เมล์เครื่องรับจ้าง(มอไซค์รับจ้าง).. มันคืออาชีพเสริมของผมที่ช่วยแบ่งเบาภาระของคุณพ่อผม.. ผมในตอนนั้นในวัย 13ย่าง14 ผมไม่ได้เรียนต่อ จบแค่ ป.6 ออกมาช่วยแม่ขายของ ช่วยพ่อ รับจ้างวิ่งเมล์เครื่อง ที่บ้านนอก ในสมัยนั้น ถนนหนทางก็ไม่สู้ดีนัก เปลี่ยว มืด น่ากลัวมาก
...ที่เกิดมีอาชีพนี้ขึ้น ก็เพราะว่า หน้าบ้านผมมันเป็นจุดจอดรถปลายทางสุดท้ายของรถเมล์ พ่อผมทำมาได้นานแล้ว ส่วนแม่ผมก็ขายกาแฟกับขนมขบเคี้ยวอยู่กับบ้าน.. มันสนุกมากเลยกับอาชีพนี้.. เด็กวัยรุ่นกับการได้ขี่มอเตอร์ไซค์นี้ ชีวิตมันมีสีสันมาก.. เชื่อว่าหลายคนที่ได้ขับมอเตอร์ไซค์เป็นใหม่ๆ.. คงจ้องกันเลยว่าใครจะไปไหนรึ...ป่ะ จะไปส่ง ใครจะใช้ให้ไปไหนรึ..ป่ะ ไป..ถ้าได้ขี่มอเตอร์ไซค์ล่ะก็ทำได้หมด...
...ผมในตอนนั้นชอบมากเลยกับอาชีพนี้ อาสาตลอด ว่า"ผมไปเอง ผมไปส่งเอง".. พ่อผมก็ให้ไป... มันมีความสุข..ยิ่งสุขมากถ้าลูกค้าเป็น"ผู้หญิงสาว".. ผมก็วัย14แล้ว..มันก็มีบ้างนะ.."ฮอร์โมนว้าวุ่น"อ่ะ.. ไม่ได้"หื่นนะ ขอออกตัวร้อยเมตร".. บางครั้งแอบภูมิใจกับอาชีพนี้ เวลาที่มีสาวๆ มานั่งซ้อนท้าย พอผมขับผ่าน โรงเรียนเก่าผมที่เพื่อนๆผมเขาเรียนต่อชั้นมัธยมกัน ผมเห็นเพื่อนๆกำลังทำความสะอาดโรงเรียนในตอนเช้า.. ผมบีบแตรทุกครั้งที่เจอพวกมัน.. พร้อมยกมือทักทายบ้างพยักหน้าทักบ้างยักคิ้วทักบ้าง... แอ็คกันเลยทีเดียว..
..พวกมันจะ "โห่ ร้องรับทุกครั้ง ผิวปากวี๊ดวิ้ว..กันอย่างสนุกสนานทุกครั้งที่ผม มีสาวซ้อนท้าย... "เป็นไงล่ะพวกเอ็ง..สู้ข้าก็ไม่ได้..อิสระเสรี..อินดี้เว้ยเฮ้ย... ผมคิดในใจ... ไม่ได้คิดเล้ย..ว่าพวกมัน มีอานาคตกว่าผม เพราะพวกมันได้เรียนต่อ.. ก็เอาเหอะอย่าคิดมาก..อินดี้ดีกว่าเรา.. มันก็สุขดีที่เจอ สาวๆตัวหอมๆ.. แต่.. มีขาวก็มีดำ มีหยินก็มีหยาง... ชอบที่สุดคือสาว.. เกลียดที่สุดคือ.. "คนเมา".. ตัวโครตเหม็น.. นั่งซ้อนท้ายดีๆก็ไม่เป็น.. มันจะโยกทำไม.. มันจะซบหลังทำไม.. มันจะหงายเงิบทำไม..โอ้ย... บางคนก็กอดเลย.นอนหลับด้วย..น้ำลายยืดอีกตะหาก....เฮ้อ.. นรกชัดๆ พวกนี้อินดี้กว่าผมอีก...
...นึกสภาพ บางคน นั่งซ้อนท้ายผม เอามือดึงเสื้อยืดผมแล้วก็ เงิบหน้าเงิบหลัง.. ดึงเสื้อผมซะยืดย้วยเลย.. มันน่ากระชากรถให้ตกซะที.. แต่แปลกอย่าง ผมพ่วงคนเมามา.. ไม่มีคนเมาหล่นจากรถสักคนเลยนะ.. พวกนี้ถึงจะเมา แต่มือเหนียวมาก.. เหมือนมีวิทยายุทธ... พอเงิบไปเหมือนจะหล่น.. มันดีดผึง..กลับมาซบหลัง.. เออเอาดิ..เก่งไหมล่ะ..
