บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/39506259
ท้ายบทที่แล้ว
สุดาตาเบิกโพลง หลุดอุทาน พอเห็นหน้าคนที่อยู่นอกห้อง
“ยายปาน!”
คนรับใช้เก่าแก่ของคฤหาสน์หลังนี้นั่นเอง ยายปานควรจะกลับไปเยี่ยมบ้าน เหมือนคนอื่น แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ สีหน้าแววตาของแกดูลี้ลับ น่าสะพรึงกลัว อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จ้องเขม็งมาอย่างน่ากลัว
.....
ไม่ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง !
สุดาใจหายวาบ
เธอเพิ่งคิดได้ว่า ยายปานความจริงตายไปแล้วตั้งปีกว่า คนใช้เก่าแก่ของตระกูลคุณเกริกไกร สดาลไพศาล แห่งคฤหาสน์ใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยความลี้ลับพิสดาร ยายปานตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่างานศพของแกจะจัดการแบบเงียบ ๆ ราวกับจะต้องการปิดบังการเสียชีวิต แทบไม่มีคนนอกมาร่วมงาน แต่สุดาก็จำได้ แต่ทำไมเวลานี้มายืนอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางของคนยังมีชีวิตตามปกติ ความขัดแย้งปะทุขึ้นมาในจิตใจทำให้สุดาถึงกับยืนตัวแข็งด้วยอาการเย็นวูบวาบไปทั่วไขสันหลัง แล้วขยายมาเกาะกุมความรู้สึกนึกคิดจนสะท้าน
คนหรือผี...
ไม่น่าสงสัยเลย ยายปานตายไปแล้ว
แล้วใครกันมายืนตรงหน้า
ก็ยายปานชัด ๆ ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้
สิ่งที่ผิดปกติของยายปานอย่างเดียวคือ สายตาของแกที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน พวงลูกกุญแจที่แกควงหมุนเล่นในมือ ต้องมีลูกกุญแจของห้องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงมีท่าทางเหนือกว่าอยู่ในที ยายปานคงอาศัยจังหวะ มาล็อกกุญแจห้องเอาไว้ ด้วยเจตนาบางอย่าง
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของยายปาน ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ในห้องมีร่างของคนตายนอนนิ่งบนเตียง แค่นี้ก็ทำให้สยองหัวใจแล้ว แถมด้วยนอกห้องมีคนตายไป แต่ยังมาปรากฏตัวยืนต่อหน้าต่อตา ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคงเป็นลมล้มพับไปเรียบร้อย แต่นี่เป็นสุดา หญิงแกร่ง ผู้เผชิญหน้ากับความสยองขวัญสั่นประสาทเขย่าความรู้สึกมานาน เคี่ยวเข็ญจนความรู้สึกแทบชาด้าน พร้อมจะสู้ยิบตาบ้าดีเดือด แลกกับอะไรก็ได้แบบสุดชีวิต
“ยายตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ” สุดารวบรวมสติให้มั่น จ้องหน้าถามเสียงเข้มอย่างระมัดระวังตัว ปืนลูกซองยาวในมือชี้ปลายกระบอกปืนเฉียงลงพื้น ยังไม่คิดจะยิงใคร จนกว่าจะรู้แน่แก่ใจเสียก่อน รอยยิ้มกระด้างเยาะเย้ยปรากฏให้เห็น พร้อมกับเสียงตอบ ดูไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย
“ตายไม่ตายไม่สำคัญหรอก แต่แกต้องตายในคืนนี้แน่นอน มาผิดเวลาผิดที่จริงนะแก ทำให้แผนการของท่านยุ่งยาก”
ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นมิตรหรือศัตรู คำตอบน่ากลัวของยายปานบอกจุดยืนของแกเป็นอย่างดี คำว่า ‘ท่าน’ ในความหมายของแก คงหมายถึง คุณเกริกไกร นั่นเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าหายหัวไปไหนแล้ว ส่วนยายปานเป็นผีหรือคน สุดาไม่สนใจอีกต่อไป ถ้าลองโผล่หน้าออกมาเป็นตัวเป็นตนตัวให้เห็น เธอก็พร้อมจะยิงถล่มด้วยปืนลูกซองยาว ถวายให้แบบแทบไม่ต้องคิดมาก นึกพลางขยับกระโจมมือของปืนดูเพื่อความแน่ใจ ว่ามีกระสุนอยู่ในรังเพลิง พร้อมกับสภาพการเหนี่ยวไก ยิงหัวผี หรือหัวคนก็ได้ ถ้าทะลึ่งโผล่ออกมาทักทายแบบประสงค๋ร้าย
“ว่าแต่ยายปานมาอยู่นี่ได้ยังไง” สุดาเลียบเคียงถาม หยั่งดูท่าทีของอีกฝ่ายไปในตัว
“ฉันอยู่นี่มาตั้งนาน ...นานก่อนแกจะมาอยู่เสียอีก”
“ยายจะทำอะไรกันแน่” หญิงสาวพยายามหาเรื่องคุยดูท่าที การเผชิญหน้ากับเรื่องสยองขวัญมามากมาย ทำให้จิตใจนิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
“ต้องการให้ท่านได้สมหวังเสียทียังไงละ กำลังจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว” จบคำพูดแบบกำกวมเย็นชา ยายปานก็ชูพวงกุญแจให้เห็นชัด ๆ พูดต่อไปว่า “แกมันตัวแสบ คิดหรือว่าฉันจะไม่รู้เรื่องของแก กับไอ้คนสวนนั่น แกมันนังงูพิษ เลี้ยงไม่เชื่อง คิดหรือว่าพวกเราไม่รู้ จะบอกให้นะ นอกจากแกแล้ว เจ้าชาติรูปหล่อของแก ก็ต้องโดนไปด้วย”
“แล้วยายปานจะเอายังไงกับฉันล่ะ” หญิงสาวยังคงถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้ตกใจกลัว กับความจริงที่ถูกเปิดเผย เรื่องมาถึงขั้นนี้ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกต่อไป
“แกก็ต้องอยู่ในห้องนี่ละ” แกยกพวงลูกกุญแจให้ดูเป็นขวัญตาอีกรอบ “ลูกกุญแจห้องอยู่กับฉัน แกไม่มีทางออกมาได้ เดี๋ยวก็ได้เรื่องเอง”
ฟังที่ยายปานพูด ทำให้หญิงสาวใจหายวาบ เมื่อเป็นไปอย่างที่สังหรณ์ใจเอาไว้ก่อน คนรับใช้ของตระกูลเก่าแก่ ต้องการขังเธอไว้กับศพประหลาด ด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่เดาไม่ออก สุดามองดูระยะห่างระหว่างยายปานกับประตู ไม่น่าเกินสามเมตร ถ้าลูกกุญแจหล่นแถวนั้น ก็อาจหาอะไรสักอย่างผูกปลายกระบอกปืน หาทางเขี่ยเอามาได้ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ ของแบบนี้ต้องวัดดวงกัน
“ส่งลูกกูญแจมาเดี๋ยวนี้นะยายปาน” สุดายกปืนในมือขึ้นเล็งทันที แต่ยายปานกลับหัวเราะลั่นอย่างน่ากลัว ท่าทางไม่เหมือนคนรับใช้ผู้เงียบขรึมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างที่เคยเห็นมาก่อน ถอยหลังไปอีกสองก้าว จ้องสายตาสวนทางปืนอย่างไม่หวั่นเกรง
“ยิงฉัน แกก็เอาลูกกุญแจไม่ได้ อย่าลืมสิว่า จากนี่ ไปถึงประตู มันไกลกว่าจะที่แกจะเอื้อมมือถึง ฉันอาจจะขว้างพวงกุญแจไปที่ไหนต่อไหนก็ได้ นังน่าโง่”
ฟังคำพูดแบบไม่เหลือความเป็นบ่าวในบ้านและนายหญิง ทำให้สุดารู้สึกเดือดขึ้นมาทันที ยิ้มดุ ๆ ก่อนนิ้วแตะไกปืน บอกกับคนรับใช้เก่าแก่เป็นครั้งสุดท้าย
“เรื่องลูกกุญแจ ไม่ต้องห่วง ฉันหาทางแก้ปัญหาเอง พูดจาโอหังดีนัก งั้นเอานี่ไปกินก็แล้วกัน”
พูดจบ หญิงสาวก็เหนี่ยวไกปืนลูกซองทันที เสียงปืนดังกึกก้องสะท้านสะเทือนแก้วหูแทบร้าว ยิงผ่านช่องว่างระหว่างลูกกรงเหล็กออกไปอย่างมั่นใจ ในระยะขนาดนี้ไม่มีทางพลาดเป้าหมาย จากการฝึกใช้ปืนมาอย่างชำนาญ จะเป็นผีหรือคนไม่สนใจ ถ้าลองปรากฏตัวให้เห็นได้ขนาดนี้ ก็ให้รู้กันไปข้างหนึ่ง การยิงปืนลูกซองยาวในสถานที่แคบอย่างห้องใต้ดิน ความสะใจไม่ได้อยู่ที่เสียงแตกสนั่น ประกายไฟ ควันปืนหรือแรงถีบของปืน แต่อยู่ที่การรับรู้ถึงพลังอำนาจของการยิงต่างหาก ให้ความรู้สึกหนักแน่นสะใจกับพลานุภาพของการยิง
ร่างของยายปานกระเด็นไปปะทะผนังด้านหลังตามแรงปะทะของลูกปืน ก่อนล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นทางเดิน ระยะห่างไม่กี่เมตร ลูกกระสุนทั้งกลุ่มถล่มเข้าเต็มหน้าอกขนาดนั้น รับรองนัดเดียวจอด ไม่มีทางรอดแน่นอน
ร่างผอมเล็กของคนรับใช้เก่าแก่ประจำตระกูลสดาลไพศาล ควรจะล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้นเลือดไหลนอง ทว่าสิ่งที่สุดามองเห็นกลับไม่ใช่ ยายปานดิ้นกระดุกสั่นไหว ไถแถไปมาบนพื้นทางเดินเป็นปลาถูกทุบหัว แขนขาเริ่มบิดงอผิดรูป ทำงานไม่สัมพันธ์กันคนละทิศคนละทาง ไม่มีเลือดปรากฏให้เห็น ชนิดไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ปากอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องลั่นแสบแก้วหู สลับกับเสียงสาปแช่งโหยหวน อากัปกิริยาไม่ผิดกับร่างของคุณเกริกไกร ผู้โดนแทงบนเตียงแม้แต่น้อย
ต่อให้กล้าบ้าบิ่นขนาดไหน สุดาก็ต้องยืนตะลึงกับภาพน่ากลัวเบื้องหน้า มือสั่นระริกร้าวของคนรับใช้เก่าแก่ ทำท่าจะพยายามเหวี่ยงพวงลูกกุญแจออกไปด้านข้าง สุดาใจหายวาบ ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าคนโดนยิงถล่มด้วยปืนลูกซองอย่างจังขนาดนั้น จะมีสติพละกำลัง ถึงขนาดจะเหวี่ยงพวงกุญแจให้หลุดลอยออกจากมือไปได้ แน่นอนว่าถ้ายายปานทำสำเร็จ โอกาสจะหาอุปกรณ์เขี่ยกลับมา คงยากมากขึ้นไปอีก
วินาทีนั้น ร่างของใครคนหนึ่งเซซวนออกมา จากมุมมองด้านข้างบริเวณทางเลี้ยว พร้อมด้วยไม้ยาวครึ่งเมตรขนาดท่อนแขน ตรงเข้ากระหน่ำฟาดเข้าที่ร่างของยายปานชนิดไม่นับ เหมือนโกรธแค้นกันมานาน ฟาด ฟาด ฟาด .. จนร่างของยายปานเพิ่มอาการดิ้นเร่า ๆ บนพื้นมากยิ่งขึ้น แต่มือยังกำพวงกุญแจแน่น กระทั่งถูกทุบฟาดอย่างหนักชนิดไม่นับ บริเวณข้อมือแตกยับแทบแหลกเหลว มือจึงคลายปล่อยพวงกุญแจ แต่ร่างของยายปานยังดิ้นรนตะเกียกตะกายอีกพักหนึ่งแบบกำลังเฮือกสุดท้ายจึงหยุดเคลื่อนไหว ร่างผู้มาใหม่ที่ลงมือจู่โจมเซไปพิงผนัง โยนไม้ในมือทิ้ง หอบหายใจจนตัวโยน ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อย
“ชาติ” สุดาหลุดปากร้องเสียงดังอย่างดีใจ เมื่อเห็นร่างของคนเข้ามาเล่นงานยายปานถนัดตา เป็นชาติ หนุ่มคนสวนจริง ๆ แม้จะยืนด้วยอาการเท้าซ้ายที่เห็นว่าหักคาตา แต่เวลานี้กลับดูท่าทางดีขึ้นมาก ดีกว่าหลังจากตกบันไดใหม่ ๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนั้นลุกขึ้นยืนไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
