ผู้ค้ารายย่อย-วินรับจ้างไม่ได้ประโยชน์ลดน้ำมัน,ไฟฟ้า ขอทำเศรษฐกิจดีช่วยภาพรวม
https://www.innnews.co.th/news/news_613800/
จากการสำรวจความเห็น ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างและประชาชนทั่วไป ที่ย่านเยาวราช ถึงมาตรการในการลดค่าไฟฟ้า และการปรับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทนั้น ผู้ ค้าร้านขายเกาลัด บอกว่า ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลส่วนนี้น้อยมาก เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่มีการใช้อยู่เป็นการจ่ายให้กับผู้ให้เช่าตึก ซึ่งก็ไม่ได้มีการปรับลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้เช่า ตามหน่วยที่รัฐบาลประกาศลดลง จึงอยากให้รัฐบาล เร่งฟื้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากกว่า และให้ผู้ประกอบการได้ประกอบกิจการเอง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวการค้าขายก็จะดีตามไปด้วยโดยรัฐบาลไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เม็ดเงินเข้ามาช่วยสนับสนุน
ในขณะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง บอกว่า การปรับลดราคาน้ำมันดีเซล ไม่ได้มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างน้อยลง เนื่องจากเป็นการใช้น้ำมันคนละประเภทกัน หากจะได้ประโยชน์ ต้องมีการปรับลดน้ำมันเบนซินด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่าน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่สูงของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง และในส่วนของการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าก็ไม่ได้เกิดประโยชน์โดยตรง เนื่องจากมีการเช่า ที่อยู่อาศัยและต้องจ่ายเงินให้กับผู้ให้เช่า ซึ่งก็ไม่ได้มีการปรับหน่วยในการคิดค่าไฟฟ้าลดลงตามที่รัฐบาลปรับลด
ไม่ต้องกังวลกับก้าวไกล “กรุณพล” เตือนคนเพื่อไทยไตร่ตรองก่อนพูด ระวังจะเสียคน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2725646
“เพชร กรุณพล” โต้กลับ “พร้อมพงศ์-อดิศร” แปลกใจทำไมต้องพรรคเป็นธรรม บอก ก้าวไกลอาจฝากเลี้ยง “หมออ๋อง” ไว้ที่พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทยก็ได้ เหน็บ ขนาดเพื่อไทยยังตระบัดสัตย์จับมือคนทำรัฐประหาร
วันที่ 16 กันยายน 2566 นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์กรณีที่ นาย
พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เรื่องข่าวพรรคเป็นธรรม ปลายทางฝากเลี้ยง นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ พ่วงคว้าผู้นำฝ่ายค้านด้วย ถ้าเป็นจริงตามข่าว ถือว่าเหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกตรงไปตรงมานั้น
นาย
กรุณพล เผยว่า สิ่งที่ นาย
พร้อมพงศ์ ระบุ น่าจะมาจากติดตามโซเชียลมีเดียมากเกินไป วิสัยทัศน์การมองจึงดูเลือนราง เชื่อข่าวลือ ก่อนที่จะมีข้อเท็จจริงเกิดขึ้น นาย
พร้อมพงศ์ ไม่ต้องกังวลกับพรรคก้าวไกล เพราะที่ผ่านมาคนที่เคยสัญญาจะไม่จับมือกับพรรคที่เป็นคนทำรัฐประหาร เขาตระบัดสัตย์ ไม่เห็นออกมาพูดที่กับข่าวลือเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ทำเป็นเดือดร้อนออกตัวแรง ระวังเสียผู้เสียคน
ส่วนกรณี นาย
อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปรัฐบาล ออกมาแต่งกลอนเล่นซ่อนหา นาย
กรุณพล แนะนำว่าให้ไปเรียนสัมผัสนอกสัมผัสใน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นขยะโซเชียล เพราะดูตื่นเต้นกับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลเสียเหลือเกิน นักการเมืองเก่าหายหน้าไปหลายปี แนะนำว่าเดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ใช้วิธีการเก่าๆ ระวังด้วย พูดอะไรชาวบ้านมีหลักฐาน ควรไตร่ตรองดีๆ ก่อนพูด เพราะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการการเมือง อย่าให้เด็กถอนหงอก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวลือเรื่องฝากเลี้ยง นาย
ปดิพัทธ์ ไปอยู่พรรคเป็นธรรม เพื่อให้ได้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน ตามกฎหมาย ทางพรรคก้าวไกล ตัดสินใจหรือยัง หรือต้องรอกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน นาย
กรุณพล กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือแกนนำแม้แต่คนเดียว รวมถึง สส.ด้วย เป็นความเห็นของประชาชน รวมถึงความเห็นของ นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งได้โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ตนจึงแปลกใจ เราเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพรรคเป็นธรรม และพรรคเป็นธรรมก็ไม่ได้เป็นนอมินีเรา แล้วทำไมถึงไปโฟกัสแค่พรรคเป็นธรรม
“
ความจริงเราอาจจะไปฝาก นายปดิพัทธ์ ไว้ที่พรรคพลังประชารัฐก็ได้ ขนาดพรรคเพื่อไทยยังไปจับมือพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติได้ แล้วทำไมเราจะไปฝากไว้ด้วยไม่ได้ ทำไมถึงมองพรรคเป็นธรรมพรรคเดียว พรรคไทยสร้างไทยก็มี หรือไม่เราก็ไปฝากพรรคภูมิใจไทยก็ได้ เราก็ต้องให้ความเป็นธรรม กับพรรคเป็นธรรมเขาด้วย”
ในช่วงท้าย นาย
กรุณพล ยังเผยด้วยว่า วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่พรรคก้าวไกลจะทำแบบนั้น นาย
ปดิพัทธ์ อาจไปตั้งพรรคใหม่เองคนเดียวก็ได้ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งมโน อย่าตัดสินจากความเชื่อของตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำคนหน้าแตก เสียผู้เสียคนมาเยอะแล้ว.
‘สุพิศาล’ย้ำหัวพรรคก้าวไกลคนใหม่ต้องมีคุณสมบัติ‘ผู้นำฝ่ายค้านเชิงรุก’
https://www.dailynews.co.th/news/2723236/
ไม่คืนเก้าอี้รองประธานสภาฯ ต้องถูกพรรคขับออกหาพรรคใหม่อยู่รอชัดเจน 23 ก.ย.นี้ เชื่อถ้าไปจริงชี้แจงประชาชนในพื้นที่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้ายังกลับมา‘ก้าวไกล’ได้อีก
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พล.ต.ต.
สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง กล่าวถึงกรณีนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ มาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีรายชื่อน.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล และนาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ ว่า ทั้งคู่เป็นรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ยังอยู่ในสภา และมีสิทธิ์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคได้ ถือเป็นผู้มีคุณสมบัติ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะเลือกอย่างไร ส่วนจำเป็นหรือไม่ว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะต้องมาจากรองหัวหน้าพรรคหรือเป็น สส.คนอื่นที่มีบทบาทโดดเด่นในสภาก็ได้นั้น โดยหลักการส่วนใหญ่เราจะเอาแกนนำที่อยู่ในสภามา และมีบทบาทในการทำงานมาก่อน อย่างตนเป็นผู้มีสิทธิ์ในการเลือก ตนก็จะเลือกคนที่คิดว่าอยู่ในช่วงเวลานี้เราจะใช้งานอะไร เลือกผู้ที่จะมาเป็นผู้นำเชิงรุก เราก็ต้องมีการวางกลยุทธ์ วางยุทธศาสตร์ เพื่อให้ สส.ได้ใช้เนื้อหาเรือคอนเท็นต์อะไรที่ฉลาดและเปิดแผลลึกๆ เพื่อใช้ในการอภิปรายในแต่ละครั้งได้ โดยต้องมีคุณสมบัติของผู้นำฝ่ายค้านในเชิงรุกที่เป็นนโยบายของพรรค
เมื่อถามถึงกรณีตำแหน่งของนาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต.
สุพิศาล กล่าวว่า หากนาย
ปดิพัทธ์ ต้องการจะอยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาฯ ก็ต้องออกจากพรรคไปและไปอยู่พรรคอื่น มันมีช่องทางไปอยู่แล้ว โดยจะต้องมีมติพรรคในการขับนายปดิพัทธ์ออกหากไม่คืนตำแหน่ง โดยต้องรอคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่พิจารณาในวันที่ 23 ก.ย.นี้
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยังต้องการให้นายปดิพัทธ์อยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่ พล.ต.ต.