...และคนอีกกลุ่ม..ที่พอทำใจรับได้ก็คือ คนแก่.. เป็นกลุ่มคนที่ "กลัวความเร็วมาก".."อย่าขับเร็วนะไอ้หนู" ผมจะถูกเตือนทุกครั้งที่สตาร์ทรถ.. ผมขับด้วยความเร็ว 60 .. ไอ้หนูๆ..เบาๆหน่อย..ยายกลัว.. ผมขับ 50 .. ไอ้หนูๆ.. จะรีบไปไหนวะ..ยายจะปลิวหล่นแล้ว.. ผมขับ 40.... เออ..ดี ไม่ต้องรีบ.. ช้ากว่านี้อีกนิดก็ดีนะ... พอถึงที่หมาย..ยายแกลงมาจ่ายเงินพร้อมบอกว่า"ขับรถเร็วนะเราเดี๋ยวยายหัวใจวายตาย".. ไม่ต้องสงสัยเลย..ถ้าผมจะกลับมา พร้อมคำถามของพ่อ.. "เอ็งไปไหนมา"..เถรไถลอีกแล้วใช่ไหม... เฮ้อ..ยายหนอยาย..
...ที่ตรงข้ามกันสุดติ่งก็มี..คือกลุ่ม"วัยรุ่นใจร้อน" พวกนี้..รีบทั้งปี..เจอทีไรต้องให้กวด รถประจำทางกันเป็นประจำ.. ยามาฮ่าเมท80 มันจะได้ความเร็วสักแค่ไหน.. ถ้าไม่ใส่น้ำมันผสม(ออโต้ลูป)เยอะๆนี่ มีลูกสูบติดแน่นอน..หัวทิ่มกันมาเยอะแล้ว... "เร็วๆน้อง พี่รีบ กวดรถไปเลย.. รับคำบัญชาจากลูกค้าแล้ว.. ผมไปทันที... 90กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าสุดแล้ว.. ควันกรบตูดเลยทีเดียว.. ต้องหมอบกันด้วยนะ.. พร้อมใจกันเลยทั้งคนซ้อนคนขับ ผมหมอบเท่าไร คนหลังก็ต้องหมอบมากกว่าผม มันเป็นสูตร.. นึกสภาพแล้ว.. เฮ้อ...รถวิ่ง 90 ควันกลบตูด สองคนหมอบ... เฮ้อ.. อายจัง...
...และมีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ผมได้รู้ว่า... โลกใบนี้..ไม่มีเพียงแค่เรา..แน่นอน... วันนี้ไกล้จะค่ำแล้ว..ที่บ้านนอก เวลาประมาณ 1ทุ่มในต้นฤดูหนาวนี้ มืดเร็วมาก.. "หนูๆไปส่งน้าหน่อย".. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งลงรถเมล์คันสุดท้ายมา..ร้องไห้ผมช่วยไปส่ง..โดยปกติถ้ามืดแล้ว พ่อผมจะเป็นคนไปส่ง แต่วันนี้พ่อผมไปธุรบ้านอา กว่าจะกลับก็ดึก.. "ป่ะไปส่งเขาหน่อย" แม่ผมบอก.. ผมรับคำพร้อม เปิดฝาถังน้ำมันเช็คว่ามีอยู่พอไหมที่จะไป คือระยะทางประมาณ 6กิโล.. ผมเช็คไฟหน้าอีกนิดหน่อยว่าติดดีไหม.. และผมก็สตาร์ทรถออกจากบ้านไป...
... บนเส้นทางนี้เป็นทางลาดยางเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน.. สองข้างทางเป็นไร่อ้อยซะส่วนมาก ..มีบ้านคนอยู่ประปลาย..ห่างกันพอสมควร..คนบ้านนอกนอนไว ถ้าสองทุ่มนี่เริ่มนอนกันแล้ว.. อาจมีบ้างที่บางบ้านนอนดึก เปิดทีวีดูกัน..ในความมืดนั้นนอกจากแสงจากรถผมแล้ว ก็จะมีแสงจาก หลอดนีออนตามบ้านคน บางบ้านก็ไม่เปิดไฟ มีเพียงแสงจากทีวีที่ส่องลอดผ่านประตูหน้าต่างมา... มันมืดมาก.. นี่ถ้าผมปิดไฟขับนะ..หล่นข้างทางแน่นอน..
...ผมถึงที่หมายแล้ว.."ขอบใจนะ"อ่ะนี่ตัง กลับดีๆล่ะหนู.. ลูกค้าบอกผม.. ผมหันหัวรถกลับมุ่งหน้ากลับบ้าน.. วันนี้ท้องฟ้ามืดมาก เหมือนฝนจะตก ลมพัดเป็นช่วงๆ..บนเส้นทางบ้านนอกที่สองข้างทางมีแต่ไร่อ้อย..เสียงต้นอ้อย ประทะกับลมที่มาเป็นลูกๆมันเหมือนมีคนวิ่งเล่นอยู่ในดงอ้อยเลย... รถวิ่งตามหลังก็ไม่มี รถวิ่งนำหน้า พอหาได้บ้างแต่เขาก็เลี้ยวเข้าบ้านก่อนเรา.. ถนนนี้เวลานี้เหมือนผมจะใช้มันคนเดียว..
