ย้อนกลับไปเมื่อ28ปีก่อน สมัยที่ผู้เขียนมีอายุได้เพียง 7 ขวบ หากแต่เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงเป็นเหตุการณ์ที่ผู้เขียนจำได้ดี ผู้เขียนขอแทนตัวเองว่า”แจ่ม” แล้วกันนะคะ
เด็กหญิงแจ่มในวัย7 ขวบกุลีกุจอเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณดังลั่นโรงเรียน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว เด็กหญิงรีบวิ่งเบียดเสียดกับเพื่อนๆออกจากห้องประถมศึกษาปีที่1/1 อย่างรวดเร็วเพื่อมารอพี่ชายที่หน้าโรงเรียน ด้วยความอยู่ในพื้นที่ชนบทอำเภอหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ โรงเรียนประถมศึกษากับโรงเรียนมัธยมศึกษาจึงแยกจากกันในสมัยนั้น แจ่มอยู่โรงเรียนประถมศึกษาประจำหมู่บ้าน ส่วนพีชายคนที่3”ชื่อจอม”กับพี่สาวคนรอง”ชื่อจันทร์” เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมในอำเภอ พี่จอมอายุมากกว่าแจ่ม7ปี ส่วนพี่จันทร์ก็อายุมากกว่าพี่จอม 2 ปี ทั้งสองมีภารกิจคือต้องสลับกันมารับแจ่มกลับบ้านทุกวัน ส่วน”พี่จ้าว”พี่สาวคนโตอายุมากกว่าพี่จันทร์2 ปี เข้าไปทำงานอยู่กรุงเทพ
แจ่มชะเง้อมองแล้วมองอีกอยู่เป็นนานสองนานก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคนมารับสักทีไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่จอมหรือพี่จันทร์ เห็นเพียงน้าปานลูกพี่ลูกน้องของแม่ที่บ้านอยู่ติดกันรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“อิหล่าแจ่ม ป่ะกลับ มื้อนี่น้าปานมารับเด้อ” น้าปานพูดพร้อมกับขว้าข้อมือเล็กๆของแจ่มให้ลุกขึ้น ท่าทีดูตื่นตระหนก ดวงตาแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“อ้าวอ้ายจอมกับเอื้อยจันทร์ไปไสจ๊ะน้าปาน เป็นหยังบ่มารับแจ่ม”
“ลุงส่งไปรับจอมกับจันทร์กลับบ้านแล้ว เฮาก็ต้องฟ้าวกลับบ้านคือกันตอนนี้”
ลุงส่งก็คือลูกพี่ลูกน้องแม่เช่นกัน บ้านของลุงส่งอยู่ถัดจากบ้านน้าปานออกไปอีกหนึ่งหลัง
“แล้วพ่อกับแม่ไปไสจ๊ะน้าปาน คือบ่มารับ” แจ่มถามด้วยความสงสัย วันนี้ทุกอย่างผิดแผกแปลกไปหมด แต่ก็จำยอมเดินไปซ้อนท้ายจักรยานของน้าปานแต่โดยดี ด้านน้าปานเองก็ไม่ได้ตอบอะไรรีบปั่นจักรยานเพื่อหวังให้ถึงบ้านเร็วที่สุด ส่วนแจ่มก็คิดคำตอบเองในใจว่าพ่อแม่คงยุ่งกับการทำนาอยู่
ระหว่างทางกลับบ้านแจ่มเริ่มผิดสังเกตเห็นผู้คนวิ่งตื่นตระหนกตกใจมุ่งตรงไปยังบ้านของแจ่มเช่นกัน
“ไปเบิ่งคนถูกปอบเข้าเร็วสู!!”
“ไผล่ะ ไผเป็นหยัง”
“ยังบ่ฮู้ว่าไผแต่เขาว่าคนคุ้มบ้านน้อย ถูกปอบเข้า ตอนนี้คนกำลังไปรับพ่อใหญ่ธรรมทรายกับหลวงพ่อมหาไปเอาปอบออก”
“ฮ้วย!!!มาส่างว่าแท้ละน้อบาดหนิ!!”
