สมชัย เทียบชัดๆ นโยบาย ‘นายกฯนิด-ตู่’ ฉบับเศรษฐาคลุมเครือ ประยุทธ์ทำได้จริงไม่ถึง 30%
https://www.matichon.co.th/politics/news_4174233
สมชัย เทียบชัดๆ นโยบาย ‘นายกฯนิด-ตู่’ ฉบับเศรษฐายังคลุมเครือ แก้ รธน.ดูสิ้นหวัง ของประยุทธ์ฟีลแผนพัฒนาประเทศ ทำได้จริงไม่ถึง 30%
เมื่อวันที่ 11 กันยายน นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยทางเฟซบุ๊กถึงความแตกต่างในรายละเอียดนโยบาย 2 นายกรัฐมนตรี ระหว่าง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนที่ 29 และ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30
นาย
สมชัยระบุว่า
เมื่อคืนนั่งอ่านนโยบายเศรษฐาแล้วกลับไปอ่านนโยบายประยุทธ์ 2
มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง
1.ความยาวนโยบาย : เศรษฐายาว 14 หน้า ของประยุทธ์ 33 หน้า
2.การใช้เวลาในการจัดทำหลังจากวันได้รับเลือกเป็นนายกฯ จนถึงวันแถลงนโยบาย : เศรษฐา 21 วัน ประยุทธ์ 51 วัน
3.สไตล์การเขียน : เศรษฐาเป็นแบบพรรณนา แบ่งเป็น ระยะสั้น 5 เรื่อง ระยะกลางและยาว 3 กลุ่มเรื่อง โดยมีนโยบายเรื่องต่าง แทรกอยู่ ต้องไปอ่านจับประเด็นให้ได้ส่วนประยุทธ์เป็นแบบวิชาการ แบ่งหัวข้อ ระยะยาว 12 ข้อ ระยะสั้น 12 ข้อ ในแต่ละข้อแบ่งเป็นข้อย่อย .1 .2 .3 อ่านจับประเด็นได้ง่ายกว่า
4.เดาเรื่องคนเขียน : เศรษฐาน่าจะเป็นคนในพรรค หรือหากใช้คนของราชการ อาจเวลาน้อยเลยได้แค่นี้ ส่วนของประยุทธ์สภาพัฒน์เขียนให้ชัวร์
5.ความรู้สึกเมื่ออ่านแล้ว : เศรษฐาวนไปวนมา คลุมเครือ แต่มีความหวังในบางเรื่อง เช่น เรื่องเงิน 10,000 บาท ได้แน่ สิ้นหวังบางเรื่อง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ พูดอ้อมๆ แอ้มๆ การปฏิรูปกองทัพ พูดเรื่องไม่ใช่แก่นสาร
ของประยุทธ์อ่านแล้วเหมือนอ่านแผนพัฒนาประเทศ เขียนไปงั้นๆ พอครบระยะห้ามกลับไปอ่านอีก เพราะทำได้ไม่ถึง 30 เปอร์เซนต์
รอคำแถลงทางการที่จะเพิ่มความหวังประชาชนวันนี้ครับ
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02s8PcFFFG9rmwtPbygL7epK4jH8aazeqeJvbopsnoygyU1ZzmCASeKZrSefuohw2pl
ด่วน! สั่งเด้ง ผู้การนครปฐม -ผกก. เซ่นงานเลี้ยงบ้านกำนันนก
https://www.innnews.co.th/news/news_611108/
ด่วน! ผบช.ภ.7 สั่งเด้ง ผู้การนครปฐม -ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เข้ากรุ เซ่นงานเลี้ยงเลือดบ้านกำนันนก ยิงสารวัตรทางหลวงดับ
วันที่ 11 ก.ย.66 พล.ต.ท.
ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มีหนังสือคำสั่งที่ 626/2566 ให้ พล.ต.ต.
จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และพ.ต.อ.
ภูภณ ทัพเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐมปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7
โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (งานบริหาร) ที่รับผิดชอบ งานศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 มอบหมาย โดยให้อยู่ในการกำกับดูแลของ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (งานบริหาร) และให้ พล.ต.ต.
วัฒนา ยี่จีน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาราชการแทน ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม อีกหน้าที่หนึ่ง, พ.ต.อ.
พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม อีกหน้าที่หนึ่ง
ทั้งนี้ เนื่องจากกรณีเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน 2566 เกิดเหตุ นาย
ธนัญชัย หรือ
หน่อง หมั่นมาก ใช้อาวุงปืนยิง พ.ต.ต.
ศิวกร สายบัว สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต และ พ.ต.ท.