“ชาติ เธอมาอยู่นี่ได้ยังไง”
“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ” คนสวนหนุ่มปาดเหงื่อบนใบหน้า ยังไม่ยอมอธิบายอะไร เดินขาซ้ายกะเผลกหยิบลูกกุญแจขึ้นมา ไขประตูเปิดออก เมื่อมองเห็นร่างของคนนอนบนเตียงก็ชะงัก ไม่พูดอะไร ท่าทางของชาติเหมือนรู้ความลับอะไรบางอย่าง พอสุดาออกมาจากห้อง เขาก็รีบเปิดประตูล็อกเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เธอขาหัก แล้วออกมาเดินได้ยังไง” หญิงสาวถามซ้ำ ไม่ยอมให้เรื่องค้างคาใจ จ้องหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่ยอมเข้าใกล้ ท่าทางเดินขากะเผลกเมื่อครู่ ทำให้นึกถึงลักษณะการเดินของคุณเกริกไกรไม่ได้ มีลักษณะคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ ชวนให้คิดไปว่าอาจเป็นผีร้ายจำแลงมาก็อาจเป็นได้
“โธ่ พี่ดา นี่ผมตัวเสียงจริง” ดูเหมือนเขาจะเห็นความหวาดระแวงในสายตาของอีกฝ่าย ทรุดตัวลงนั่งพิงผนังอย่างหมดเรี่ยวแรง เงยหน้าขึ้นสบตาสาวรุ่นพี่อย่างไม่มีเลศนัยอะไร “ส่วนเรื่องขาของผม ว่าทำไมมันดีขึ้น พูดไปก็ยิ่งกว่าโกหก พี่จะเชื่อผมไหมล่ะครับ”
“ก็ลองว่ามาสิชาติ” สุดาพูดด้วยน้ำเสียงคลายความสงสัยลงไปหลายส่วน แต่ยังยืนถือปืนคุมเชิง อยู่ในระยะห่างพอสมควร เพื่อความไม่ประมาท
ชาติเล่าให้ฟังว่า ขณะที่นั่งบาดเจ็บอยู่ชั้นล่างหลังจากล้มกลิ้งลงมาจากชั้นบนขาเกี่ยวราวบันไดอย่างรุนแรงจนขาซ้ายหัก พอสุดาผละจากไป คุณเกริกไกรก็โผล่มาจากไหนไม่ทันสังเกต เดินขากะเผลกตรงเข้ามา เวลานั้นคนสวนหนุ่มคิดว่าตัวเองคงโดนเล่นงานจนตายแน่ แบบไม่มีทางต่อสู้ เพราะตัวเองลุกวิ่งหนีไม่ไหว ขาข้างที่หักส่งผลให้แทบหน้ามืดหมดสติเพราะความเจ็บปวด สู้ก็ไม่ได้ เพราะคุณเกริกไกรมาในสภาพสยองน่ากลัวและแข็งแรงของผีตายซาก แทบไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายมาก่อน นอกจากมือซ้ายขาดหายบริเวณข้อศอก ส่วนมือขวาเป็นปกติมีนิ้วครบ มาถึงก็จัดการคว้าร่างของชาติ ลากไปตามพื้นห้องด้วยเรี่ยวแรงผิดมนุษย์ จนมาถึงทางลับ ลากลงมาสู่ชั้นใต้ดินในที่สุด
จากนั้นเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ ก็ลากร่างของคนสวนหนุ่มเข้าไปในห้องหนึ่ง ซึ่งมียายปานยืนรออยู่ ในห้องมีแท่นพิธีทำด้วยไม้สองแท่นวางเรียงกัน ชาติหวาดกลัวแทบขาดใจ เมื่อเห็นยายปาน เพราะนึกรู้อยู่แก่ใจว่าแกตายไปแล้ว มีกลิ่นสมุนไพรกลิ่นเหม็นชวนอาเจียน ลอยกรุ่นเต็มห้อง พอได้กลิ่นทำให้สมองมึนงงเลื่อนลอยไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดบรรเทาเบาบางลง สองบ่าวนายลากร่างของคนสวนหนุ่ม ผู้หมดสภาพจนไร้ทางดิ้นรนหลบหนี ขึ้นไปนอนราบบนแท่นไม้ทางซ้ายมือ จากนั้นพากันเริ่มต้นจัดเตรียมพิธีกรรมนรกบางอย่าง
.
ความตายที่ไม่ยอมตาย 6...ความลับ
บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/39506259
ท้ายบทที่แล้ว
สุดาตาเบิกโพลง หลุดอุทาน พอเห็นหน้าคนที่อยู่นอกห้อง
“ยายปาน!”
