นโยบายที่ดี..
ควรจะเป็นนโยบายที่มีการคิดคำนวณจากฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง ทันสมัย
มีการคิดคาดการณ์ถึงผลกระทบรอบด้านแบบบูรณาการ
มีความเป็นไปได้ ที่จะตอบสนองเป้าหมายที่วางเอาไว้ ในกรอบเวลาที่กำหนด
มีการตั้งสมมติฐานหลายๆ Scenario
และที่ขาดไม่ได้คือ Contingency plan เป็นแผนสำรอง
แต่นโยบายทุกนโยบาย ก็อาจมีข้อมูลใหม่ๆ
หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
จึงเป็นสิ่งที่สมเหตุผล และสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งมีข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ จากผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ
ยิ่งต้องรีบทบทวนอย่างเร่งด่วน
เมื่อพิจารณาท่าทีของรัฐบาลที่ผ่านมา..
ดูเหมือนเป็นนโยบายที่คิดมาอย่างขาดการบูรณาการเท่าที่ควรจะเป็น
การสัมภาษณ์ของคนในรัฐบาล บางประเด็น ก็ไม่สอดคล้องกัน
แถมยังเปลี่ยนแปลงได้รายวัน วันนี้พูดอย่าง อีกวันก็พูดอีกอย่าง
คล้ายกับพูดไป ทำไป..ไม่ตกผลึก
แต่ข้อวิจารณ์ทั้งหลาย..จะไม่เกิดขึ้น
หาก กกต.ไม่ปล่อยผ่านนโยบายที่ดูก้ำกึ่ง
ว่าจะเป็น..สัญญาว่าจะให้ ในการเลือกตั้ง
ซึ่งอาจจะเป็นตัวอย่างแก่พรรคการเมืองให้ทำบ้าง
ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป
และก็คงจะเป็นการแจกเงินที่มากกว่า ห้าแสนกว่าล้าน
อีกเป็นเท่าตัวขึ้นไป เข้าทำนองเบิ้ลทับกัน
หากเป็นอย่างนั้น..
กลุ่มนักวิชาการ คงต้องเหนื่อยออกมาทุกรอบ
หรือถอดใจ ทำใจเลิกยุ่งไปเลย
หากนโยบายนี้..ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงจริงในอนาคต
ใครควรจะเป็นคนที่ควรถูกประณามที่แท้จริง?..ระหว่าง
คนคิดนโยบายสิบพัน?
กกต.ที่ปล่อยผ่านนโยบายแบบนี้ให้หาเสียงได้?
พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค?
นายกฯ
กองเชียร์ ?...
แค่สงสัย..ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบนโยบายสิบพัน?
ควรจะเป็นนโยบายที่มีการคิดคำนวณจากฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง ทันสมัย
มีการคิดคาดการณ์ถึงผลกระทบรอบด้านแบบบูรณาการ
มีความเป็นไปได้ ที่จะตอบสนองเป้าหมายที่วางเอาไว้ ในกรอบเวลาที่กำหนด
มีการตั้งสมมติฐานหลายๆ Scenario
และที่ขาดไม่ได้คือ Contingency plan เป็นแผนสำรอง
แต่นโยบายทุกนโยบาย ก็อาจมีข้อมูลใหม่ๆ
หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
จึงเป็นสิ่งที่สมเหตุผล และสมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งมีข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ จากผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ
ยิ่งต้องรีบทบทวนอย่างเร่งด่วน
เมื่อพิจารณาท่าทีของรัฐบาลที่ผ่านมา..
ดูเหมือนเป็นนโยบายที่คิดมาอย่างขาดการบูรณาการเท่าที่ควรจะเป็น
การสัมภาษณ์ของคนในรัฐบาล บางประเด็น ก็ไม่สอดคล้องกัน
แถมยังเปลี่ยนแปลงได้รายวัน วันนี้พูดอย่าง อีกวันก็พูดอีกอย่าง
คล้ายกับพูดไป ทำไป..ไม่ตกผลึก
แต่ข้อวิจารณ์ทั้งหลาย..จะไม่เกิดขึ้น
หาก กกต.ไม่ปล่อยผ่านนโยบายที่ดูก้ำกึ่ง
ว่าจะเป็น..สัญญาว่าจะให้ ในการเลือกตั้ง
ซึ่งอาจจะเป็นตัวอย่างแก่พรรคการเมืองให้ทำบ้าง
ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป
และก็คงจะเป็นการแจกเงินที่มากกว่า ห้าแสนกว่าล้าน
อีกเป็นเท่าตัวขึ้นไป เข้าทำนองเบิ้ลทับกัน
หากเป็นอย่างนั้น..
กลุ่มนักวิชาการ คงต้องเหนื่อยออกมาทุกรอบ
หรือถอดใจ ทำใจเลิกยุ่งไปเลย
หากนโยบายนี้..ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงจริงในอนาคต
ใครควรจะเป็นคนที่ควรถูกประณามที่แท้จริง?..ระหว่าง
คนคิดนโยบายสิบพัน?
กกต.ที่ปล่อยผ่านนโยบายแบบนี้ให้หาเสียงได้?
พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค?
นายกฯ
กองเชียร์ ?...