จากมติชนออนไลน์
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.อิทธิญา สุดชา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/2 ม.3 ต.องค์รักษ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง อาชีพพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่เวรเปล ของโรงพยาบาลประจำจังหวัด ทำอนาจาร ในขณะที่เข้าทำการรักษาตัว
เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย.58 ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ประจำอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.อ่างทอง จากอาการไส้ติ่งอักเสบ และต้องทำการผ่าตัด จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น.ถูกส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.ประจำจังหวัด เพื่อทำการผ่าตัด เมื่อผ่าตัดเสร็จจะต้องย้ายออกจากห้องผ่าตัดและมีพนักงานเวรเปลมารับ ช่วงระหว่างนั้นยังมีสติดี และรู้สึกตัวดีเพียงแต่ร่างกายยังไม่ค่อยมีแรง เจ้าหน้าที่พยาบาลเรียกและแจ้งว่าจะย้ายออกจากห้องผ่าตัดและไปพักฟื้นที่ตึกผู้ป่วย หลังจากนั้นมีการย้ายเตียง จังหวะนั้นเอง เจ้าหน้าที่เวรเปลได้ทำอนาจาร โดยใช้มือจับบริเวณอวัยวะเพศตน ยืนยันได้ว่า เป็นการจงใจเพราะมีการลงน้ำหนักมือ ไม่ใช่เป็นการสัมผัสถูกโดยบังเอิญ
จากนั้นได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลทราบ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้รับคำตอบว่า จะเรียกเจ้าหน้าที่เวรเปลที่ก่อเหตุ มาสอบถามและจะพาไปขอโทษ และมีการถามไถ่เวลาการทำงานว่าสะดวกวันไหนจะให้ผู้ที่ก่อเหตุไปพบและขอโทษ ตนได้ออกจาก รพ.เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา แต่ผ่านไป 2-3 วัน ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาล จึงโทรไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่พยาบาลที่รับเรื่องไว้
แต่ได้รับคำตอบว่า สอบถามแล้วแต่เจ้าหน้าที่เวรเปลแจ้งว่าไม่ได้ทำแล้วจะไปขอโทษได้อย่างไร และแจ้งว่า ทาง ผอ.จะให้ไปพบที่ รพ.และจะพาไปดูขั้นตอนการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งเห็นว่ามันคนละเรื่องกัน ไปดูก็ไม่เกิดประโยชน์ คนที่ก่อเหตุคงไม่มาทำให้เห็น จึงเข้าแจ้งความ ที่ สภ.เมืองอ่างทอง เมื่อวันที่ 17 พ.ย.58 เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
น.ส.อิทธิญา กล่าวว่า ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่ขอความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นและให้เป็นตัวอย่างไม่อยากให้ผู้กระทำผิดไปทำกับผู้อื่น และสถานที่ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่รักษาพยาบาลแต่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้ผู้ที่ดูแลช่วยดูแลและกวดขันในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียกสอบผู้เสียหาย และผู้ถูกกล่าวหา เบื้องต้น ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเรียกสอบพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ และรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อหาข้อเท็จจริงและพร้อมกับให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พนง.สาวออฟฟิศ แจ้งความ-ร้องสื่อ ถูกเจ้าหน้าที่เวรเปลรพ. ทำอนาจาร หลังผ่าตัดเสร็จ
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 58 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.อิทธิญา สุดชา อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/2 ม.3 ต.องค์รักษ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง อาชีพพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ถูกเจ้าหน้าที่เวรเปล ของโรงพยาบาลประจำจังหวัด ทำอนาจาร ในขณะที่เข้าทำการรักษาตัว
เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 พ.ย.58 ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ประจำอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.อ่างทอง จากอาการไส้ติ่งอักเสบ และต้องทำการผ่าตัด จากนั้นเวลาประมาณ 20.00 น.ถูกส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.ประจำจังหวัด เพื่อทำการผ่าตัด เมื่อผ่าตัดเสร็จจะต้องย้ายออกจากห้องผ่าตัดและมีพนักงานเวรเปลมารับ ช่วงระหว่างนั้นยังมีสติดี และรู้สึกตัวดีเพียงแต่ร่างกายยังไม่ค่อยมีแรง เจ้าหน้าที่พยาบาลเรียกและแจ้งว่าจะย้ายออกจากห้องผ่าตัดและไปพักฟื้นที่ตึกผู้ป่วย หลังจากนั้นมีการย้ายเตียง จังหวะนั้นเอง เจ้าหน้าที่เวรเปลได้ทำอนาจาร โดยใช้มือจับบริเวณอวัยวะเพศตน ยืนยันได้ว่า เป็นการจงใจเพราะมีการลงน้ำหนักมือ ไม่ใช่เป็นการสัมผัสถูกโดยบังเอิญ
จากนั้นได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาลทราบ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้รับคำตอบว่า จะเรียกเจ้าหน้าที่เวรเปลที่ก่อเหตุ มาสอบถามและจะพาไปขอโทษ และมีการถามไถ่เวลาการทำงานว่าสะดวกวันไหนจะให้ผู้ที่ก่อเหตุไปพบและขอโทษ ตนได้ออกจาก รพ.เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 58 ที่ผ่านมา แต่ผ่านไป 2-3 วัน ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทางโรงพยาบาล จึงโทรไปสอบถามทางเจ้าหน้าที่พยาบาลที่รับเรื่องไว้ แต่ได้รับคำตอบว่า สอบถามแล้วแต่เจ้าหน้าที่เวรเปลแจ้งว่าไม่ได้ทำแล้วจะไปขอโทษได้อย่างไร และแจ้งว่า ทาง ผอ.จะให้ไปพบที่ รพ.และจะพาไปดูขั้นตอนการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งเห็นว่ามันคนละเรื่องกัน ไปดูก็ไม่เกิดประโยชน์ คนที่ก่อเหตุคงไม่มาทำให้เห็น จึงเข้าแจ้งความ ที่ สภ.เมืองอ่างทอง เมื่อวันที่ 17 พ.ย.58 เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ
น.ส.อิทธิญา กล่าวว่า ไม่ได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่ขอความเป็นธรรมในสิ่งที่เกิดขึ้นและให้เป็นตัวอย่างไม่อยากให้ผู้กระทำผิดไปทำกับผู้อื่น และสถานที่ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่รักษาพยาบาลแต่มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้ผู้ที่ดูแลช่วยดูแลและกวดขันในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด
ล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียกสอบผู้เสียหาย และผู้ถูกกล่าวหา เบื้องต้น ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเรียกสอบพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ และรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อหาข้อเท็จจริงและพร้อมกับให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป