เหตุที่ตั้งกระทู้นี้เป็นเพราะสังเกตตัวเองว่าก่อนหน้านี้เมื่อมีสิ่งหรือปัจจัยภายนอกมากระทบจขกท.จะมีอารมณ์ความรู้สึกทันที (เช่น พอใจ ดีใจ โกรธ โมโห น้อยใจ)
แต่ระยะหลังๆเหมือนจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองคือมีสติขึ้น เริ่มหยุดมองเข้าไปในใจตัวเอง ไปดูที่ความรู้สึกในขณะนั้นๆว่ารู้สึกอะไรอย่างไร
พอเข้าไปดูก็พบว่าอารมณ์ที่รู้สึกคลายออกลดลงและจางหายไป
เข้าใจว่ากายกับจิตนั้นแยกกัน แต่ถ้าเรายังมีกายอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกหนีสิ่งที่มากระทบอายตนะทั้งหลาย แน่นอนว่ามันทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆนาๆ ทีนี้การจัดการรักษาจิตและใจให้เป็นปกติก็น่าจะเป็นการเจริญสติใช่หรือไม่อย่างไร
เห็นด้วยว่าการเจริญสติควรทำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ บางท่านบอกว่าการปฏิบัติธรรมหรือเจริญสติสามารถทำได้ทุกวันตั้งแต่ตื่นจนหลับโดยไม่ต้องไปเข้าคอร์สที่ไหน แต่เอาเข้าจริงการที่จะฝึกตนเองให้ได้อย่างนั้นในชีวิตจริงก็ไม่ง่าย (หรือยากสำหรับจขกท.คนเดียว)
สงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่ดำเนินชีวิตแบบเจริญสติได้ทันตลอด หรือใช้ชีวิตแบบเป็นปกติที่รู้และเข้าใจวางใจสิ่งที่มากระทบกายและจิตได้ทุกครั้ง คือหลายๆท่านก็แม่นยำในส่วนของภาคทฤษฎี อยากทราบว่าในทางปฏิบัติได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆมากน้อยขนาดไหน ถ้าใช้จริงๆนี่จขกท.คิดว่าฆราวาสคงแบบว่ายอดมนุษย์เลยล่ะ
จขกท.ไม่มีความรู้ทางทฤษฏีเกี่ยวกับธรรมะเลย เคยผ่านการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐานสี่มาบ้าง พยายามสื่อสารให้ชัดเจนที่สุดหวังว่าจะไม่สร้างความสับสนจนเกินไป
ขอบคุณล่วงหน้าที่กรุณาแลกเปลี่ยนความเห็นกันค่ะ
ทุกท่านคิดว่าได้เจริญสติและรู้เท่าทันจิตของตนในชีวิตประจำวันกันมากน้อยเพียงใด
แต่ระยะหลังๆเหมือนจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองคือมีสติขึ้น เริ่มหยุดมองเข้าไปในใจตัวเอง ไปดูที่ความรู้สึกในขณะนั้นๆว่ารู้สึกอะไรอย่างไร
พอเข้าไปดูก็พบว่าอารมณ์ที่รู้สึกคลายออกลดลงและจางหายไป
เข้าใจว่ากายกับจิตนั้นแยกกัน แต่ถ้าเรายังมีกายอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกหนีสิ่งที่มากระทบอายตนะทั้งหลาย แน่นอนว่ามันทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆนาๆ ทีนี้การจัดการรักษาจิตและใจให้เป็นปกติก็น่าจะเป็นการเจริญสติใช่หรือไม่อย่างไร
เห็นด้วยว่าการเจริญสติควรทำให้เป็นปกติในชีวิตประจำวัน เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ บางท่านบอกว่าการปฏิบัติธรรมหรือเจริญสติสามารถทำได้ทุกวันตั้งแต่ตื่นจนหลับโดยไม่ต้องไปเข้าคอร์สที่ไหน แต่เอาเข้าจริงการที่จะฝึกตนเองให้ได้อย่างนั้นในชีวิตจริงก็ไม่ง่าย (หรือยากสำหรับจขกท.คนเดียว)
สงสัยว่าจะมีสักกี่คนที่ดำเนินชีวิตแบบเจริญสติได้ทันตลอด หรือใช้ชีวิตแบบเป็นปกติที่รู้และเข้าใจวางใจสิ่งที่มากระทบกายและจิตได้ทุกครั้ง คือหลายๆท่านก็แม่นยำในส่วนของภาคทฤษฎี อยากทราบว่าในทางปฏิบัติได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆมากน้อยขนาดไหน ถ้าใช้จริงๆนี่จขกท.คิดว่าฆราวาสคงแบบว่ายอดมนุษย์เลยล่ะ
จขกท.ไม่มีความรู้ทางทฤษฏีเกี่ยวกับธรรมะเลย เคยผ่านการปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐานสี่มาบ้าง พยายามสื่อสารให้ชัดเจนที่สุดหวังว่าจะไม่สร้างความสับสนจนเกินไป
ขอบคุณล่วงหน้าที่กรุณาแลกเปลี่ยนความเห็นกันค่ะ