...ผมขับมาตามทางเรื่อยๆ..ไฟหน้ารถผมมันกระพริบ.. ผมชลอรถเพื่อจะตบกระจกหน้าให้มันหายกระพริบ บางจังหวะมันดับไปเลย ผมใจเสียมาก.. ผมจอดรถพร้อมตบๆ กดสวิทปิดเปิด.. กลับมาติดเหมือนเดิม...เฮ้อ..โล่งอก... ผมขับต่อมาเรื่อยๆ.. มีช่วงหนึ่งของถนน ลมที่เคยพัดไปมา..ตอนนี้..มันหายไปแล้ว..มันแปลกมาก.. ความนิ่งของลมที่ชนิดว่า เงียบกริ๊บ..มันเหมือนเวลาคนเปิดเพลงแล้วปิดในทันทีในห้องเงียบ.. มีเพียงเสียงรถผมที่มันดัง เสียงนกกลางคืน..ที่มันร้อง ต้นอ้อยที่พริ้วต้องลมเหมือนคนวิ่งอยู่ในนั้นก็หยุดลง เหมือนคนหยุดวิ่ง...
...และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิด... "รถผมดับ".. รถผมดับกระทันหัน..รถไหลได้ด้วยแรงเฉื่อยที่มีอยุ่เท่านั้น.. รถยังไหลไปได้สักระยะผมรีบถีท่บสตาร์ทรถในทันที.. ผมกระทืบอยุ่หลายครั้ง.. แล้วมันก็ไม่ติด.. จนรถผมหมดแรงเฉื่อย.. ตอนนี้รถหยุดแล้ว... "ซวยอิบอ๊าย"ผมคิดในใจ.. ผมจอดรถพร้อมลงมาเปิดเบาะดูในถังน้ำมันเป็นอันดับแรก.. ผมมองไม่เห็นน้ำมันเพราะมันมืด..ผมเขย่าเพื่อฟังเสียง..ผมว่ามันยังเหลือนะ..แต่เพื่อความแน่ใจ ผมหักกิ่งไม้แหย่ลงไปเพื่อเอาขึ้นมาดมดูว่ามีน้ำมันรึเปล่า... "น้ำมันไม่หมด".. แล้วมันเป็นอะไร ในตอนนั้นผมคิดว่า"หัวเทียนอาจจะบอดเป็นธรรมดาของรถรุ่นนี้..บอดได้บ่อย
...ท่ามกลางความมืดบนถนนสายเปลี่ยวที่แวดล้อมด้วยต้นอ้อยและต้นไม้น้อยใหญ่ เสียงรถที่ไม่มีให้กลบ เสียงนกกลางคืนที่ร้องก้องไปมาสองข้างทาง กับ"ผมที่เดินจูงรถอยู่"..ในตอนนั้นผมภาวนาขอให้มีรถวิ่งผ่านมาสักคันเถอะนะ.. ความเป็นจริงช่างโหดร้ายเสมอ..รถสักคนก็ไม่มีให้เห็น.. ที่มีให้เห็นก็คือแสงไฟท้ายรถในทางข้างหน้าที่ออกมาจากซอย..แล้วก็มุ่งห่างจากผมไป..ข้างหลังผมในทางที่มืดสนิท แสงรถสักคนก็ไม่มีให้เห็น.. เห็นเพียงแสงไฟนีออนจากบ้านที่ผม ผ่านมาแล้วเท่านั้น... สิ่งที่ผมจะพอยึดเหนี่ยวนำทางได้มีเพียง แสงไฟข้างหน้าลิบตา จากบ้านผู้คนที่อยู่กับเป็นกลุ่ม ปะปราย.. ทำไมมันเงียบจังว้า..ผมคิดในใจ..
... ผมจูงรถไปเรื่อยๆด้วยวิธีการนั่งไขว้พร้อมใช้ขอถีบรถไปข้างหน้า..มันสบายดี..แต่ถึงบางช่วงผมก็ต้องลงมาเข็นเพราะทางมันชัน..ทางข้างหน้าที่ผมมองเป็นสิ่งนำทางคือแสงไฟจากบ้านคน.. มันไกล้เข้าเรื่อยๆ.. แต่..แล้ว.. มันค่อยๆดับลง ทีละดวง..ๆ นอนกันแล้วหรือนี่..ผมรีบเร่งเพื่อจะให้ถึงแสงไฟสุดท้ายนั้น เพื่อหวังว่าจะมีใครพอช่วยผมได้มั่ง.. และแล้วผมก็ไปไม่ทัน แสงไฟทุกดวงของ บ้านสองสามบ้านนั้นดับ สนิท.. ผมถึงจุดนี้แล้วแต่หมดหวังใครจะช่วย.. มีเพียงแสงทีวี รอดผ่านช่องลม ออกมาผมรุ้ว่ามีคนอยู่ แต่ไม่กล้าเรียก.. เสียงหมาเริ่มเห่าประปราย... ซ้ำร้าย ดัน"หอนกันอีก".... เฮ้อ..หลอนสุดๆ ผมนึกในใจ.. ผมไม่กล้าเรียกใครเกรงใจจึงจูงรถผ่านเลยไป....
..ผมผ่านกลุ่มบ้านนั้นมาได้สักระยะแล้ว..ทางข้างหน้าอีกประมาณ กิโลกว่าๆผมเห็นแสงไฟ หมุ่บ้านผมแล้ว...แต่สิ่งที่ทำให้ผม ประหลาดใจมากคือ.."ลม" ลมที่หยุดพัด มันพัดเข้ามาอย่างเร็ว จากด้านหลังผม ต้นไม้ใบหญ้ากระทบลมเกิดเป็นเสียงประหลาด ต้นไผ่ข้างทางดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนคนเปิดประตูบ้าน...ในดงอ้อยพริ้วไหวเป็นเสียงเหมือนมีสิ่งมีชีวิตวิ่งเล่นอยุ่ด้านใน...เสียงลมกระทบใบหูผมดังเหมือนมีคนร้อง"วู้ๆ"อยู่ข้างๆ.. และแล้ว ก็มีเสียง ปะหลาดดังขึ้น.. "เอี๊ยด"ด...เสียงรถเบรค... เสียงมาทางข้างหลังผมไกลพอควร... ผมรีบหันไปมอง..."ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความมืด..".. ผมคิดในใจ.. สงสัยเป็นเสียงจากหมู่บ้านข้างหลัง คงมีใครเบรครถ..