คนรับใช้เก่าแก่ของคฤหาสน์หลังนี้นั่นเอง ยายปานควรจะกลับไปเยี่ยมบ้าน เหมือนคนอื่น แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ สีหน้าแววตาของแกดูลี้ลับ น่าสะพรึงกลัว อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จ้องเขม็งมาอย่างน่ากลัว
.....
ไม่ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง !
สุดาใจหายวาบ
เธอเพิ่งคิดได้ว่า ยายปานความจริงตายไปแล้วตั้งปีกว่า คนใช้เก่าแก่ของตระกูลคุณเกริกไกร สดาลไพศาล แห่งคฤหาสน์ใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยความลี้ลับพิสดาร ยายปานตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่างานศพของแกจะจัดการแบบเงียบ ๆ ราวกับจะต้องการปิดบังการเสียชีวิต แทบไม่มีคนนอกมาร่วมงาน แต่สุดาก็จำได้ แต่ทำไมเวลานี้มายืนอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางของคนยังมีชีวิตตามปกติ ความขัดแย้งปะทุขึ้นมาในจิตใจทำให้สุดาถึงกับยืนตัวแข็งด้วยอาการเย็นวูบวาบไปทั่วไขสันหลัง แล้วขยายมาเกาะกุมความรู้สึกนึกคิดจนสะท้าน
คนหรือผี...
ไม่น่าสงสัยเลย ยายปานตายไปแล้ว
แล้วใครกันมายืนตรงหน้า
ก็ยายปานชัด ๆ ไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้
สิ่งที่ผิดปกติของยายปานอย่างเดียวคือ สายตาของแกที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายหมายขวัญอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน พวงลูกกุญแจที่แกควงหมุนเล่นในมือ ต้องมีลูกกุญแจของห้องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงมีท่าทางเหนือกว่าอยู่ในที ยายปานคงอาศัยจังหวะ มาล็อกกุญแจห้องเอาไว้ ด้วยเจตนาบางอย่าง
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของยายปาน ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ในห้องมีร่างของคนตายนอนนิ่งบนเตียง แค่นี้ก็ทำให้สยองหัวใจแล้ว แถมด้วยนอกห้องมีคนตายไป แต่ยังมาปรากฏตัวยืนต่อหน้าต่อตา ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคงเป็นลมล้มพับไปเรียบร้อย แต่นี่เป็นสุดา หญิงแกร่ง ผู้เผชิญหน้ากับความสยองขวัญสั่นประสาทเขย่าความรู้สึกมานาน เคี่ยวเข็ญจนความรู้สึกแทบชาด้าน พร้อมจะสู้ยิบตาบ้าดีเดือด แลกกับอะไรก็ได้แบบสุดชีวิต
“ยายตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ” สุดารวบรวมสติให้มั่น จ้องหน้าถามเสียงเข้มอย่างระมัดระวังตัว ปืนลูกซองยาวในมือชี้ปลายกระบอกปืนเฉียงลงพื้น ยังไม่คิดจะยิงใคร จนกว่าจะรู้แน่แก่ใจเสียก่อน รอยยิ้มกระด้างเยาะเย้ยปรากฏให้เห็น พร้อมกับเสียงตอบ ดูไม่มีความเป็นมิตรเอาเสียเลย
“ตายไม่ตายไม่สำคัญหรอก แต่แกต้องตายในคืนนี้แน่นอน มาผิดเวลาผิดที่จริงนะแก ทำให้แผนการของท่านยุ่งยาก”
ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นมิตรหรือศัตรู คำตอบน่ากลัวของยายปานบอกจุดยืนของแกเป็นอย่างดี คำว่า ‘ท่าน’ ในความหมายของแก คงหมายถึง คุณเกริกไกร นั่นเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าหายหัวไปไหนแล้ว ส่วนยายปานเป็นผีหรือคน สุดาไม่สนใจอีกต่อไป ถ้าลองโผล่หน้าออกมาเป็นตัวเป็นตนตัวให้เห็น เธอก็พร้อมจะยิงถล่มด้วยปืนลูกซองยาว ถวายให้แบบแทบไม่ต้องคิดมาก นึกพลางขยับกระโจมมือของปืนดูเพื่อความแน่ใจ ว่ามีกระสุนอยู่ในรังเพลิง พร้อมกับสภาพการเหนี่ยวไก ยิงหัวผี หรือหัวคนก็ได้ ถ้าทะลึ่งโผล่ออกมาทักทายแบบประสงค๋ร้าย
“ว่าแต่ยายปานมาอยู่นี่ได้ยังไง” สุดาเลียบเคียงถาม หยั่งดูท่าทีของอีกฝ่ายไปในตัว
“ฉันอยู่นี่มาตั้งนาน ...นานก่อนแกจะมาอยู่เสียอีก”
“ยายจะทำอะไรกันแน่” หญิงสาวพยายามหาเรื่องคุยดูท่าที การเผชิญหน้ากับเรื่องสยองขวัญมามากมาย ทำให้จิตใจนิ่งสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
“ต้องการให้ท่านได้สมหวังเสียทียังไงละ กำลังจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว” จบคำพูดแบบกำกวมเย็นชา ยายปานก็ชูพวงกุญแจให้เห็นชัด ๆ พูดต่อไปว่า “แกมันตัวแสบ คิดหรือว่าฉันจะไม่รู้เรื่องของแก กับไอ้คนสวนนั่น แกมันนังงูพิษ เลี้ยงไม่เชื่อง คิดหรือว่าพวกเราไม่รู้ จะบอกให้นะ นอกจากแกแล้ว เจ้าชาติรูปหล่อของแก ก็ต้องโดนไปด้วย”
“แล้วยายปานจะเอายังไงกับฉันล่ะ” หญิงสาวยังคงถามด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้ตกใจกลัว กับความจริงที่ถูกเปิดเผย เรื่องมาถึงขั้นนี้ไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกต่อไป
“แกก็ต้องอยู่ในห้องนี่ละ” แกยกพวงลูกกุญแจให้ดูเป็นขวัญตาอีกรอบ “ลูกกุญแจห้องอยู่กับฉัน แกไม่มีทางออกมาได้ เดี๋ยวก็ได้เรื่องเอง”
ฟังที่ยายปานพูด ทำให้หญิงสาวใจหายวาบ เมื่อเป็นไปอย่างที่สังหรณ์ใจเอาไว้ก่อน คนรับใช้ของตระกูลเก่าแก่ ต้องการขังเธอไว้กับศพประหลาด ด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่เดาไม่ออก สุดามองดูระยะห่างระหว่างยายปานกับประตู ไม่น่าเกินสามเมตร ถ้าลูกกุญแจหล่นแถวนั้น ก็อาจหาอะไรสักอย่างผูกปลายกระบอกปืน หาทางเขี่ยเอามาได้ ส่วนจะได้หรือไม่ได้ ของแบบนี้ต้องวัดดวงกัน
“ส่งลูกกูญแจมาเดี๋ยวนี้นะยายปาน” สุดายกปืนในมือขึ้นเล็งทันที แต่ยายปานกลับหัวเราะลั่นอย่างน่ากลัว ท่าทางไม่เหมือนคนรับใช้ผู้เงียบขรึมเป็นผู้หลักผู้ใหญ่อย่างที่เคยเห็นมาก่อน ถอยหลังไปอีกสองก้าว จ้องสายตาสวนทางปืนอย่างไม่หวั่นเกรง
“ยิงฉัน แกก็เอาลูกกุญแจไม่ได้ อย่าลืมสิว่า จากนี่ ไปถึงประตู มันไกลกว่าจะที่แกจะเอื้อมมือถึง ฉันอาจจะขว้างพวงกุญแจไปที่ไหนต่อไหนก็ได้ นังน่าโง่”
ฟังคำพูดแบบไม่เหลือความเป็นบ่าวในบ้านและนายหญิง ทำให้สุดารู้สึกเดือดขึ้นมาทันที ยิ้มดุ ๆ ก่อนนิ้วแตะไกปืน บอกกับคนรับใช้เก่าแก่เป็นครั้งสุดท้าย
“เรื่องลูกกุญแจ ไม่ต้องห่วง ฉันหาทางแก้ปัญหาเอง พูดจาโอหังดีนัก งั้นเอานี่ไปกินก็แล้วกัน”
พูดจบ หญิงสาวก็เหนี่ยวไกปืนลูกซองทันที เสียงปืนดังกึกก้องสะท้านสะเทือนแก้วหูแทบร้าว ยิงผ่านช่องว่างระหว่างลูกกรงเหล็กออกไปอย่างมั่นใจ ในระยะขนาดนี้ไม่มีทางพลาดเป้าหมาย จากการฝึกใช้ปืนมาอย่างชำนาญ จะเป็นผีหรือคนไม่สนใจ ถ้าลองปรากฏตัวให้เห็นได้ขนาดนี้ ก็ให้รู้กันไปข้างหนึ่ง การยิงปืนลูกซองยาวในสถานที่แคบอย่างห้องใต้ดิน ความสะใจไม่ได้อยู่ที่เสียงแตกสนั่น ประกายไฟ ควันปืนหรือแรงถีบของปืน แต่อยู่ที่การรับรู้ถึงพลังอำนาจของการยิงต่างหาก ให้ความรู้สึกหนักแน่นสะใจกับพลานุภาพของการยิง
ร่างของยายปานกระเด็นไปปะทะผนังด้านหลังตามแรงปะทะของลูกปืน ก่อนล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นทางเดิน ระยะห่างไม่กี่เมตร ลูกกระสุนทั้งกลุ่มถล่มเข้าเต็มหน้าอกขนาดนั้น รับรองนัดเดียวจอด ไม่มีทางรอดแน่นอน
ร่างผอมเล็กของคนรับใช้เก่าแก่ประจำตระกูลสดาลไพศาล ควรจะล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้นเลือดไหลนอง ทว่าสิ่งที่สุดามองเห็นกลับไม่ใช่ ยายปานดิ้นกระดุกสั่นไหว ไถแถไปมาบนพื้นทางเดินเป็นปลาถูกทุบหัว แขนขาเริ่มบิดงอผิดรูป ทำงานไม่สัมพันธ์กันคนละทิศคนละทาง ไม่มีเลือดปรากฏให้เห็น ชนิดไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ ปากอ้ากว้าง เสียงกรีดร้องลั่นแสบแก้วหู สลับกับเสียงสาปแช่งโหยหวน อากัปกิริยาไม่ผิดกับร่างของคุณเกริกไกร ผู้โดนแทงบนเตียงแม้แต่น้อย
ต่อให้กล้าบ้าบิ่นขนาดไหน สุดาก็ต้องยืนตะลึงกับภาพน่ากลัวเบื้องหน้า มือสั่นระริกร้าวของคนรับใช้เก่าแก่ ทำท่าจะพยายามเหวี่ยงพวงลูกกุญแจออกไปด้านข้าง สุดาใจหายวาบ ทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าคนโดนยิงถล่มด้วยปืนลูกซองอย่างจังขนาดนั้น จะมีสติพละกำลัง ถึงขนาดจะเหวี่ยงพวงกุญแจให้หลุดลอยออกจากมือไปได้ แน่นอนว่าถ้ายายปานทำสำเร็จ โอกาสจะหาอุปกรณ์เขี่ยกลับมา คงยากมากขึ้นไปอีก
วินาทีนั้น ร่างของใครคนหนึ่งเซซวนออกมา จากมุมมองด้านข้างบริเวณทางเลี้ยว พร้อมด้วยไม้ยาวครึ่งเมตรขนาดท่อนแขน ตรงเข้ากระหน่ำฟาดเข้าที่ร่างของยายปานชนิดไม่นับ เหมือนโกรธแค้นกันมานาน ฟาด ฟาด ฟาด .. จนร่างของยายปานเพิ่มอาการดิ้นเร่า ๆ บนพื้นมากยิ่งขึ้น แต่มือยังกำพวงกุญแจแน่น กระทั่งถูกทุบฟาดอย่างหนักชนิดไม่นับ บริเวณข้อมือแตกยับแทบแหลกเหลว มือจึงคลายปล่อยพวงกุญแจ แต่ร่างของยายปานยังดิ้นรนตะเกียกตะกายอีกพักหนึ่งแบบกำลังเฮือกสุดท้ายจึงหยุดเคลื่อนไหว ร่างผู้มาใหม่ที่ลงมือจู่โจมเซไปพิงผนัง โยนไม้ในมือทิ้ง หอบหายใจจนตัวโยน ด้วยอาการเหน็ดเหนื่อย
“ชาติ” สุดาหลุดปากร้องเสียงดังอย่างดีใจ เมื่อเห็นร่างของคนเข้ามาเล่นงานยายปานถนัดตา เป็นชาติ หนุ่มคนสวนจริง ๆ แม้จะยืนด้วยอาการเท้าซ้ายที่เห็นว่าหักคาตา แต่เวลานี้กลับดูท่าทางดีขึ้นมาก ดีกว่าหลังจากตกบันไดใหม่ ๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนั้นลุกขึ้นยืนไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
