เรื่องเล่าประสบการณ์หลอน #รพ.แห่งหนึ่ง

นานมาแล้วกับประสบการณ์หลอนที่เราเจอกับตัวเอง 
            เหตุการณ์มีอยู่ว่า  มีญาติคนรู้จักป่วยด้วยโรคเนื้องอกในสมอง  เข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่ง  วันเกิดเหตุเป็นวันที่หมอนัดผ่าตัด ทำให้ญาติ ๆ จะต้องไปรวมตัวกัน หนึ่งในนั้นคือเราด้วยที่ไปให้กำลังใจ ซึ่งการผ่าตัดใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะเริ่มการผ่าตัดก็เกือบเที่ยง แล้วด้วยระยะทางระหว่าง รพ.กับบ้าน ไกลมากเกือบ 100 กิโลเมตร ทำให้ญาติ ๆ บางส่วน รวมถึงเราด้วย จะต้องไปขอใช้บริการอาคารสำหรับญาติผู้ป่วยสำหรับนอนเฝ้ารอดูอาการผู้ป่วย 

             เราและญาติ ๆ ไปติดต่อขอจองที่พักดังกล่าว ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เห็นว่าเรามาไกล หากไปหาที่พักข้างนอก รพ. คงมีค่าใช้จ่ายสูง ถ้าพักในอาคารที่ รพ.จัดให้ จ่ายแค่ไม่เท่าไหร่ เป็นค่าบำรุงสถานที่ อีกอย่างที่เราตัดสินใจพักที่นี่ เพราะอยู่ใกล้ผู้ป่วย สะดวกที่เดินไปอาคารผู้ป่วย

             ระหว่างทางเดินที่ไปอาคารพักของญาติผู้ป่วย ณ เวลานั้นก็ เป็นช่วงเวลาเย็นมากแล้ว ใกล้จะค่ำแล้ว บรรยากาศดูวังเวง มีต้นไม้ใหญ่เต็มไปหมด เนื่องจากอยู่ใกล้ภูเขา ด้วยที่เราพอจะมีเซ้นส์อยู่บ้าง ถ้าสถานที่ไหนมีพลังงาน เราจะรู้สึกปวดหัว และ หายใจไม่ค่อยอิ่ม

             พอเดินไปถึงอาคารดังกล่าว  เป็นอาคาร 2 ชั้น โดยชั้นล่าง เป็นโถงลักษณะเหมือนใต้ถุนอาคาร เดินสำรวจ พบป้ายบอกว่าให้ติดต่อขอพักที่ชั้น2 เราเดินดูรอบ ๆ ที่ชั้นล่างก่อน  เดินออกไปพ้นตัวอาคารนิดนึง เป็นห้องน้ำ และ ห้องอาบน้ำ แบบรวม คล้าย ๆ ที่ทหารอยู่ เป็นบ่อน้ำขนาดสี่เหลี่ยมใหญ่มีขันวางให้ตักอาบ และใกล้ที่อาบน้ำจะ มีห้องน้ำหลายห้อง ซึ่งเราก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับ บรรยากาศ แต่ก็ต้องทำใจ เพราะเราว่าแค่ขอพักชั่วคราว

              เราก็เดินขึ้นไปชั้น 2 ของอาคาร พบเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ลักษณะแต่งตัวเหมือนทหาร เราก็คิดว่าทหารนั่นแหละ นั่งอยู่หน้าห้องพัก โดยมีโต๊ะทำงาน  กับสมุดลงบันทึกแค่นั้น  เราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า เราจะขอพักที่นี่ 1 คืน เจ้าหน้าที่ก็ถามว่ากี่คน แล้วก็ทำตามระเบียบลงสมุดบันทึก และ ชำระค่าใช้จ่ายตามระเบียบ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็พาเราเดินเข้าไปดูที่พัก ภายในห้องเป็น ห้องโล่ง ๆ ขนาดใหญ่ มีเตียงเหล็กแบบเดี่ยว+ตู้เหล็กเก็บของเล็ก เรียงรายเต็มห้อง โดยเว้นระยะห่างแต่ละเตียงประมาณนึง ลักษณะเหมือนเตียงทหารตอนเราไปเข้าค่ายเลย เจ้าหน้าที่ก็บอกเลือกที่นอนได้ตามสบายว่าจะนอนเตียงไหน และ ก็พาไปดูห้องอาบน้ำ และ ห้องน้ำ ซึ่งอยู่ชั้นล่าง ก็ที่เราเดินดูก่อนขึ้นมาชั้น 2 นั่นแหละ  เสร็จแล้วเราก็กลับขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อเลือกเตียงนอนกัน

              ระหว่างนั้นเอง ก็มีนกบินเข้ามาในห้อง เนื่องจากประตูไม่ได้ปิด เพราะเจ้าหน้าที่กำลังเดินออกไป  น่าจะเป็นลูกนกเขา บินวนไปวนมา  มันคงตกใจ และคงทางออกอยู่ และ ขณะที่เราเก็บของเข้าตู้เหล็กที่อยู่ข้างเตียงนั้น อยู่ ๆ นกตัวนั้นก็บินตกลงมาตรงเตียงที่เรานอน มันนอนนิ่งมาก สักไม่ถึงนาทีมันก็ตาย เราก็ตกใจ และก็เอานกตัวนั้นออกไปข้างนอกห้อง พอไปถึงหน้าห้องก็ได้บอกเจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าห้อง ก็ได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่ได้พูดอะไร 