... ตอนนี้ลมยังไม่เลิกพัด.. ผมฝืนต้านแรงลมไปข้างหน้า.. และบางสิ่งก็ทำให้ผมต้องหยุดรถทันที... เสียง "เบรครถ" เอี๊ยด..ด...ยาวมาก.. จากข้างหลังผม.. มันไกล้มาก มากชนิดว่าผมคิดว่า ผมโดนชนแล้ว.. เสี้ยวนาที ผมทิ้งรถทันทีไม่หันไปดูแต่วิ่งไปข้างหน้าเฉียงลงข้างทางไป.. พอได้สติผมหันไปมอง.... "ไม่มีอะไรเลย".. มีเพียงรถผมที่ผมทิ้งหงายคว่ำอยู่.. ผมประหลาดใจมาก.. เสียงมันชัดมากไกล้มากด้วย.. ผมคิดในใจ..เอาแล้วไง.. คงไม่ใช่นะ...ผมไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้วผม ต้องรีบ.. ผมคว้ารถได้เข็นต่อทันที.. ท่ามกลางลมแรงนั้น เสื้อผมมันปลิวสะบัดไปมา.. คล้ายกับมีใครมา"ดึงมันไว้" รถที่หนักขึ้นโดยที่ว่าผมไม่ได้นั่งมัน..หรือว่าผมเหนื่อย..
... อีกทั้งเกิดเสียงประหลาดมาทางด้านหลังผมอีก... เสียงนั้นเหมือนเสียง คนโยนมะพร้าวกลิ้งไปตามถนน..มันหลอนมาก..แล้วเสียงสุดท้ายนี้ที่ทำให้ผมต้อง "วิ่ง".. คือเสียง คนร้องไห้..เสียงทุ้มใหญ่แทรกสายลมมา ชิดท้ายทอยผมเลย.. ผมเห็นศาลาเก่าๆข้างทาง ผมรีบเอารถไปจอดทันที.. ผมทิ้งรถไว้ที่ศาลานั้น...แล้วก็วิ่ง....ผมวิ่งไปข้างหน้าตามองไปที่แสงไฟตามบ้าน.. มันค่อยๆปิดอีกแล้ว..แสงไฟนั้นมีค่ากับผมมาก มันช่วยให้ผมมีหวัง ทำให้ผมอุ่นใจ..แต่มันกำลังจะหมดไป.. สายตาผมที่จ้องผ่านความมืดนั้นมันเกิด ภาพแปลก..โฟกัสผมจับไปที่แสงไฟตามบ้าน..แต่บางครั้งมันเหมือนมีเงาอะไรบางอย่างทำให้แสงนั้น บิดเบี้ยวไป..มันเหมือนว่าภาพมันเบลอมันเบี้ยว.. ผมไม่พิจารณามากในตอนนั้น วิ่งอย่างเดียว..
ผมวิ่งมาไกล้ถึงบ้านแล้ว..พ่อผมกลับมาแล้ว .. ผมถึงแล้ว.. ผมยืนเหนื่อยสักพัก พร้อมบอกพ่อว่า" พ่อรถผมเสีย".. ผมไม่กล้าบอกเรื่องอื่นๆ.ที่ผมเจอ.. "เสียอยู่ตรงไหน" พ่อผมถาม "เสียอยุ่ตรงศาลาโน้น.. พ่อผมทำหน้า งงๆ ถามว่า "ศาลาไหน.." ผมบอกว่า ศาลาเก่าๆโน้นไงพ่อ.. ก่อนถึงบ้านคนอ่ะ.. พ่อผมสตาร์ทรถ พ่วงผมกลับไปเอารถ.. "ไหน ศาลาไหน..".. ผมว่า "ไปอีกพ่อ ไปอีก.. นั้นไงเห็นรถแล้ว...
นั้นไงพ่อ เห็นรถแล้ว... แต่.... เอ๊ะ.. ไม่มีศาลานี่น่า..ผมตลึงมาก.. ไหนศาลาเอ็ง พ่อผมถาม.. ก็ผมเห็นว่ามันเป็นศาลานี่.. ผมงงมากในตอนนั้น.. แสงไฟจากรถพ่อผม สาดส่องไปที่รถผม ... ทำให้ผมตลึงกว่านั้นคือ.... กองศาลพระภูมิเก่า..ที่มีอยู่มากมาย.. ผมทิ้งรถไว้หน้ากอง ศาลพระภูมิ... ผมขนลุกซู่เลย.. พ่อผมไม่ถามอะไรต่อ ลงไปสตาร์ทรถ.. เหลือเชื่อ สองทีติดเลย... ผมงงมาก.. พ่อผมว่าไอนี่...รถก็ติดนี่น่า..วิ่งกลับบ้านทำไมวะ... ผมหันซ้ายหันขวากระสับกระส่ายมาก.. ไม่อยากอยุ่แล้วตรงนี้... ผมรีบขับรถนำหน้าพ่อผมอย่างไว..