“ชาติ เธอมาอยู่นี่ได้ยังไง”
“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ” คนสวนหนุ่มปาดเหงื่อบนใบหน้า ยังไม่ยอมอธิบายอะไร เดินขาซ้ายกะเผลกหยิบลูกกุญแจขึ้นมา ไขประตูเปิดออก เมื่อมองเห็นร่างของคนนอนบนเตียงก็ชะงัก ไม่พูดอะไร ท่าทางของชาติเหมือนรู้ความลับอะไรบางอย่าง พอสุดาออกมาจากห้อง เขาก็รีบเปิดประตูล็อกเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“เธอขาหัก แล้วออกมาเดินได้ยังไง” หญิงสาวถามซ้ำ ไม่ยอมให้เรื่องค้างคาใจ จ้องหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่ยอมเข้าใกล้ ท่าทางเดินขากะเผลกเมื่อครู่ ทำให้นึกถึงลักษณะการเดินของคุณเกริกไกรไม่ได้ มีลักษณะคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ ชวนให้คิดไปว่าอาจเป็นผีร้ายจำแลงมาก็อาจเป็นได้
“โธ่ พี่ดา นี่ผมตัวเสียงจริง” ดูเหมือนเขาจะเห็นความหวาดระแวงในสายตาของอีกฝ่าย ทรุดตัวลงนั่งพิงผนังอย่างหมดเรี่ยวแรง เงยหน้าขึ้นสบตาสาวรุ่นพี่อย่างไม่มีเลศนัยอะไร “ส่วนเรื่องขาของผม ว่าทำไมมันดีขึ้น พูดไปก็ยิ่งกว่าโกหก พี่จะเชื่อผมไหมล่ะครับ”
“ก็ลองว่ามาสิชาติ” สุดาพูดด้วยน้ำเสียงคลายความสงสัยลงไปหลายส่วน แต่ยังยืนถือปืนคุมเชิง อยู่ในระยะห่างพอสมควร เพื่อความไม่ประมาท
ชาติเล่าให้ฟังว่า ขณะที่นั่งบาดเจ็บอยู่ชั้นล่างหลังจากล้มกลิ้งลงมาจากชั้นบนขาเกี่ยวราวบันไดอย่างรุนแรงจนขาซ้ายหัก พอสุดาผละจากไป คุณเกริกไกรก็โผล่มาจากไหนไม่ทันสังเกต เดินขากะเผลกตรงเข้ามา เวลานั้นคนสวนหนุ่มคิดว่าตัวเองคงโดนเล่นงานจนตายแน่ แบบไม่มีทางต่อสู้ เพราะตัวเองลุกวิ่งหนีไม่ไหว ขาข้างที่หักส่งผลให้แทบหน้ามืดหมดสติเพราะความเจ็บปวด สู้ก็ไม่ได้ เพราะคุณเกริกไกรมาในสภาพสยองน่ากลัวและแข็งแรงของผีตายซาก แทบไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายมาก่อน นอกจากมือซ้ายขาดหายบริเวณข้อศอก ส่วนมือขวาเป็นปกติมีนิ้วครบ มาถึงก็จัดการคว้าร่างของชาติ ลากไปตามพื้นห้องด้วยเรี่ยวแรงผิดมนุษย์ จนมาถึงทางลับ ลากลงมาสู่ชั้นใต้ดินในที่สุด
จากนั้นเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ ก็ลากร่างของคนสวนหนุ่มเข้าไปในห้องหนึ่ง ซึ่งมียายปานยืนรออยู่ ในห้องมีแท่นพิธีทำด้วยไม้สองแท่นวางเรียงกัน ชาติหวาดกลัวแทบขาดใจ เมื่อเห็นยายปาน เพราะนึกรู้อยู่แก่ใจว่าแกตายไปแล้ว มีกลิ่นสมุนไพรกลิ่นเหม็นชวนอาเจียน ลอยกรุ่นเต็มห้อง พอได้กลิ่นทำให้สมองมึนงงเลื่อนลอยไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวดบรรเทาเบาบางลง สองบ่าวนายลากร่างของคนสวนหนุ่ม ผู้หมดสภาพจนไร้ทางดิ้นรนหลบหนี ขึ้นไปนอนราบบนแท่นไม้ทางซ้ายมือ จากนั้นพากันเริ่มต้นจัดเตรียมพิธีกรรมนรกบางอย่าง
.