ยังไม่ต้องพูดถึงปัญญายังไงก็ไม่ทันอารมณ์อกุศลที่เร็วและแรง เช่นความโกรธ
จิตเกิดดับไปตามวิถีจิต สิ่งที่จะดีงจิตให้ไปเสพอารมณ์ต่อนั้น สิ่งนั้นต้องมี กำลังมากกว่าจิต
ขณะมีอกุศลจิตไหลไปกับอารมณ์นั้น อารมณ์อกุศลกับจิตเป็นอันเดียวกันขณะนั้นถ้ามีสติมาดูจิตได้จะเห็นความไม่ตั้งมั่นของจิต ขาดกำลังสมาธิ ไม่มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่
ดังนั้นอย่างแรกเพื่อลดกำลังอกุศลตรงนี้ จึงต้องแยกและเห็นอารมณ์กับจิตรู้เป็นคนละส่วน อกุศลจะมีกำลังน้อยลงจะ ดับก็ดับได้งายขึ้น แต่จะแยกได้อย่างไรถ้าขณะนั้นกำลังสมาธิไม่มี จึงต้องมีสติ สมาธิรู้กาย รู้ใจอยู่เนืองๆ การมีสติสัมปชัญญะอยู่ จะเห็นอารมณ์อกุศลที่มันผุดขึ้นมาในจิต แล้วปรุงขึ้นมา จนใหญขึ้นมีกำลังมากขึ้น อารมณ์อื่นๆที่ดีงจิตไปก็มีลักษณะเช่นนี้ การมีสติ สมาธิรู้กายรู้ใจเนืองๆ จึงเป็นเหตุที่จิตใช้ทั้งป้องกันและแก้ปัญหา
มีสติสัมปชัญญะอยู่ เป็นเหตุใกล้สุด
จิตเกิดดับไปตามวิถีจิต สิ่งที่จะดีงจิตให้ไปเสพอารมณ์ต่อนั้น สิ่งนั้นต้องมี กำลังมากกว่าจิต
ขณะมีอกุศลจิตไหลไปกับอารมณ์นั้น อารมณ์อกุศลกับจิตเป็นอันเดียวกันขณะนั้นถ้ามีสติมาดูจิตได้จะเห็นความไม่ตั้งมั่นของจิต ขาดกำลังสมาธิ ไม่มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่
ดังนั้นอย่างแรกเพื่อลดกำลังอกุศลตรงนี้ จึงต้องแยกและเห็นอารมณ์กับจิตรู้เป็นคนละส่วน อกุศลจะมีกำลังน้อยลงจะ ดับก็ดับได้งายขึ้น แต่จะแยกได้อย่างไรถ้าขณะนั้นกำลังสมาธิไม่มี จึงต้องมีสติ สมาธิรู้กาย รู้ใจอยู่เนืองๆ การมีสติสัมปชัญญะอยู่ จะเห็นอารมณ์อกุศลที่มันผุดขึ้นมาในจิต แล้วปรุงขึ้นมา จนใหญขึ้นมีกำลังมากขึ้น อารมณ์อื่นๆที่ดีงจิตไปก็มีลักษณะเช่นนี้ การมีสติ สมาธิรู้กายรู้ใจเนืองๆ จึงเป็นเหตุที่จิตใช้ทั้งป้องกันและแก้ปัญหา