..มีต่อ..
..เสียงเบรค "ปริศนา"..
...ที่เกิดมีอาชีพนี้ขึ้น ก็เพราะว่า หน้าบ้านผมมันเป็นจุดจอดรถปลายทางสุดท้ายของรถเมล์ พ่อผมทำมาได้นานแล้ว ส่วนแม่ผมก็ขายกาแฟกับขนมขบเคี้ยวอยู่กับบ้าน.. มันสนุกมากเลยกับอาชีพนี้.. เด็กวัยรุ่นกับการได้ขี่มอเตอร์ไซค์นี้ ชีวิตมันมีสีสันมาก.. เชื่อว่าหลายคนที่ได้ขับมอเตอร์ไซค์เป็นใหม่ๆ.. คงจ้องกันเลยว่าใครจะไปไหนรึ...ป่ะ จะไปส่ง ใครจะใช้ให้ไปไหนรึ..ป่ะ ไป..ถ้าได้ขี่มอเตอร์ไซค์ล่ะก็ทำได้หมด...
...ผมในตอนนั้นชอบมากเลยกับอาชีพนี้ อาสาตลอด ว่า"ผมไปเอง ผมไปส่งเอง".. พ่อผมก็ให้ไป... มันมีความสุข..ยิ่งสุขมากถ้าลูกค้าเป็น"ผู้หญิงสาว".. ผมก็วัย14แล้ว..มันก็มีบ้างนะ.."ฮอร์โมนว้าวุ่น"อ่ะ.. ไม่ได้"หื่นนะ ขอออกตัวร้อยเมตร".. บางครั้งแอบภูมิใจกับอาชีพนี้ เวลาที่มีสาวๆ มานั่งซ้อนท้าย พอผมขับผ่าน โรงเรียนเก่าผมที่เพื่อนๆผมเขาเรียนต่อชั้นมัธยมกัน ผมเห็นเพื่อนๆกำลังทำความสะอาดโรงเรียนในตอนเช้า.. ผมบีบแตรทุกครั้งที่เจอพวกมัน.. พร้อมยกมือทักทายบ้างพยักหน้าทักบ้างยักคิ้วทักบ้าง... แอ็คกันเลยทีเดียว..
..พวกมันจะ "โห่ ร้องรับทุกครั้ง ผิวปากวี๊ดวิ้ว..กันอย่างสนุกสนานทุกครั้งที่ผม มีสาวซ้อนท้าย... "เป็นไงล่ะพวกเอ็ง..สู้ข้าก็ไม่ได้..อิสระเสรี..อินดี้เว้ยเฮ้ย... ผมคิดในใจ... ไม่ได้คิดเล้ย..ว่าพวกมัน มีอานาคตกว่าผม เพราะพวกมันได้เรียนต่อ.. ก็เอาเหอะอย่าคิดมาก..อินดี้ดีกว่าเรา.. มันก็สุขดีที่เจอ สาวๆตัวหอมๆ.. แต่.. มีขาวก็มีดำ มีหยินก็มีหยาง... ชอบที่สุดคือสาว.. เกลียดที่สุดคือ.. "คนเมา".. ตัวโครตเหม็น.. นั่งซ้อนท้ายดีๆก็ไม่เป็น.. มันจะโยกทำไม.. มันจะซบหลังทำไม.. มันจะหงายเงิบทำไม..โอ้ย... บางคนก็กอดเลย.นอนหลับด้วย..น้ำลายยืดอีกตะหาก....เฮ้อ.. นรกชัดๆ พวกนี้อินดี้กว่าผมอีก...
...นึกสภาพ บางคน นั่งซ้อนท้ายผม เอามือดึงเสื้อยืดผมแล้วก็ เงิบหน้าเงิบหลัง.. ดึงเสื้อผมซะยืดย้วยเลย.. มันน่ากระชากรถให้ตกซะที.. แต่แปลกอย่าง ผมพ่วงคนเมามา.. ไม่มีคนเมาหล่นจากรถสักคนเลยนะ.. พวกนี้ถึงจะเมา แต่มือเหนียวมาก.. เหมือนมีวิทยายุทธ... พอเงิบไปเหมือนจะหล่น.. มันดีดผึง..กลับมาซบหลัง.. เออเอาดิ..เก่งไหมล่ะ..
...และคนอีกกลุ่ม..ที่พอทำใจรับได้ก็คือ คนแก่.. เป็นกลุ่มคนที่ "กลัวความเร็วมาก".."อย่าขับเร็วนะไอ้หนู" ผมจะถูกเตือนทุกครั้งที่สตาร์ทรถ.. ผมขับด้วยความเร็ว 60 .. ไอ้หนูๆ..เบาๆหน่อย..ยายกลัว.. ผมขับ 50 .. ไอ้หนูๆ.. จะรีบไปไหนวะ..ยายจะปลิวหล่นแล้ว.. ผมขับ 40.... เออ..ดี ไม่ต้องรีบ.. ช้ากว่านี้อีกนิดก็ดีนะ... พอถึงที่หมาย..ยายแกลงมาจ่ายเงินพร้อมบอกว่า"ขับรถเร็วนะเราเดี๋ยวยายหัวใจวายตาย".. ไม่ต้องสงสัยเลย..ถ้าผมจะกลับมา พร้อมคำถามของพ่อ.. "เอ็งไปไหนมา"..เถรไถลอีกแล้วใช่ไหม... เฮ้อ..ยายหนอยาย..
