**แชร์ประสบการณ์ ไปนอนโรงพยาบาลที่ไม่รู้จัก 'หนึ่งคืน' ในฐานะคนเฝ้า จริงๆ เคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่เพราะอยู่ลึก แถมสมัยนั้นเป็นเส้นทางที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านนักค่ะ
รพ.วัดญาณสังวราราม (ปัจจุบันมีการสร้างตึกใหม่แล้ว) ดังนั้นไม่น่าจะมีอะไรน่ากลัวมากแล้วค่ะ
ย้อนกลับไปสมัยเราประถม ช่วงประถมปลาย แม่เรามีลูกอีกคน วันนั้นน้องสาวเราป่วยหนัก ปกติแม่จะพาไปโรงพยาบาลประจำในตัวเมืองแต่ ณ เวลานั้น เกิดอะไรดลใจเขาสักอย่างค่ะ เลยเลือกไปที่นี่แทน ข้อแรกอาจจะเพราะระยะทางใกล้กว่า ส่วนตัวเราก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปเฝ้าน้องด้วย
ตอนที่ไปถึงก็ตกเย็น ใกล้มืดแล้ว หลังจากหาหมอ ตรวจร่างกายทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ได้ไปที่ตึกผู้ป่วย มีแค่สองชั้น ชั้นล่างจะเป็นเตียงรวม มีเตียงผู้ป่วยและเก้าอี้ สำหรับคนเฝ้าแค่ 1 เท่านั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีไม่เกิน 50 เตียง มีพยาบาลเคาน์เตอร์ประจำอยู่ค่ะ
ชั้นบน สามารถขึ้นลงได้ทางเดียวคือบันได ตรงกลางตึก ทรงอาคารแบบนี้น่าจะเห็นกันบ่อย เวลาไปอนามัยค่ะ อาคารทรงเดียวกันเลย ด้านบนก็จะเป็นห้องเดี่ยว 1-7 ห้อง หันหน้าออก มีทางเดินไปจนสุดทุกห้อง
แม่เรามองดูสภาพแวดล้อมคร่าวๆ ด้วยความที่ต้องการนอนเฝ้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เลยไม่คิดจะปักหลักอยู่ชั้นล่างค่ะ
แม่หันไปพูดกับพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงที่ไม่ได้เบา และไม่ได้ดังมาก
ว่าจะขึ้นไปนอนห้องพิเศษค่ะ ทันทีที่แม่พูดออกไปคนทั้งชั้นเงียบกริบ พร้อมมองมาที่พวกเราเป็นสายตาเดียวกัน แม่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเลยยืนคุยเรื่องค่าใช้จ่ายกับพยาบาล ส่วนเราก็ยืนดูปฏิกิริยาคนอื่นๆ
ว่าทำไมพวกเขาต้องดูตกใจแบบนั้น ก็แค่ขึ้นไปนอนห้องพิเศษเอง? อีกทั้งพยาบาลก็ยังถามย้ำอีกรอบด้วย แต่แม่ก็ยืนยันคำเดิม
เมื่อสงสัยตามประสาไปเรื่อย ไม่นานก็เลิกล้มไปเองค่ะ พยาบาลยิ้มแหยงๆ พร้อมพาขึ้นไปชั้นบน เรานอนห้องแรกจากทั้งหมด ภายในห้องก็ปกติดี มีเตียงเสริมสำหรับญาติ มีห้องน้ำเล็กๆ มีเตียงผู้ป่วย เก้าอี้ ทีวี
เราได้นอนที่พื้นค่ะ มีฟูกปูให้นอน กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เกือบ 2 ทุ่ม น้องก็นอนหลับไปแล้ว แม่กับเราแยกไปจัดการตัวเอง ล้างหน้าแปรงฟัน ทุกอย่างปกติจนกระทั่งเกือบ 4 ทุ่ม
แม่อยากได้ผ้าห่ม หรือของสักอย่างเพิ่มแต่ไม่รู้เพราะความเกรงใจพยาบาลหรืออะไร เขาเลยเอ่ยปากขอให้เราเดินลงไปเอามาให้
พอเห็นแบบน้น เราก็ตอบรับว่าจะรีบไปเอามาให้จบ จะได้แยกย้ายนอน วันนั้นทั้งเพลียและง่วงมาก แต่จังหวะที่เราบิดลูกบิดประตูออกไป ประตูเปิดออกไปทางขวา ยังไม่ทันเปิดกว้างเกิน 5 นิ้วด้วยซ้ำ ตาเราก็ดันไปเห็นอะไรสักอย่างวิ่งผ่านจากซ้ายไปทางขวา