วศิน พันปี รองผู้กำกับการ2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ได้รับบาดเจ็บขณะที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในบ้านพักของ นาย
ประวีณ หรือ
นก จันทร์คล้าย กำนันตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สอบสวน ข้าราชการตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกนาย ต่อมามีข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐมถูกออกหมายจับ และต้องหาคดีอาญา
ประกอบกับปรากฎภาพตามสื่อสังคมออนไลน์และสำนักข่าวต่าง ๆ ได้มีการนำเสนอภาพ การจัดงานเลี้ยงของนาย
ประวีณ หรือ
นก จันทร์คล้าย ซึ่งปรากฎภาพข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมในงานเลี้ยงดังกล่าว
ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเชื่อว่าอาจมีข้าราชการตำรวจความสนิทสนมกับนาย
ประวีณ หรือ
นก จันทร์คล้าย และอาจทำให้สังคมขาดความเชื่อมั่นในทางกฎหมายและการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลัษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค7 เพื่อให้การสอบสวนคดีเกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพในการสอบสวนจึงมีคำสั่งดังกล่าว
อนึ่ง ข้าราชการตำรวจที่ถูกสั่งให้มาปฏิบัติราชการตามคำสั่งดังกล่าว มีสิทธิร้องทุกข์ต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.พ.ค.ตร. ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 147 และมาตรา 174 ประกอบ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการร้องทุกข์ พ.ศ.2547 ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2566 เป็นต้นไป
จับตาฟันด์โฟลว์ นักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ยังผันผวน ไม่แน่นอน กดดันเงินบาทอ่อนค่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4174165
จับตาฟันด์โฟลว์ นักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ยังผันผวน ไม่แน่นอน กดดันเงินบาทอ่อนค่า
เมื่อวันที่ 11 กันยายน นาย
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.55 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในกรอบ 35.49-35.65 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นมาบ้าง ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ (โดยรวมเงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway)
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ใกล้ทดสอบจุดสูงสุดในปีนี้ หลังตลาดปรับเพิ่มโอกาสธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสเฟดคงดอกเบี้ยได้นานขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ควรจับตา ไฮไลท์สำคัญ ทั้ง รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน และ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นาย
พูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่ามีโอกาสลุ้นเงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ หากตลาดลดโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อ กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง (ซึ่งอาจมาพร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ) อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงอยู่ โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงผันผวนและไม่แน่นอน นอกจากนี้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจยิ่งกดดันให้เงินหยวนจีน (CNY) อ่อนค่าต่อเนื่อง กระทบสกุลเงินฝั่งเอเชียได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น อาจยังได้แรงหนุนอยู่ หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด หรือ ECB คงอัตราดอกเบี้ยสวนทางกับคาดการณ์ตลาดและ/หรือ ECB อาจแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
“
ช่วงนี้ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งนโยบายการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นาย
พูนกล่าว
JJNY : สมชัย เทียบชัดๆ นโยบาย ‘นายกฯนิด-ตู่’│สั่งเด้ง ผู้การนครปฐม -ผกก.│จับตาฟันด์โฟลว์ ยังผันผวน│ไบเดนถกวิกฤต ศก.จีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4174233
สมชัย เทียบชัดๆ นโยบาย ‘นายกฯนิด-ตู่’ ฉบับเศรษฐายังคลุมเครือ แก้ รธน.ดูสิ้นหวัง ของประยุทธ์ฟีลแผนพัฒนาประเทศ ทำได้จริงไม่ถึง 30%
เมื่อวันที่ 11 กันยายน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยทางเฟซบุ๊กถึงความแตกต่างในรายละเอียดนโยบาย 2 นายกรัฐมนตรี ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯคนที่ 29 และ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯคนที่ 30
นายสมชัยระบุว่า
เมื่อคืนนั่งอ่านนโยบายเศรษฐาแล้วกลับไปอ่านนโยบายประยุทธ์ 2
มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง
1.ความยาวนโยบาย : เศรษฐายาว 14 หน้า ของประยุทธ์ 33 หน้า
2.การใช้เวลาในการจัดทำหลังจากวันได้รับเลือกเป็นนายกฯ จนถึงวันแถลงนโยบาย : เศรษฐา 21 วัน ประยุทธ์ 51 วัน
3.สไตล์การเขียน : เศรษฐาเป็นแบบพรรณนา แบ่งเป็น ระยะสั้น 5 เรื่อง ระยะกลางและยาว 3 กลุ่มเรื่อง โดยมีนโยบายเรื่องต่าง แทรกอยู่ ต้องไปอ่านจับประเด็นให้ได้ส่วนประยุทธ์เป็นแบบวิชาการ แบ่งหัวข้อ ระยะยาว 12 ข้อ ระยะสั้น 12 ข้อ ในแต่ละข้อแบ่งเป็นข้อย่อย .1 .2 .3 อ่านจับประเด็นได้ง่ายกว่า
4.เดาเรื่องคนเขียน : เศรษฐาน่าจะเป็นคนในพรรค หรือหากใช้คนของราชการ อาจเวลาน้อยเลยได้แค่นี้ ส่วนของประยุทธ์สภาพัฒน์เขียนให้ชัวร์
5.ความรู้สึกเมื่ออ่านแล้ว : เศรษฐาวนไปวนมา คลุมเครือ แต่มีความหวังในบางเรื่อง เช่น เรื่องเงิน 10,000 บาท ได้แน่ สิ้นหวังบางเรื่อง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ พูดอ้อมๆ แอ้มๆ การปฏิรูปกองทัพ พูดเรื่องไม่ใช่แก่นสาร
ของประยุทธ์อ่านแล้วเหมือนอ่านแผนพัฒนาประเทศ เขียนไปงั้นๆ พอครบระยะห้ามกลับไปอ่านอีก เพราะทำได้ไม่ถึง 30 เปอร์เซนต์