              เราลืมบอกไปว่าวันนั้นเป็นวันหวยออกด้วยนะ เรา และ คนอื่น ๆ ก็เลยคุยกันว่ามันเป็นเรื่องแปลกมาก ลองตีเลขจากนกตายดีกว่า ซึ่งเราก็ตีเป็น 610 ตามที่เราเดามั่วว่า 6=นก(วิหค) , 1=นกจำนวน1ตัว ,0=นกตาย  พอได้เลขก็พากันซื้อหวย แล้วก็เตรียมตัวออกจากที่พักเพื่อไป อาคารผู้ป่วยอีกครั้ง

              เราและญาติ ๆ ก็เฝ้ารออยู่หน้าห้องผ่าตัด รออยู่หลายชั่วโมง ระหว่างนั้นก็เป็นเวลา ตี้ด ๆ เลขที่ออก คือ เวลาหวยออกนั่นเอง ปรากฎว่า พวกเราถูกหวยค่ะ เราดีใจกัน และ ก็ออกอาการมากไม่ได้ ด้วยที่ญาติก็ยังอยู่ในห้องผ่าตัด จนเวลาประมาณเกือบทุ่ม เจ้าหน้าที่ก็เข็นญาติเราออกมาจากห้องผ่าตัด เราก็ถามทีมหมอผ่าตัดทันที ได้คำตอบว่า การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี  ต้องรอดูอาการหลังผ่าตัด 72 ชั่วโมง ระหว่างนี้คนไข้จะพักฟื้นอยู่ที่ห้อง ICU หอผู้ป่วยหนัก ห้องปลอดเชื้อ ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องห่วงคนไข้อยู่ในความดูแลอย่างดี หากมีอะไรก็จะแจ้งญาติตามเบอร์โทร สรุปก็คือ ญาติไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้  เอาไว้คนไข้ออกจาก ICU ไปพักฟื้นที่หอผู้ป่วยอายุกรรม ทางเราจะโทรแจ้งให้ญาติทราบ ระหว่างนี้ก็สามารถโทรถามอาการได้ค่ะ  แปลว่าให้เรากลับไปรอที่บ้าน 

               เราอยู่อาคารผู้ป่วยจนถึงเวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่มก็ออกจากอาคารผู้ป่วย ไปหาอะไรกินที่หน้า รพ. ไม่พ้นบะหมี่ ที่มีขายทุกที่ กินเสร็จ เราก็เดินกลับมายังอาคารที่พักเราจองไว้ บรรยากาศไม่ต้องบรรยาย น่ากลัวกว่าตอนแรกเยอะ ลืมบอกว่าเราพักกัน 5 คน พอเดินถึงอาคารที่พัก ก็พากันเก็บของเข้าตู้ และ พากันลงไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ ด้านล่าง เราเกาะกลุ่มกันไปไหนไปด้วย เพราะบรรยากาศทั้งในห้องพัก และ ห้องน้ำ มันน่ากลัวมาก ถึงจะมีเจ้าหน้าที่ หรือ เวรยามเฝ้าอยู่หน้าห้อง แต่ก็ไกลมาก เพราะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ 

               เราสนทนาเรื่องหวยที่ถูกกันวันนี้ สักพักก็แยกย้าย เตียงใครเตียงมัน เพราะดึกมากแล้ว
 เริ่มเข้าสู่ #เรื่องเล่าสยองขวัญแล้วนะ

               ในขณะที่เรานอนซึ่งกึ่งหลับกึ่งตื่นเพราะแปลกที่แปลกทาง  อยู่ ๆ เราก็รู้สึกเตียงแกว่งขยับไปมา  ซึ่งเตียงก็เป็นแบบเตียงโล่ง ๆ ขาเหล็ก เราก็พยายามลืมตามองว่าเกิดอะไรขึ้น ในใจคิดว่าในพวกกันเองนี่แหละคงมาแกล้ง พยายามลืมตามองก็ไม่เห็นอะไรมีแต่ความมืด ก็เลยพยายามนอนต่อ พอหลับตาได้สักพัก เตียงก็แกว่งแรงขึ้นกว่าเดิม และ มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาโดนตัว มากอดรัด  พยายามลืมตามอง ครั้งนี้เห็นเป็นเงาดำร่างใหญ่ ขึ้นค่อมเราอยู่ พยายามดิ้นก็ไม่หลุด ใจสั่นกลัว จนแทบขาดใจ สิ่งที่เราเห็นไม่ใช่คน เพราะไม่มีใบหน้า เป็นหมอก ๆ เงา ดำ ๆ ให้เห็นเป็นรูปร่างคน ตัวสูงใหญ่มาก และยิ่งกว่านั้น เงาดำนั้นก็กอดเรา และ ทำอนาจารเรา เรากลัวมากและสวดมนต์หลายบท เรานึกถึงพ่อเราว่า ถ้าเราเจอผี ให้ท่อง " อิ สะ วา สุ " เราสวดสารพัดบทสวด สักพัก ก็หลุดจากพันธนาการ เราค่อย ๆ ลืมตามอง ก็ไม่เห็น#สิ่งที่ลี้ลับ #สยองขวัญ นั้นแล้ว 
                 