จังหวะนั้นด้วยความตกใจ จึงดึงประตูปิดเข้ามาเหมือนเดิมช้าๆ
แล้วลองคิดภาพตาม ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แล้ววิ่งไปไหน ก็ในเมื่อทางขวามือ มันคือสุดขอบแล้ว สุดขอบระเบียง...แล้วนี่ ตอนนั้นไม่อยากพูดอะไรมากค่ะ เลยตัดสินใจเดินไปกดปุ่มสีแดง คุยกับพยาบาลแทนค่ะ
เขาก็เดินขึ้น เอาของมาให้
แม่เป็นบุคคลที่เข้าใจยากและไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติค่ะ เรากลับไปตื่นมาอีกครั้งเพราะเสียงแม่งัวเงีย บอกว่า
"ช่วยไปบอกข้างห้องให้หน่อย ว่าอย่าเลื่อนเตียงเสียงดัง"
พอเราได้ยินแบบนั้นเลยหันไปมองนาฬิกา เข็มชี้บอกเป็นเวลาเที่ยงคืนค่ะ เสียงข้างห้องก็ยังดังอยู่ แม่ก็ชอบหงุดหงิดเวลาตื่น เราเลยเดินสะลึมสะลือไปที่ประตู พอจะเปิดก็พลันนึกถึงสิ่งที่เคยเจอ
มันจะมีอีกไหมนะ คำถามตลกๆ ในหัวเกิดขึ้น มือก็ขยับบิดลูกบิดอีกครั้งภาพเหตุการณ์ซ้อนประหนึ่งเดจาวู เราใจร้อนปิดประตูเสียงดังพร้อมกระโดดโรยตัวมานอนบนฟูก
อย่างน้อย ก็อยู่ในห้อง ปลอดภัย
สามคำนี้ชัดเจนที่สุดค่ะ แม่เรากลับไปตอนไหนไม่รู้ เรากดสายหาพยาบาลด้านล่างอีกรอบค่ะ เราถามไปประมาณว่า ห้องด้านข้างเสียงดังมากเลย ยังไงพี่ช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหมคะ ปลายสายเงียบค่ะ ก่อนจะตอบกลับมาสั้นๆ แบบไม่ให้เราตั้งตัว
"ญาติคนไข้คะ ชั้นบน มีแค่ห้องเดียวที่มีคนอยู่นะคะ"
"แน่ใจนะคะว่าจะนอนห้องพิเศษ" เรื่องหลอน โรงพยาบาลกลางป่า
รพ.วัดญาณสังวราราม (ปัจจุบันมีการสร้างตึกใหม่แล้ว) ดังนั้นไม่น่าจะมีอะไรน่ากลัวมากแล้วค่ะ
ย้อนกลับไปสมัยเราประถม ช่วงประถมปลาย แม่เรามีลูกอีกคน วันนั้นน้องสาวเราป่วยหนัก ปกติแม่จะพาไปโรงพยาบาลประจำในตัวเมืองแต่ ณ เวลานั้น เกิดอะไรดลใจเขาสักอย่างค่ะ เลยเลือกไปที่นี่แทน ข้อแรกอาจจะเพราะระยะทางใกล้กว่า ส่วนตัวเราก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปเฝ้าน้องด้วย
ตอนที่ไปถึงก็ตกเย็น ใกล้มืดแล้ว หลังจากหาหมอ ตรวจร่างกายทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็ได้ไปที่ตึกผู้ป่วย มีแค่สองชั้น ชั้นล่างจะเป็นเตียงรวม มีเตียงผู้ป่วยและเก้าอี้ สำหรับคนเฝ้าแค่ 1 เท่านั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมีไม่เกิน 50 เตียง มีพยาบาลเคาน์เตอร์ประจำอยู่ค่ะ
ชั้นบน สามารถขึ้นลงได้ทางเดียวคือบันได ตรงกลางตึก ทรงอาคารแบบนี้น่าจะเห็นกันบ่อย เวลาไปอนามัยค่ะ อาคารทรงเดียวกันเลย ด้านบนก็จะเป็นห้องเดี่ยว 1-7 ห้อง หันหน้าออก มีทางเดินไปจนสุดทุกห้อง
แม่เรามองดูสภาพแวดล้อมคร่าวๆ ด้วยความที่ต้องการนอนเฝ้าอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เลยไม่คิดจะปักหลักอยู่ชั้นล่างค่ะ
