ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รับรางวัล The Albies สาขาผู้ปกป้องประชาธิปไตย
https://prachatai.com/journal/2023/09/106130
 
 
(ซ้ายสุด) จอร์จ คลูนีย์ นักแสดง
(2 คนตรงกลาง) จูน–ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
และ แอน–ภาวิณี ชุมศรี ทนายความและผู้จัดการฝ่ายคดีความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
(ขวาสุด)  อามาล คลูนีย์ นักแสดงและทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
 
ที่มาภาพ: ทวิตเตอร์ ศูนย์ทนายฯ
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รับรางวัล The Albies สาขาผู้ปกป้องประชาธิปไตย จากมูลนิธิคลูนีย์เพื่อความยุติธรรม ในฐานะที่ศูนย์ทนายฯ เป็นองค์กรที่ปกป้องความยุติธรรมให้แก่บรรดานักเรียน นักกิจกรรมและนักข่าวที่ถูกจับกุมดำเนินคดีมากกว่าพันคน
 
29 ก.ย. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทวีตภาพพร้อมข้อความระบุว่า แมตต์ เดมอน, เอมิลี่ บลันท์, เมอรีล สตรีป, แอนน์ แฮทธาเวย์, และสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ร่วมแสดงความยินดีกับ “ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน” ในฐานะผู้รับรางวัล The Albies สาขาผู้ปกป้องประชาธิปไตย (JUSTICE FOR DEMOCRACY DEFENDERS) ประจำปี 2023 Clooney Foundation for Justice)
 
ในพิธีรับรางวัล ศูนย์ทนายฯ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ที่ยังมีประชาชนหลายพันคนถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ได้บอกเล่าเรื่องราวของทนายอานนท์ นำภา และเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีเกือบ 300 คน ในจำนวนนี้ ลูกความที่อายุน้อยที่สุดคือเด็กอายุ 12 ปี
 
“ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนคงไม่มีวันนี้ หากคนไทยไม่ได้ลุกขึ้นมาสู้กับรัฐเผด็จการที่ซ่อนตัวอยู่ในที่แจ้ง ในสถาบันตุลาการ ในกฎหมาย และในรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร เรายังต้องเดินทางกันไปอีกไกลเพื่อไปให้ถึงประชาธิปไตยที่แท้จริง การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมนั้นไม่เคยง่าย แต่เวลาย่ำรุ่งจะมาถึงเสมอการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าอยู่ในมือของเราเอง”
 
https://twitter.com/TLHR2014/status/1707644673018466784

---

 
พิธา-เดชรัต เลคเชอร์ น.ศ.ราชภัฏ เชียงใหม่ เจาะเบื้องหลัง 300 นโยบาย ทำชนะเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4206195

‘พิธา-เดชรัต’ บรรยายราชภัฏเชียงใหม่ แจงยิบ ที่มา 300 นโยบายเปลี่ยนประเทศ ชูสโลแกน “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” ทำชนะเลือกตั้ง
 
วันที่ 29 กันยายน ที่โรงแรมเมอร์เคียว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และนายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center ร่วมบรรยายในประเด็นทางวิชาการเกี่ยวกับนโยบายของพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ว่ามีกระบวนการกำหนดนโยบายอย่างไรบ้าง โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเข้าร่วมรับฟังกว่า 250 คน
 
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายเดชรัต สุขกำเนิด เริ่มบรรยายจากการเปิดเว็บไซต์ election66.moveforwardparty.org/policy เพื่อชี้ให้เห็นว่า พรรค ก.ก.มีนโยบายที่ใช้หาเสียงเลือกตั้งกว่า 300 นโยบาย ครอบคลุมในทุกภาคส่วนของสังคม เช่น ชุดนโยบายประชาธิปไตย สวัสดิการครบวงจร การกระจายอำนาจ ราชการเพื่อราษฎร เกษตรก้าวหน้า ปฏิวัติการศึกษา สิ่งแวดล้อมยั่งยืน และเศรษฐกิจเพื่อทุกคน เป็นต้น เพื่อชี้ให้เห็นว่ากว่าจะมาเป็นนโยบายที่ครอบคลุม ละเอียด และค้นหาได้ง่าย พร้อมทั้งมีการสื่อสารนโยบายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้พรรคก้าวไกลได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง
 
โดยการออกแบบนโยบายแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ 

1.การค้นหาประเด็นนโยบาย/ปัญหาในพื้นที่ 
2.การออกแบบรายละเอียดนโยบาย 
3.การทดสอบความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง 
และ 4.การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
 