สุพิศาล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรรมการบริหาร โดยหลักการเราต้องการสร้างความเจริญและการเปลี่ยนแปลงให้เกิดมากขึ้น ถ้านายปดิพัทธ์อยู่แล้วทำการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมโดยเฉพาะสภา ให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเวลานี้นาย
ปดิพัทธ์ก็มีแนวนโยบายในการเปิดพื้นที่สภาให้กับเยาวชน และให้ความเท่ากันและให้เกียรติกันของคนที่เข้ามาในพื้นที่สภา ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูล การติดตามงบประมาณและ พ.ร.บ.ต่างๆ ให้ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าและเข้าถึงได้ เพื่อให้รู้ว่าการออกกฎหมายแต่ละฉบับมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เป็นการเปิดข้อมูลการจัดทำกฎหมายต่างๆ ของสภาให้เป็นโอเพ่นดาต้ามากขึ้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานมากที่สุด โดยนาย
ปดิพัทธ์กำลังทำหน้าที่ของรองประธานสภาฯ ที่ได้รับมอบหมายจากประธานสภาฯ อย่างขะมักเขม้นและพยายามเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่าง
เมื่อถามหากนายปดิพัทธ์ย้ายไปอยู่พรรคอื่นเพื่อตำแหน่งรองประธานสภาฯ จะทำให้สูญเสียจุดยืนหรือไม่ เพราะชนะเลือกตั้งมาในนามพรรคก้าวไกล พล.ต.ต.
สุพิศาล กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น นาย
ปดิพัทธ์คงพูดคุยกับคนในพื้นที่ได้ เพราะการเลือกตั้งคราวหน้าก็สามารถกลับมาอยู่ในพรรคก้าวไกลได้อีก ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ตำแหน่งนี้มันเป็นเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง ว่าจะต้องไม่อยู่ในพรรคฝ่ายค้าน.
JJNY : ผู้ค้ารายย่อย-วินรับจ้างไม่ได้ประโยชน์│กรุณพลเตือนคนเพื่อไทย│‘สุพิศาล’ย้ำหน.ก้าวไกลคนใหม่│สหรัฐตั้งเป้าผลิตกระสุน
https://www.innnews.co.th/news/news_613800/
จากการสำรวจความเห็น ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างและประชาชนทั่วไป ที่ย่านเยาวราช ถึงมาตรการในการลดค่าไฟฟ้า และการปรับราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทนั้น ผู้ ค้าร้านขายเกาลัด บอกว่า ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลส่วนนี้น้อยมาก เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่มีการใช้อยู่เป็นการจ่ายให้กับผู้ให้เช่าตึก ซึ่งก็ไม่ได้มีการปรับลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้เช่า ตามหน่วยที่รัฐบาลประกาศลดลง จึงอยากให้รัฐบาล เร่งฟื้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวมากกว่า และให้ผู้ประกอบการได้ประกอบกิจการเอง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวการค้าขายก็จะดีตามไปด้วยโดยรัฐบาลไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เม็ดเงินเข้ามาช่วยสนับสนุน
ในขณะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง บอกว่า การปรับลดราคาน้ำมันดีเซล ไม่ได้มีผลทำให้ค่าใช้จ่ายของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างน้อยลง เนื่องจากเป็นการใช้น้ำมันคนละประเภทกัน หากจะได้ประโยชน์ ต้องมีการปรับลดน้ำมันเบนซินด้วย ซึ่งในแต่ละวันค่าน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่สูงของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง และในส่วนของการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าก็ไม่ได้เกิดประโยชน์โดยตรง เนื่องจากมีการเช่า ที่อยู่อาศัยและต้องจ่ายเงินให้กับผู้ให้เช่า ซึ่งก็ไม่ได้มีการปรับหน่วยในการคิดค่าไฟฟ้าลดลงตามที่รัฐบาลปรับลด
ไม่ต้องกังวลกับก้าวไกล “กรุณพล” เตือนคนเพื่อไทยไตร่ตรองก่อนพูด ระวังจะเสียคน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2725646
“เพชร กรุณพล” โต้กลับ “พร้อมพงศ์-อดิศร” แปลกใจทำไมต้องพรรคเป็นธรรม บอก ก้าวไกลอาจฝากเลี้ยง “หมออ๋อง” ไว้ที่พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ-ภูมิใจไทยก็ได้ เหน็บ ขนาดเพื่อไทยยังตระบัดสัตย์จับมือคนทำรัฐประหาร
วันที่ 16 กันยายน 2566 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เรื่องข่าวพรรคเป็นธรรม ปลายทางฝากเลี้ยง นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภาฯ พ่วงคว้าผู้นำฝ่ายค้านด้วย ถ้าเป็นจริงตามข่าว ถือว่าเหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกตรงไปตรงมานั้น
นายกรุณพล เผยว่า สิ่งที่ นายพร้อมพงศ์ ระบุ น่าจะมาจากติดตามโซเชียลมีเดียมากเกินไป วิสัยทัศน์การมองจึงดูเลือนราง เชื่อข่าวลือ ก่อนที่จะมีข้อเท็จจริงเกิดขึ้น นายพร้อมพงศ์ ไม่ต้องกังวลกับพรรคก้าวไกล เพราะที่ผ่านมาคนที่เคยสัญญาจะไม่จับมือกับพรรคที่เป็นคนทำรัฐประหาร เขาตระบัดสัตย์ ไม่เห็นออกมาพูดที่กับข่าวลือเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล ทำเป็นเดือดร้อนออกตัวแรง ระวังเสียผู้เสียคน
ส่วนกรณี นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปรัฐบาล ออกมาแต่งกลอนเล่นซ่อนหา นายกรุณพล แนะนำว่าให้ไปเรียนสัมผัสนอกสัมผัสใน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นขยะโซเชียล เพราะดูตื่นเต้นกับตำแหน่งประธานวิปรัฐบาลเสียเหลือเกิน นักการเมืองเก่าหายหน้าไปหลายปี แนะนำว่าเดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ใช้วิธีการเก่าๆ ระวังด้วย พูดอะไรชาวบ้านมีหลักฐาน ควรไตร่ตรองดีๆ ก่อนพูด เพราะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการการเมือง อย่าให้เด็กถอนหงอก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวลือเรื่องฝากเลี้ยง นายปดิพัทธ์ ไปอยู่พรรคเป็นธรรม เพื่อให้ได้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภาฯ และผู้นำฝ่ายค้าน ตามกฎหมาย ทางพรรคก้าวไกล ตัดสินใจหรือยัง หรือต้องรอกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก่อน นายกรุณพล กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลหรือแกนนำแม้แต่คนเดียว รวมถึง สส.ด้วย เป็นความเห็นของประชาชน รวมถึงความเห็นของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งได้โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ตนจึงแปลกใจ เราเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกับพรรคเป็นธรรม และพรรคเป็นธรรมก็ไม่ได้เป็นนอมินีเรา แล้วทำไมถึงไปโฟกัสแค่พรรคเป็นธรรม
“ความจริงเราอาจจะไปฝาก นายปดิพัทธ์ ไว้ที่พรรคพลังประชารัฐก็ได้ ขนาดพรรคเพื่อไทยยังไปจับมือพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติได้ แล้วทำไมเราจะไปฝากไว้ด้วยไม่ได้ ทำไมถึงมองพรรคเป็นธรรมพรรคเดียว พรรคไทยสร้างไทยก็มี หรือไม่เราก็ไปฝากพรรคภูมิใจไทยก็ได้ เราก็ต้องให้ความเป็นธรรม กับพรรคเป็นธรรมเขาด้วย”
ในช่วงท้าย นายกรุณพล ยังเผยด้วยว่า วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่พรรคก้าวไกลจะทำแบบนั้น นายปดิพัทธ์ อาจไปตั้งพรรคใหม่เองคนเดียวก็ได้ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งมโน อย่าตัดสินจากความเชื่อของตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำคนหน้าแตก เสียผู้เสียคนมาเยอะแล้ว.