เสียงเสวนาของชาวบ้านดังขึ้นขณะที่จักรยานของน้าปากับแจ่มเคลื่อนผ่าน ทันใดนั้นน้าปานก็เริ่มปั่นเร็วขึ้นและร้องไห้แรงขึ้นจนแจ่มเริ่มกลัว
***** ไม่แน่ใจว่าจะมีคนอยากอ่านต่อมั้ย แต่เดี๋ยวจะมาเขียนต่อให้นะคะ นี่คือประสบการณ์จริงล้านเปอร์เซ็นต์จากผู้เขียนเอง****
เชื้อผีฟ้า
เด็กหญิงแจ่มในวัย7 ขวบกุลีกุจอเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณดังลั่นโรงเรียน เพื่อแจ้งให้ทราบว่าถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว เด็กหญิงรีบวิ่งเบียดเสียดกับเพื่อนๆออกจากห้องประถมศึกษาปีที่1/1 อย่างรวดเร็วเพื่อมารอพี่ชายที่หน้าโรงเรียน ด้วยความอยู่ในพื้นที่ชนบทอำเภอหนึ่งของจังหวัดศรีสะเกษ โรงเรียนประถมศึกษากับโรงเรียนมัธยมศึกษาจึงแยกจากกันในสมัยนั้น แจ่มอยู่โรงเรียนประถมศึกษาประจำหมู่บ้าน ส่วนพีชายคนที่3”ชื่อจอม”กับพี่สาวคนรอง”ชื่อจันทร์” เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมในอำเภอ พี่จอมอายุมากกว่าแจ่ม7ปี ส่วนพี่จันทร์ก็อายุมากกว่าพี่จอม 2 ปี ทั้งสองมีภารกิจคือต้องสลับกันมารับแจ่มกลับบ้านทุกวัน ส่วน”พี่จ้าว”พี่สาวคนโตอายุมากกว่าพี่จันทร์2 ปี เข้าไปทำงานอยู่กรุงเทพ
แจ่มชะเง้อมองแล้วมองอีกอยู่เป็นนานสองนานก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีคนมารับสักทีไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่จอมหรือพี่จันทร์ เห็นเพียงน้าปานลูกพี่ลูกน้องของแม่ที่บ้านอยู่ติดกันรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“อิหล่าแจ่ม ป่ะกลับ มื้อนี่น้าปานมารับเด้อ” น้าปานพูดพร้อมกับขว้าข้อมือเล็กๆของแจ่มให้ลุกขึ้น ท่าทีดูตื่นตระหนก ดวงตาแดงก่ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“อ้าวอ้ายจอมกับเอื้อยจันทร์ไปไสจ๊ะน้าปาน เป็นหยังบ่มารับแจ่ม”
“ลุงส่งไปรับจอมกับจันทร์กลับบ้านแล้ว เฮาก็ต้องฟ้าวกลับบ้านคือกันตอนนี้”
ลุงส่งก็คือลูกพี่ลูกน้องแม่เช่นกัน บ้านของลุงส่งอยู่ถัดจากบ้านน้าปานออกไปอีกหนึ่งหลัง
“แล้วพ่อกับแม่ไปไสจ๊ะน้าปาน คือบ่มารับ” แจ่มถามด้วยความสงสัย วันนี้ทุกอย่างผิดแผกแปลกไปหมด แต่ก็จำยอมเดินไปซ้อนท้ายจักรยานของน้าปานแต่โดยดี ด้านน้าปานเองก็ไม่ได้ตอบอะไรรีบปั่นจักรยานเพื่อหวังให้ถึงบ้านเร็วที่สุด ส่วนแจ่มก็คิดคำตอบเองในใจว่าพ่อแม่คงยุ่งกับการทำนาอยู่
ระหว่างทางกลับบ้านแจ่มเริ่มผิดสังเกตเห็นผู้คนวิ่งตื่นตระหนกตกใจมุ่งตรงไปยังบ้านของแจ่มเช่นกัน
“ไปเบิ่งคนถูกปอบเข้าเร็วสู!!”
“ไผล่ะ ไผเป็นหยัง”
“ยังบ่ฮู้ว่าไผแต่เขาว่าคนคุ้มบ้านน้อย ถูกปอบเข้า ตอนนี้คนกำลังไปรับพ่อใหญ่ธรรมทรายกับหลวงพ่อมหาไปเอาปอบออก”
“ฮ้วย!!!มาส่างว่าแท้ละน้อบาดหนิ!!”
เสียงเสวนาของชาวบ้านดังขึ้นขณะที่จักรยานของน้าปากับแจ่มเคลื่อนผ่าน ทันใดนั้นน้าปานก็เริ่มปั่นเร็วขึ้นและร้องไห้แรงขึ้นจนแจ่มเริ่มกลัว
***** ไม่แน่ใจว่าจะมีคนอยากอ่านต่อมั้ย แต่เดี๋ยวจะมาเขียนต่อให้นะคะ นี่คือประสบการณ์จริงล้านเปอร์เซ็นต์จากผู้เขียนเอง****