...ที่ตรงข้ามกันสุดติ่งก็มี..คือกลุ่ม"วัยรุ่นใจร้อน" พวกนี้..รีบทั้งปี..เจอทีไรต้องให้กวด รถประจำทางกันเป็นประจำ.. ยามาฮ่าเมท80 มันจะได้ความเร็วสักแค่ไหน.. ถ้าไม่ใส่น้ำมันผสม(ออโต้ลูป)เยอะๆนี่ มีลูกสูบติดแน่นอน..หัวทิ่มกันมาเยอะแล้ว... "เร็วๆน้อง พี่รีบ กวดรถไปเลย.. รับคำบัญชาจากลูกค้าแล้ว.. ผมไปทันที... 90กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าสุดแล้ว.. ควันกรบตูดเลยทีเดียว.. ต้องหมอบกันด้วยนะ.. พร้อมใจกันเลยทั้งคนซ้อนคนขับ ผมหมอบเท่าไร คนหลังก็ต้องหมอบมากกว่าผม มันเป็นสูตร.. นึกสภาพแล้ว.. เฮ้อ...รถวิ่ง 90 ควันกลบตูด สองคนหมอบ... เฮ้อ.. อายจัง...
...และมีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้ผมได้รู้ว่า... โลกใบนี้..ไม่มีเพียงแค่เรา..แน่นอน... วันนี้ไกล้จะค่ำแล้ว..ที่บ้านนอก เวลาประมาณ 1ทุ่มในต้นฤดูหนาวนี้ มืดเร็วมาก.. "หนูๆไปส่งน้าหน่อย".. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งลงรถเมล์คันสุดท้ายมา..ร้องไห้ผมช่วยไปส่ง..โดยปกติถ้ามืดแล้ว พ่อผมจะเป็นคนไปส่ง แต่วันนี้พ่อผมไปธุรบ้านอา กว่าจะกลับก็ดึก.. "ป่ะไปส่งเขาหน่อย" แม่ผมบอก.. ผมรับคำพร้อม เปิดฝาถังน้ำมันเช็คว่ามีอยู่พอไหมที่จะไป คือระยะทางประมาณ 6กิโล.. ผมเช็คไฟหน้าอีกนิดหน่อยว่าติดดีไหม.. และผมก็สตาร์ทรถออกจากบ้านไป...
... บนเส้นทางนี้เป็นทางลาดยางเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน.. สองข้างทางเป็นไร่อ้อยซะส่วนมาก ..มีบ้านคนอยู่ประปลาย..ห่างกันพอสมควร..คนบ้านนอกนอนไว ถ้าสองทุ่มนี่เริ่มนอนกันแล้ว.. อาจมีบ้างที่บางบ้านนอนดึก เปิดทีวีดูกัน..ในความมืดนั้นนอกจากแสงจากรถผมแล้ว ก็จะมีแสงจาก หลอดนีออนตามบ้านคน บางบ้านก็ไม่เปิดไฟ มีเพียงแสงจากทีวีที่ส่องลอดผ่านประตูหน้าต่างมา... มันมืดมาก.. นี่ถ้าผมปิดไฟขับนะ..หล่นข้างทางแน่นอน..
...ผมถึงที่หมายแล้ว.."ขอบใจนะ"อ่ะนี่ตัง กลับดีๆล่ะหนู.. ลูกค้าบอกผม.. ผมหันหัวรถกลับมุ่งหน้ากลับบ้าน.. วันนี้ท้องฟ้ามืดมาก เหมือนฝนจะตก ลมพัดเป็นช่วงๆ..บนเส้นทางบ้านนอกที่สองข้างทางมีแต่ไร่อ้อย..เสียงต้นอ้อย ประทะกับลมที่มาเป็นลูกๆมันเหมือนมีคนวิ่งเล่นอยู่ในดงอ้อยเลย... รถวิ่งตามหลังก็ไม่มี รถวิ่งนำหน้า พอหาได้บ้างแต่เขาก็เลี้ยวเข้าบ้านก่อนเรา.. ถนนนี้เวลานี้เหมือนผมจะใช้มันคนเดียว..
...ผมขับมาตามทางเรื่อยๆ..ไฟหน้ารถผมมันกระพริบ.. ผมชลอรถเพื่อจะตบกระจกหน้าให้มันหายกระพริบ บางจังหวะมันดับไปเลย ผมใจเสียมาก.. ผมจอดรถพร้อมตบๆ กดสวิทปิดเปิด.. กลับมาติดเหมือนเดิม...เฮ้อ..โล่งอก... ผมขับต่อมาเรื่อยๆ.. มีช่วงหนึ่งของถนน ลมที่เคยพัดไปมา..ตอนนี้..มันหายไปแล้ว..มันแปลกมาก.. ความนิ่งของลมที่ชนิดว่า เงียบกริ๊บ..มันเหมือนเวลาคนเปิดเพลงแล้วปิดในทันทีในห้องเงียบ.. มีเพียงเสียงรถผมที่มันดัง เสียงนกกลางคืน..ที่มันร้อง ต้นอ้อยที่พริ้วต้องลมเหมือนคนวิ่งอยู่ในนั้นก็หยุดลง เหมือนคนหยุดวิ่ง...
...และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิด... "รถผมดับ".. รถผมดับกระทันหัน..รถไหลได้ด้วยแรงเฉื่อยที่มีอยุ่เท่านั้น.. รถยังไหลไปได้สักระยะผมรีบถีท่บสตาร์ทรถในทันที.. ผมกระทืบอยุ่หลายครั้ง.. แล้วมันก็ไม่ติด.. จนรถผมหมดแรงเฉื่อย.. ตอนนี้รถหยุดแล้ว... "ซวยอิบอ๊าย"ผมคิดในใจ.. ผมจอดรถพร้อมลงมาเปิดเบาะดูในถังน้ำมันเป็นอันดับแรก.. ผมมองไม่เห็นน้ำมันเพราะมันมืด..ผมเขย่าเพื่อฟังเสียง..ผมว่ามันยังเหลือนะ..แต่เพื่อความแน่ใจ ผมหักกิ่งไม้แหย่ลงไปเพื่อเอาขึ้นมาดมดูว่ามีน้ำมันรึเปล่า... "น้ำมันไม่หมด".. แล้วมันเป็นอะไร ในตอนนั้นผมคิดว่า"หัวเทียนอาจจะบอดเป็นธรรมดาของรถรุ่นนี้..บอดได้บ่อย
...ท่ามกลางความมืดบนถนนสายเปลี่ยวที่แวดล้อมด้วยต้นอ้อยและต้นไม้น้อยใหญ่ เสียงรถที่ไม่มีให้กลบ เสียงนกกลางคืนที่ร้องก้องไปมาสองข้างทาง กับ"ผมที่เดินจูงรถอยู่"..ในตอนนั้นผมภาวนาขอให้มีรถวิ่งผ่านมาสักคันเถอะนะ.. ความเป็นจริงช่างโหดร้ายเสมอ..รถสักคนก็ไม่มีให้เห็น.. ที่มีให้เห็นก็คือแสงไฟท้ายรถในทางข้างหน้าที่ออกมาจากซอย..แล้วก็มุ่งห่างจากผมไป..ข้างหลังผมในทางที่มืดสนิท แสงรถสักคนก็ไม่มีให้เห็น.. เห็นเพียงแสงไฟนีออนจากบ้านที่ผม ผ่านมาแล้วเท่านั้น... สิ่งที่ผมจะพอยึดเหนี่ยวนำทางได้มีเพียง แสงไฟข้างหน้าลิบตา จากบ้านผู้คนที่อยู่กับเป็นกลุ่ม ปะปราย.. ทำไมมันเงียบจังว้า..ผมคิดในใจ..
... ผมจูงรถไปเรื่อยๆด้วยวิธีการนั่งไขว้พร้อมใช้ขอถีบรถไปข้างหน้า..มันสบายดี..แต่ถึงบางช่วงผมก็ต้องลงมาเข็นเพราะทางมันชัน..ทางข้างหน้าที่ผมมองเป็นสิ่งนำทางคือแสงไฟจากบ้านคน.. มันไกล้เข้าเรื่อยๆ.. แต่..แล้ว.. มันค่อยๆดับลง ทีละดวง..ๆ นอนกันแล้วหรือนี่..ผมรีบเร่งเพื่อจะให้ถึงแสงไฟสุดท้ายนั้น เพื่อหวังว่าจะมีใครพอช่วยผมได้มั่ง.. และแล้วผมก็ไปไม่ทัน แสงไฟทุกดวงของ บ้านสองสามบ้านนั้นดับ สนิท.. ผมถึงจุดนี้แล้วแต่หมดหวังใครจะช่วย.. มีเพียงแสงทีวี รอดผ่านช่องลม ออกมาผมรุ้ว่ามีคนอยู่ แต่ไม่กล้าเรียก.. เสียงหมาเริ่มเห่าประปราย... ซ้ำร้าย ดัน"หอนกันอีก".... เฮ้อ..หลอนสุดๆ ผมนึกในใจ.. ผมไม่กล้าเรียกใครเกรงใจจึงจูงรถผ่านเลยไป....
..ผมผ่านกลุ่มบ้านนั้นมาได้สักระยะแล้ว..ทางข้างหน้าอีกประมาณ กิโลกว่าๆผมเห็นแสงไฟ หมุ่บ้านผมแล้ว...แต่สิ่งที่ทำให้ผม ประหลาดใจมากคือ.."ลม" ลมที่หยุดพัด มันพัดเข้ามาอย่างเร็ว จากด้านหลังผม ต้นไม้ใบหญ้ากระทบลมเกิดเป็นเสียงประหลาด ต้นไผ่ข้างทางดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนคนเปิดประตูบ้าน...ในดงอ้อยพริ้วไหวเป็นเสียงเหมือนมีสิ่งมีชีวิตวิ่งเล่นอยุ่ด้านใน...เสียงลมกระทบใบหูผมดังเหมือนมีคนร้อง"วู้ๆ"อยู่ข้างๆ.. และแล้ว ก็มีเสียง ปะหลาดดังขึ้น.. "เอี๊ยด"ด...เสียงรถเบรค... เสียงมาทางข้างหลังผมไกลพอควร... ผมรีบหันไปมอง..."ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความมืด..".. ผมคิดในใจ.. สงสัยเป็นเสียงจากหมู่บ้านข้างหลัง คงมีใครเบรครถ..
... ตอนนี้ลมยังไม่เลิกพัด.. ผมฝืนต้านแรงลมไปข้างหน้า.. และบางสิ่งก็ทำให้ผมต้องหยุดรถทันที... เสียง "เบรครถ" เอี๊ยด..ด...ยาวมาก.. จากข้างหลังผม.. มันไกล้มาก มากชนิดว่าผมคิดว่า ผมโดนชนแล้ว.. เสี้ยวนาที ผมทิ้งรถทันทีไม่หันไปดูแต่วิ่งไปข้างหน้าเฉียงลงข้างทางไป.. พอได้สติผมหันไปมอง.... "ไม่มีอะไรเลย".. มีเพียงรถผมที่ผมทิ้งหงายคว่ำอยู่.. ผมประหลาดใจมาก.. เสียงมันชัดมากไกล้มากด้วย.. ผมคิดในใจ..เอาแล้วไง.. คงไม่ใช่นะ...ผมไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้วผม ต้องรีบ.. ผมคว้ารถได้เข็นต่อทันที.. ท่ามกลางลมแรงนั้น เสื้อผมมันปลิวสะบัดไปมา.. คล้ายกับมีใครมา"ดึงมันไว้" รถที่หนักขึ้นโดยที่ว่าผมไม่ได้นั่งมัน..หรือว่าผมเหนื่อย..
... อีกทั้งเกิดเสียงประหลาดมาทางด้านหลังผมอีก... เสียงนั้นเหมือนเสียง คนโยนมะพร้าวกลิ้งไปตามถนน..มันหลอนมาก..แล้วเสียงสุดท้ายนี้ที่ทำให้ผมต้อง "วิ่ง".. คือเสียง คนร้องไห้..เสียงทุ้มใหญ่แทรกสายลมมา ชิดท้ายทอยผมเลย.. ผมเห็นศาลาเก่าๆข้างทาง ผมรีบเอารถไปจอดทันที.. ผมทิ้งรถไว้ที่ศาลานั้น...แล้วก็วิ่ง....ผมวิ่งไปข้างหน้าตามองไปที่แสงไฟตามบ้าน.. มันค่อยๆปิดอีกแล้ว..แสงไฟนั้นมีค่ากับผมมาก มันช่วยให้ผมมีหวัง ทำให้ผมอุ่นใจ..แต่มันกำลังจะหมดไป.. สายตาผมที่จ้องผ่านความมืดนั้นมันเกิด ภาพแปลก..โฟกัสผมจับไปที่แสงไฟตามบ้าน..แต่บางครั้งมันเหมือนมีเงาอะไรบางอย่างทำให้แสงนั้น บิดเบี้ยวไป..มันเหมือนว่าภาพมันเบลอมันเบี้ยว.. ผมไม่พิจารณามากในตอนนั้น วิ่งอย่างเดียว..
ผมวิ่งมาไกล้ถึงบ้านแล้ว..พ่อผมกลับมาแล้ว .. ผมถึงแล้ว.. ผมยืนเหนื่อยสักพัก พร้อมบอกพ่อว่า" พ่อรถผมเสีย".. ผมไม่กล้าบอกเรื่องอื่นๆ.ที่ผมเจอ.. "เสียอยู่ตรงไหน" พ่อผมถาม "เสียอยุ่ตรงศาลาโน้น.. พ่อผมทำหน้า งงๆ ถามว่า "ศาลาไหน.." ผมบอกว่า ศาลาเก่าๆโน้นไงพ่อ.. ก่อนถึงบ้านคนอ่ะ.. พ่อผมสตาร์ทรถ พ่วงผมกลับไปเอารถ.. "ไหน ศาลาไหน..".. ผมว่า "ไปอีกพ่อ ไปอีก.. นั้นไงเห็นรถแล้ว...
นั้นไงพ่อ เห็นรถแล้ว... แต่.... เอ๊ะ.. ไม่มีศาลานี่น่า..ผมตลึงมาก.. ไหนศาลาเอ็ง พ่อผมถาม.. ก็ผมเห็นว่ามันเป็นศาลานี่.. ผมงงมากในตอนนั้น.. แสงไฟจากรถพ่อผม สาดส่องไปที่รถผม ... ทำให้ผมตลึงกว่านั้นคือ.... กองศาลพระภูมิเก่า..ที่มีอยู่มากมาย.. ผมทิ้งรถไว้หน้ากอง ศาลพระภูมิ... ผมขนลุกซู่เลย.. พ่อผมไม่ถามอะไรต่อ ลงไปสตาร์ทรถ.. เหลือเชื่อ สองทีติดเลย... ผมงงมาก.. พ่อผมว่าไอนี่...รถก็ติดนี่น่า..วิ่งกลับบ้านทำไมวะ... ผมหันซ้ายหันขวากระสับกระส่ายมาก.. ไม่อยากอยุ่แล้วตรงนี้... ผมรีบขับรถนำหน้าพ่อผมอย่างไว..
..มีต่อ..