การค้นหาประเด็นนโยบายหรือปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ ก็สามารถค้นคว้าได้จากหลายช่องทาง เช่น การค้นหาจากประชาชนในพื้นที่ (Primary) การค้นหาจากข่าวสาร ข้อเขียน งานวิจัยที่เคยมีอยู่แล้ว (Secondary) การค้นหาจากการนำเสนอของประชาชน (Crowdsourcing) และการค้นหาจากประสบการณ์และนโยบายต่างประเทศ
 
อย่างไรก็ตาม การกลั่นกรองนโยบายต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้รอบด้านควบคู่กันด้วย ได้แก่ 1.ความเป็นไปได้เชิงเทคนิค 2.ความเป็นไปได้ในทางการบริหาร/ทางกฎหมาย 3.ความเป็นไปได้ทางการเงิน 4.ความเป็นไปได้ทางการเมือง ตัวอย่างเช่น ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่ได้มีปัญหาในข้อ 1-3 เลย แต่ยังมีข้อติดขัดในข้อ 4 ความเป็นไปได้ทางการเมือง เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง มีวิถีชีวิต ความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกันและไม่เข้าใจนโยบายนี้ หน้าที่เราคือพยายามอธิบายว่านี่เป็นเรื่องของการดูแลกันด้วยพันธะทางกฎหมายให้คุ้มครองทุกคนเสมอภาคกัน แต่เรื่องรสนิยมและความเชื่อก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล หรือสมมุติว่าหากเราอยากแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 แล้วคิดอย่างสุดโต่ง ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง จะเอายานอวกาศมาดูดฝุ่นไปให้หมดจากโลก ก็เป็นไปไม่ได้ทั้ง 4 ข้อ เราก็เรียกนโยบายแบบนี้ว่ายูนิคอร์นในทุ่งลาเวนเดอร์
 
นายเดชรัตได้เปิดเผยตัวเลขสถิติเบื้องหลังการทำงานนโยบายพรรค ก.ก.ว่า ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เรามีบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับงานนโยบายถึง 200 คน มีทั้งคณะทำงานประจำ และคณะทำงาน อาสาสมัคร ที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ ทำหน้าที่สะท้อน ชี้เป้าปัญหาให้เราออกแบบเป็นนโยบาย มีการทำงานมากกว่า 4,200 ชั่วโมง มีการลงพื้นที่นับร้อยครั้ง รวมระยะทางอย่างน้อย 45,358 กิโลเมตร ทั่วประเทศ จนกลั่นกรองมาเป็น 300 นโยบาย “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” พรรค ก.ก.ได้สำเร็จ แต่ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นจากการสื่อสารนโยบายที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการอบกรมผู้ลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ของพรรค ก.ก. และแกนนำพรรคทุกคน ให้เข้าใจนโยบายทุกนโยบายอย่างถ่องแท้ มีการทำสมุดและเว็บไซต์ลงรายละเอียด 300 นโยบายโดยละเอียด เวลาไปขึ้นเวทีดีเบตนโยบายทุกครั้งก็ไม่มีใครตายเวที สามารถตอบได้เป็นทิศทางเดียวเหมือนกันหมด
 
“ที่สำคัญ เรามีการปิดจุดอ่อนที่คิดว่าจะถูกโจมตี เช่นความเป็นไปได้ทางการเงินของทุกนโยบายที่เรานำเสนอ โดยเฉพาะ ‘นโยบายสวัสดิการก้าวหน้าตั้งแต่เกิดจนตาย‘ เราจึงมีการเปิดเผยเบื้องหลังการคำนวณงบประมาณและแหล่งงบประมาณที่เราจะนำมาใช้ในโครงการสวัสดิการต่างๆ หาก ก.ก.เป็นรัฐบาลรวมกว่า 650,000 ล้านบาท มีเงินจ่าย ทำได้จริง ด้วยสารสื่อสารอินโฟกราฟิกให้ประชาชนเข้าใจง่าย และหากถูกสอบถามที่ไหนพวกเราทุกคนก็สามารถอธิบายให้กระจ่างได้ชัดเจน”
 
โดยตลอดการบรรยาย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักศึกษา โดยมีการถามตอบประเด็นรายละเอียดนโยบายต่างๆ ที่นักศึกษาสนใจ โดยชุดนโยบายที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ ชุดนโยบายกระจายอำนาจ ชุดนโยบายการศึกษา ชุดนโยบายสวัสดิการถ้วนหน้าและนโยบายคนทำงาน
ทั้งนี้ นายพิธามีกำหนดการร่วมกับ ส.ส.พรรค ก.ก. จัดเวที “ก้าวต่อไปเชียงใหม่ท้องถิ่น” ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม เทศบาลเมืองแม่เหียะ จ.เชียงใหม่ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป
 