แม่หันไปพูดกับพยาบาลที่อยู่ข้างๆ ด้วยเสียงที่ไม่ได้เบา และไม่ได้ดังมาก
ว่าจะขึ้นไปนอนห้องพิเศษค่ะ ทันทีที่แม่พูดออกไปคนทั้งชั้นเงียบกริบ พร้อมมองมาที่พวกเราเป็นสายตาเดียวกัน แม่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเลยยืนคุยเรื่องค่าใช้จ่ายกับพยาบาล ส่วนเราก็ยืนดูปฏิกิริยาคนอื่นๆ
ว่าทำไมพวกเขาต้องดูตกใจแบบนั้น ก็แค่ขึ้นไปนอนห้องพิเศษเอง? อีกทั้งพยาบาลก็ยังถามย้ำอีกรอบด้วย แต่แม่ก็ยืนยันคำเดิม
เมื่อสงสัยตามประสาไปเรื่อย ไม่นานก็เลิกล้มไปเองค่ะ พยาบาลยิ้มแหยงๆ พร้อมพาขึ้นไปชั้นบน เรานอนห้องแรกจากทั้งหมด ภายในห้องก็ปกติดี มีเตียงเสริมสำหรับญาติ มีห้องน้ำเล็กๆ มีเตียงผู้ป่วย เก้าอี้ ทีวี
เราได้นอนที่พื้นค่ะ มีฟูกปูให้นอน กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เกือบ 2 ทุ่ม น้องก็นอนหลับไปแล้ว แม่กับเราแยกไปจัดการตัวเอง ล้างหน้าแปรงฟัน ทุกอย่างปกติจนกระทั่งเกือบ 4 ทุ่ม
แม่อยากได้ผ้าห่ม หรือของสักอย่างเพิ่มแต่ไม่รู้เพราะความเกรงใจพยาบาลหรืออะไร เขาเลยเอ่ยปากขอให้เราเดินลงไปเอามาให้
พอเห็นแบบน้น เราก็ตอบรับว่าจะรีบไปเอามาให้จบ จะได้แยกย้ายนอน วันนั้นทั้งเพลียและง่วงมาก แต่จังหวะที่เราบิดลูกบิดประตูออกไป ประตูเปิดออกไปทางขวา ยังไม่ทันเปิดกว้างเกิน 5 นิ้วด้วยซ้ำ ตาเราก็ดันไปเห็นอะไรสักอย่างวิ่งผ่านจากซ้ายไปทางขวา
จังหวะนั้นด้วยความตกใจ จึงดึงประตูปิดเข้ามาเหมือนเดิมช้าๆ
แล้วลองคิดภาพตาม ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แล้ววิ่งไปไหน ก็ในเมื่อทางขวามือ มันคือสุดขอบแล้ว สุดขอบระเบียง...แล้วนี่ ตอนนั้นไม่อยากพูดอะไรมากค่ะ เลยตัดสินใจเดินไปกดปุ่มสีแดง คุยกับพยาบาลแทนค่ะ
เขาก็เดินขึ้น เอาของมาให้
แม่เป็นบุคคลที่เข้าใจยากและไม่มีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติค่ะ เรากลับไปตื่นมาอีกครั้งเพราะเสียงแม่งัวเงีย บอกว่า
"ช่วยไปบอกข้างห้องให้หน่อย ว่าอย่าเลื่อนเตียงเสียงดัง"
พอเราได้ยินแบบนั้นเลยหันไปมองนาฬิกา เข็มชี้บอกเป็นเวลาเที่ยงคืนค่ะ เสียงข้างห้องก็ยังดังอยู่ แม่ก็ชอบหงุดหงิดเวลาตื่น เราเลยเดินสะลึมสะลือไปที่ประตู พอจะเปิดก็พลันนึกถึงสิ่งที่เคยเจอ
มันจะมีอีกไหมนะ คำถามตลกๆ ในหัวเกิดขึ้น มือก็ขยับบิดลูกบิดอีกครั้งภาพเหตุการณ์ซ้อนประหนึ่งเดจาวู เราใจร้อนปิดประตูเสียงดังพร้อมกระโดดโรยตัวมานอนบนฟูก
อย่างน้อย ก็อยู่ในห้อง ปลอดภัย
สามคำนี้ชัดเจนที่สุดค่ะ แม่เรากลับไปตอนไหนไม่รู้ เรากดสายหาพยาบาลด้านล่างอีกรอบค่ะ เราถามไปประมาณว่า ห้องด้านข้างเสียงดังมากเลย ยังไงพี่ช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหมคะ ปลายสายเงียบค่ะ ก่อนจะตอบกลับมาสั้นๆ แบบไม่ให้เราตั้งตัว
"ญาติคนไข้คะ ชั้นบน มีแค่ห้องเดียวที่มีคนอยู่นะคะ"