รอคำแถลงทางการที่จะเพิ่มความหวังประชาชนวันนี้ครับ
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02s8PcFFFG9rmwtPbygL7epK4jH8aazeqeJvbopsnoygyU1ZzmCASeKZrSefuohw2pl
ด่วน! สั่งเด้ง ผู้การนครปฐม -ผกก. เซ่นงานเลี้ยงบ้านกำนันนก
https://www.innnews.co.th/news/news_611108/
ด่วน! ผบช.ภ.7 สั่งเด้ง ผู้การนครปฐม -ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เข้ากรุ เซ่นงานเลี้ยงเลือดบ้านกำนันนก ยิงสารวัตรทางหลวงดับ
วันที่ 11 ก.ย.66 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 มีหนังสือคำสั่งที่ 626/2566 ให้ พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และพ.ต.อ. ภูภณ ทัพเจริญ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐมปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7
โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (งานบริหาร) ที่รับผิดชอบ งานศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 มอบหมาย โดยให้อยู่ในการกำกับดูแลของ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (งานบริหาร) และให้ พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รักษาราชการแทน ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม อีกหน้าที่หนึ่ง, พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม อีกหน้าที่หนึ่ง
ทั้งนี้ เนื่องจากกรณีเมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน 2566 เกิดเหตุ นายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก ใช้อาวุงปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับการ2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ได้รับบาดเจ็บขณะที่ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ภายในบ้านพักของ นายประวีณ หรือนก จันทร์คล้าย กำนันตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สอบสวน ข้าราชการตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกนาย ต่อมามีข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐมถูกออกหมายจับ และต้องหาคดีอาญา
ประกอบกับปรากฎภาพตามสื่อสังคมออนไลน์และสำนักข่าวต่าง ๆ ได้มีการนำเสนอภาพ การจัดงานเลี้ยงของนายประวีณ หรือนก จันทร์คล้าย ซึ่งปรากฎภาพข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมในงานเลี้ยงดังกล่าว
ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเชื่อว่าอาจมีข้าราชการตำรวจความสนิทสนมกับนายประวีณ หรือนก จันทร์คล้าย และอาจทำให้สังคมขาดความเชื่อมั่นในทางกฎหมายและการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ซึ่งมีผลกระทบต่อภาพลัษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค7 เพื่อให้การสอบสวนคดีเกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพในการสอบสวนจึงมีคำสั่งดังกล่าว
อนึ่ง ข้าราชการตำรวจที่ถูกสั่งให้มาปฏิบัติราชการตามคำสั่งดังกล่าว มีสิทธิร้องทุกข์ต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.พ.ค.ตร. ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 147 และมาตรา 174 ประกอบ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการร้องทุกข์ พ.ศ.2547 ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบเรื่องอันเป็นเหตุให้ร้องทุกข์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2566 เป็นต้นไป
จับตาฟันด์โฟลว์ นักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ยังผันผวน ไม่แน่นอน กดดันเงินบาทอ่อนค่า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4174165
จับตาฟันด์โฟลว์ นักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ยังผันผวน ไม่แน่นอน กดดันเงินบาทอ่อนค่า
เมื่อวันที่ 11 กันยายน นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.55 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.75 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในกรอบ 35.49-35.65 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก่อนที่เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นมาบ้าง ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ (โดยรวมเงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway)
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ใกล้ทดสอบจุดสูงสุดในปีนี้ หลังตลาดปรับเพิ่มโอกาสธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและโอกาสเฟดคงดอกเบี้ยได้นานขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ควรจับตา ไฮไลท์สำคัญ ทั้ง รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน และ ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท มองว่ามีโอกาสลุ้นเงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ หากตลาดลดโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อ กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง (ซึ่งอาจมาพร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ) อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงอยู่ โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงผันผวนและไม่แน่นอน นอกจากนี้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจยิ่งกดดันให้เงินหยวนจีน (CNY) อ่อนค่าต่อเนื่อง กระทบสกุลเงินฝั่งเอเชียได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น อาจยังได้แรงหนุนอยู่ หากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด หรือ ECB คงอัตราดอกเบี้ยสวนทางกับคาดการณ์ตลาดและ/หรือ ECB อาจแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น
“ช่วงนี้ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งนโยบายการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นายพูนกล่าว