---

สมชัย ชี้ก้าวไกล ได้อย่างเสียอย่าง ละครขับหมออ๋อง แต่คนดูเฮชอบใจ นางเอกเอาคืน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4205609

สมชัย ชี้ก้าวไกล ได้อย่างเสียอย่าง ละครขับหมออ๋อง แต่คนดูเฮชอบใจ นางเอกได้เอาคืน

เมื่อวันที่ 29 กันยายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก กรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก รองประธานสภา คนที่ 1 ถูกพรรคก้าวไกล มีมติขับพ้นจากสมาชิกภาพ ว่า 
 
ได้อย่าง เสียอย่าง พรรคก้าวไกล ได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่เสีย ส.ส. 1 คน หมออ๋อง ได้ตำแหน่งรองประธานสภา แต่เสียภาพว่า ขัดมติพรรค ส่วนพรรคที่รับหมออ๋อง ได้ ส.ส.เพิ่ม 1 คน และมี ส.ส.พรรค เป็น รองประธานสภา คนที่เคยเล่นละครมาก่อน เจอ คนเล่นละครบ้าง เลยหงุดหงิด คนดูที่เคยขุ่นข้องใจมานาน เพราะนางเอกถูกนางอิจฉากดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบมาตลอด วันนี้ ลุกขึ้นมาตบกลับบ้าง เสียงตบมือชอบใจ สะใจ เลยดังทั่วโรง
  
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02ffXek8zQkdjJxg3HVfRK4BHCYi6baiqePmi3kKSPDPjHaa819oYrQBDgs6dMB5VMl

---

‘เจ้าสัวบุญชัย’ วอนรัฐพิจารณาให้รอบด้าน ปรับค่าแรง 400 ดูผลกระทบภาคธุรกิจด้วย
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7891284

‘เจ้าสัวบุญชัย’ วอนรัฐพิจารณาให้รอบด้าน ปรับค่าแรง 400 ดูผลกระทบภาคธุรกิจด้านการผลิตด้วย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะเดือดร้อนเพราะใช้แรงงานมาก
 
29 ก.ย. 2566 – นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครือสหพัฒน์พร้อมให้ความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ในการลดราคาสินค้าในบางรายการเท่าที่ทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะมีสินค้าบางรายการที่ต้นทุนยังสูงขึ้น และปัจจุบันสินค้าส่วนใหญ่บริษัทไม่ได้ขึ้นราคามานานแล้ว แต่การลดราคาก็ยาก เพราะต้นทุนยังตึงตัวอยู่

การที่รัฐบาลลดค่าไฟ น้ำมันดีเซล เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของต้นทุน แต่คงไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การลดราคาสินค้าได้ แต่เราก็พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ
 
ส่วนค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลมีนโยบายจะปรับขึ้น 400 บาท ในปี 2567 ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ไม่ใช่เฉพาะสหพัฒน์ฯ แต่จะกระทบทั้งประเทศและรวมถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยด้วย การปรับขึ้นค่าแรงทำให้ประชาชนดีใจมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ต้องดูถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจด้านการผลิตด้วย

โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะเดือดร้อนเพราะใช้แรงงานมาก จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบด้านว่าควรจะปรับขึ้นเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม เพราะหากอนุมัติขึ้นค่าแรง จะทำให้ค่าแรงปรับขึ้นทั้งระบบ ไม่ใช่เฉพาะค่าแรงขั้นต่ำ เมื่อต้นทุนสูงขึ้นจะมีผลต่อเทรนด์ราคาสินค้าสูงขึ้นตามโดยธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นสินค้าควบคุม จะขึ้นต้องขออนุมัติจากกระทรวงพาณิชย์และค่อนข้างยาก
 
ขณะที่นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องมีการทบทวนรายละเอียดให้ดี ให้รอบด้าน ให้เฉพาะกลุ่มรากหญ้าที่เดือดร้อนจริง ๆ จะได้ประโยชน์มากกว่าเหวี่ยงแห่ให้กับคนจำนวนมาก ส่วนนโยบายวีซ่าฟรี นับว่าดี ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเราดีไปด้วย แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหนต้องมีการวัดผลต่อไปถึงผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร