"อาการปวดเมื่อยตามลำตัว คลื่นไส้อาเจียน ระบบย่อยอาหารผิดปกติ และหนาวสั่น" เป็นสัญญาณของภัยเงียบ “นิ่วในถุงน้ำดี” โรคที่เราอาจไม่รู้ตัวว่าเป็น เพราะไม่ค่อยแสดงอาการออกมาจนเราสามารถสังเกตได้ง่ายนัก แต่หากมีอาการอาจลุกลามไปจนถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยก็เป็นได้ เราจึงรวบรวมวิธีเพื่อป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ทำอย่างไรไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
โรคนี้เกิดได้จากการทำงานที่ผิดปกติภายในร่างกายได้ เกิดจากพฤติกรรมในชีวิตของเราได้ และยังเกิดจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวได้อีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าต่อให้พยายามดูแลตนเองมากแค่ไหน ก็อาจจะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยร่างกายของเราด้วยการดูแลตนเอง ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการทานยาที่มีผลต่อการควบคุมฮอร์โมน หากมีความจำเป็นต้องทานต้องไม่ให้นานเกินไป เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อถุงน้ำดี
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารที่มีกากใยอาหารต่ำ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- หลีกเลี่ยงวิธีการลดน้ำหนักที่รวดเร็วมากจนเกินไป สาเหตุเพราะว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลให้ร่างกายมีการหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะส่งผลให้ภายในร่างกายมีไตรกลีเซอไรด์สูง เป็นผลให้ถุงน้ำดีมีการบีบตัวน้อยลงกว่าปกติ
- พยายามดูแลน้ำหนักให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ หากปล่อยให้มีน้ำหนักมากเกินกว่ามาตรฐาน ร่างกายจะมีปริมาณของคอเลสเตอรอลมากขึ้นตามไปด้วย
- ไม่ควรข้ามมื้ออาหาร หรือลดมื้ออาหาร เนื่องจากการกระทำเหล่านี้มีผลต่อท่อน้ำดี ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารให้ตรงตามเวลาในทุก ๆ วัน
โรคนิ่วในถุงน้ำดีอาจเป็นโรคที่หลายคนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่าค่ารักษาโรคนี้นั้นมีจำนวนไม่น้อย เนื่องจากต้องรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ดังนั้นการดูแลตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติตามก่อนจะสายเกินไป
6 วิธี SAY NO นิ่วในถุงน้ำดี
ทำอย่างไรไม่ให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี
โรคนี้เกิดได้จากการทำงานที่ผิดปกติภายในร่างกายได้ เกิดจากพฤติกรรมในชีวิตของเราได้ และยังเกิดจากพันธุกรรมของคนในครอบครัวได้อีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าต่อให้พยายามดูแลตนเองมากแค่ไหน ก็อาจจะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่เราก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยร่างกายของเราด้วยการดูแลตนเอง ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการทานยาที่มีผลต่อการควบคุมฮอร์โมน หากมีความจำเป็นต้องทานต้องไม่ให้นานเกินไป เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อถุงน้ำดี
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารที่มีกากใยอาหารต่ำ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
- หลีกเลี่ยงวิธีการลดน้ำหนักที่รวดเร็วมากจนเกินไป สาเหตุเพราะว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลให้ร่างกายมีการหลั่งคอเลสเตอรอลออกมามากยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะส่งผลให้ภายในร่างกายมีไตรกลีเซอไรด์สูง เป็นผลให้ถุงน้ำดีมีการบีบตัวน้อยลงกว่าปกติ
- พยายามดูแลน้ำหนักให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ หากปล่อยให้มีน้ำหนักมากเกินกว่ามาตรฐาน ร่างกายจะมีปริมาณของคอเลสเตอรอลมากขึ้นตามไปด้วย
- ไม่ควรข้ามมื้ออาหาร หรือลดมื้ออาหาร เนื่องจากการกระทำเหล่านี้มีผลต่อท่อน้ำดี ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารให้ตรงตามเวลาในทุก ๆ วัน
โรคนิ่วในถุงน้ำดีอาจเป็นโรคที่หลายคนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่าค่ารักษาโรคนี้นั้นมีจำนวนไม่น้อย เนื่องจากต้องรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ดังนั้นการดูแลตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติตามก่อนจะสายเกินไป