้างบน และเขาก็พูดคำเดิมเมื่อก่อนที่ยายจะภาพตัดตอนตกต้นสะเดา
( กูจะตามจนกว่าจะตาย )
ยายเล่าว่า ตอนนั้นยายไม่มีท่าทีกลัวเขาเลย ยายแค่ลำคาญและตอบปัดๆไปว่า
( อยากตามก็ตามไป )
ร่างดำนั่นยังพูดกับยายต่ออีกว่า
( กูฆ่าไม่ได้ กูก็รออยู่รอวันที่ตาย )