‘สุพิศาล’ย้ำหัวพรรคก้าวไกลคนใหม่ต้องมีคุณสมบัติ‘ผู้นำฝ่ายค้านเชิงรุก’
https://www.dailynews.co.th/news/2723236/
ไม่คืนเก้าอี้รองประธานสภาฯ ต้องถูกพรรคขับออกหาพรรคใหม่อยู่รอชัดเจน 23 ก.ย.นี้ เชื่อถ้าไปจริงชี้แจงประชาชนในพื้นที่ได้ เลือกตั้งครั้งหน้ายังกลับมา‘ก้าวไกล’ได้อีก
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และที่ปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ มาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีรายชื่อน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ ว่า ทั้งคู่เป็นรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ยังอยู่ในสภา และมีสิทธิ์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคได้ ถือเป็นผู้มีคุณสมบัติ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะเลือกอย่างไร ส่วนจำเป็นหรือไม่ว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะต้องมาจากรองหัวหน้าพรรคหรือเป็น สส.คนอื่นที่มีบทบาทโดดเด่นในสภาก็ได้นั้น โดยหลักการส่วนใหญ่เราจะเอาแกนนำที่อยู่ในสภามา และมีบทบาทในการทำงานมาก่อน อย่างตนเป็นผู้มีสิทธิ์ในการเลือก ตนก็จะเลือกคนที่คิดว่าอยู่ในช่วงเวลานี้เราจะใช้งานอะไร เลือกผู้ที่จะมาเป็นผู้นำเชิงรุก เราก็ต้องมีการวางกลยุทธ์ วางยุทธศาสตร์ เพื่อให้ สส.ได้ใช้เนื้อหาเรือคอนเท็นต์อะไรที่ฉลาดและเปิดแผลลึกๆ เพื่อใช้ในการอภิปรายในแต่ละครั้งได้ โดยต้องมีคุณสมบัติของผู้นำฝ่ายค้านในเชิงรุกที่เป็นนโยบายของพรรค
เมื่อถามถึงกรณีตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า หากนายปดิพัทธ์ ต้องการจะอยู่ในตำแหน่งรองประธานสภาฯ ก็ต้องออกจากพรรคไปและไปอยู่พรรคอื่น มันมีช่องทางไปอยู่แล้ว โดยจะต้องมีมติพรรคในการขับนายปดิพัทธ์ออกหากไม่คืนตำแหน่ง โดยต้องรอคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่พิจารณาในวันที่ 23 ก.ย.นี้
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยังต้องการให้นายปดิพัทธ์อยู่ในตำแหน่งนี้หรือไม่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรรมการบริหาร โดยหลักการเราต้องการสร้างความเจริญและการเปลี่ยนแปลงให้เกิดมากขึ้น ถ้านายปดิพัทธ์อยู่แล้วทำการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมโดยเฉพาะสภา ให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ซึ่งเวลานี้นายปดิพัทธ์ก็มีแนวนโยบายในการเปิดพื้นที่สภาให้กับเยาวชน และให้ความเท่ากันและให้เกียรติกันของคนที่เข้ามาในพื้นที่สภา ตลอดจนการเปิดเผยข้อมูล การติดตามงบประมาณและ พ.ร.บ.ต่างๆ ให้ประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าและเข้าถึงได้ เพื่อให้รู้ว่าการออกกฎหมายแต่ละฉบับมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เป็นการเปิดข้อมูลการจัดทำกฎหมายต่างๆ ของสภาให้เป็นโอเพ่นดาต้ามากขึ้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำงานมากที่สุด โดยนายปดิพัทธ์กำลังทำหน้าที่ของรองประธานสภาฯ ที่ได้รับมอบหมายจากประธานสภาฯ อย่างขะมักเขม้นและพยายามเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่าง
เมื่อถามหากนายปดิพัทธ์ย้ายไปอยู่พรรคอื่นเพื่อตำแหน่งรองประธานสภาฯ จะทำให้สูญเสียจุดยืนหรือไม่ เพราะชนะเลือกตั้งมาในนามพรรคก้าวไกล พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น นายปดิพัทธ์คงพูดคุยกับคนในพื้นที่ได้ เพราะการเลือกตั้งคราวหน้าก็สามารถกลับมาอยู่ในพรรคก้าวไกลได้อีก ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่ตำแหน่งนี้มันเป็นเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง ว่าจะต้องไม่อยู่ในพรรคฝ่ายค้าน.