               แต่กลับเห็นชาวคณะที่มากับเรา มาร่วมชะตากรรมกับเราคืนนี้ ลุกขึ้นมานั่ง ออกอาการเหมือนไปพบเจออะไรมา ไม่ต่างอะไรกับเราเลย เรามารวมตัวกัน แล้วเดินไปเปิดไฟ และ พากันออกไปหน้าห้อง จะไปหาเจ้าหน้าที่เวรเฝ้า จะบอกกับเจ้าหน้าที่ในสิ่งที่เราพบเจอมา เพราะไม่ใช่แค่เราคนเดียว แต่เราทั้ง 5 คน โดนเหมือนกัน แต่เท่าที่คุยกัน เราโดนหนักสุดถึงขั้นอนาจารเรา คนอื่น ๆ เท่าที่ถาม จะโดนทับ โดนดึง  แต่ไม่เจอเจ้าหน้าที่เวรเฝ้า พวกเราปวดปัสสาวะจนจะไม่ไหว ก็พากันเกาะกลุ่มไปชั้นล่างเพื่อเข้าห้องน้ำ บรรยากาศน่ากลัวกว่าช่วงหัวค่ำหลายเท่า หรือ อาจเกิดจากกลัวกับสิ่งที่เราเพิ่งเจอมา

               เราพากันเกาะกลุ่มกลับขึ้นมาในห้องพักอีกครั้ง คราวนี้เราเปิดไฟสว่างทุกดวง เก็บของมากองรวมกัน และ พากันนั่งรวมกัน รอเวลาเช้าจะได้เดินทางกลับ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาตี 4 แล้ว เราลืมบอกไปว่าเราติดรถญาติมา แต่เราเลือกที่ไม่กลับเพราะเราไม่อยากเดินทางไปมา เพราะถ้ากลับไป เดี๋ยวเช้าก็ต้องเดินกลับมาอีก ระยะทางเกือบ 100 กิโล เพราะตอนแรกคิดว่า ตอนเช้าก็จะมีญาติเดินทางมาเยี่ยม เราจะได้อาศัยนั่งหลังกระบะกลับด้วย แต่พอหมอแจ้งว่าไม่ไห้ญาติเยี่ยมเพราะต้องอยู่ ICU  เป็นเวลา 72 ชม. จึงไม่มีใครเดินทางมา เพราะฉนั้นเราต้องกลับรถโดยสาร ต่อให้เรากลัวมากแค่ไหน เราต้องรอให้เช้าก่อน ถึงจะกลับได้  

                นาฬิกาบอกเวลา ตี 5:30 เราได้ยินเสียงเจ้าหน้าเวรเฝ้ากลับมาที่หน้าห้อง พวกเราก็พากันขนของเดินมาหาเจ้าหน้าที่ และ ด้วยเวลาดังกล่าว ก็น่าจะมีรถเที่ยวแรกแล้ว พอเราได้พบกับเจ้าหน้าที่ เราก็บอกเรื่องราวที่เราพบเจอ เจ้าหน้าที่พูดออกมาว่า ใครมานอนก็เจอกันทั้งน้นแหละ และ ได้ตะล่อมถามเจ้าหน้าที่ถึงประวัติความเป็นมาอาคารนี้ ว่าทำไมถึงบอกว่าใครมานอนก็เจอ ตอนแรกก็บอกว่าพูดไม่ได้ เดี๋ยวนายว่าเอา คือ ถามไปถามว่าเขาคือ พี่ทหาร ผลัดกันมาเป็นเวรยามเฝ้า  อาคารที่เรานอนอดีตเคยเป็นอาคารชั่วคราว สำหรับทหารที่บาดเจ็บมาจากการต่อสู้จากสงครามมหาเอเชียบูรพา พูดสั้น ๆ คือ บาดเจ็บ และ ล้มตายที่นี่เยอะมาก  ในใจคิดว่าทำไมไม่หาข้อมูลก่อนตัดสินใจพักที่นี่ เพราะถ้าเราถามพี่ทหารคงไม่บอกเรา ณ เวลานั้น

                 หลังจากนั้นเป็นต้นมา เราก็หวาดกลัว หวาดระแวง ไม่ว่าการนอน รพ. หรือ การเฝ้าไข้  มีใครเป็นเหมือนกันไหม  ไม่ว่าจะเป็น บันไดทางขึ้นลงแต่ละตึกมันวังเวง  การขึ้นลิฟท์แล้วต้องมีเราคนเดียวในลิฟท์นั้น หรือ ที่จอดรถจักรยานยนต์มักจะอยู่โซนห้องเก็บศพ

            เรื่องเล่าก็มีเพียงเท่านี้  เป็นการเล่าเรื่องแรกค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ 
                 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่