สื่อนอกจับตา ‘ทักษิณ’ กลับไทย วันเดียวกับโหวตเลือกนายกฯ ชี้การเมืองตึงเครียดอยู่แล้ว จะลุกเป็นไฟ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4136617
สื่อนอกจับตา ‘ทักษิณ’ กลับไทย วันเดียวกับโหวตเลือกนายกฯ ชี้การเมืองตึงเครียดอยู่แล้ว จะลุกเป็นไฟ
สื่อต่างประเทศอย่างสำนักข่าวเอเอฟพีและสำนักข่าวรอยเตอร์ ต่างรายงานข่าวการจะเดินทางกลับไทยของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ โดยอ้างตามคำโพสต์ของน.ส.
แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนาย
ทักษิณ และหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ได้โพสต์ลงสตอรีทางอินสตาแกรม บอกว่า วันอังคารที่ 22 สิงหาคม เวลา 09.00 น. จะไปรับบิดาที่สนามบินดอนเมือง
โดยเอเอฟพีระบุว่า นาย
ทักษิณ มหาเศรษฐี วัย 74 ปี ที่ถูกรัฐประหารยึดอำนาจไปในปี 2549 และลี้ภัยหนีคดีอยู่ในต่างประเทศมานาน 15 ปี จะเดินทางกลับไทยในวันเดียวกับที่รัฐสภาจะทำการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 ที่อาจจะยุติทางตันทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อมานาน 3 เดือนแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนาย
เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
เอเอฟพีระบุว่า การเดินทางกลับประเทศของนาย
ทักษิณ ที่ถือเป็นปีศาจในจินตนาการสำหรับฝ่ายที่สนับสนุนกองทัพนั้น จะทำให้สถานการณ์การเมืองไทยที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ลุกเป็นไฟ เอเอฟพียังอ้างความเห็นของนาย
ยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า มีข่าวลือมานานเกี่ยวกับการกลับมาของนาย
ทักษิณและยังไม่มีหลักประกันใดว่าจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งตนให้โอกาส 50-50 และว่า การกลับมาของนาย
ทักษิณในวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา อาจจะเอื้อต่อการโหวตสนับสนุนนาย
เศรษฐาในหมู่ส.ส. แต่ก็อาจสร้างความกังวลใจให้กับบรรดาสว.ได้
ด้านรอยเตอร์รายงานข่าวการเดินทางกลับไทยของนาย
ทักษิณในทำนองเดียวกัน โดยชี้ว่ามีขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานของไทยหลังจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่า นาย
ทักษิณจะต้องถูกจำคุกเมื่อเดินทางกลับมาถึง หลังจากที่เขาหลบหนีคดีไปที่ตนเองได้รับโทษจำคุกในคดีทุจริตในปี 2551 ซึ่งนาย
ทักษิณอ้างมีแรงจูงใจทางการเมือง
ก้าวไกล หาเสียงลต.ซ่อมระยอง-ขอปชช.ลงโทษคนทรยศ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_600682/
พรรคก้าวไกล หาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยอง หวังชนะ ขอประชาชนลงโทษคนทรยศ เมินคู่แข่ง ขณะ “พิธา”มา20สค.
บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงเขต 3 จังหวัดระยอง วันนี้ แกนนำพรรคก้าวไกลหลายคนลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับ นาย
พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร
สส.พรรคก้าวไกล เบอร์ 1 อาทิ นาย
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
โดยนาย
พิจารณ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อมธรรมดา แต่เป็นการประกาศให้สังคมไทยเห็นและประกาศว่า อยากเห็นพรรคการเมืองแบบไหนเข้าไปทำงาน เพื่อย้ำว่า คนที่จะเข้าไปต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
เช่นเดียวกับนาย
พงศธร ย้ำว่า ตลอดที่ลงพื้นที่หาเสียง ชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และเสียใจที่ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ทุกคะแนนเสียงในครั้งนี้ จะเป็นการสะท้อนว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ประชาชนอยากเห็นรัฐบาลที่เห็นหัวประชาชน เพื่อต้องการส่งเสียงว่า การกาก้าวไกล ไม่ใช่แค่เพื่อให้ “
พงศธร” เป็น สส. แต่เป็นการส่งเสียงของประชาชนว่า การทำงานการเมืองต้องตรงไปตรงมา รักษาคำพูด
เมื่อประชาชนให้คะแนนเสียงพรรคก้าวไกลเป็นอันดับ 1 ควรให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และให้นาย
พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนใครที่ไม่เห็นหัวประชาชน
ประชาชนจำได้ และจะลงโทษคนผู้นั้นเอง ทั้งนี้ ไม่กังวลผู้สมัครพรรคอื่นจะมีกี่คน เพราะจากการลงพื้นที่ ประชาชนอยากให้ก้าวไกลกลับมาทำงานอีกครั้ง
จึงอย่าล้อเล่นกับเสียงของประชาชน โดยมั่นใจว่า จะได้รับโอกาสจากประชาชนอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นาย
พิจารณ์ ย้ำถึงสถิติของการเลือกตั้งทั่วไป เขต 3 ที่ผ่านมา สส.พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากอันดับ 1 ถึง 2.9 หมื่นคะแนน และคะแนนปาร์ตี้ลิตส์เป็นอันดับ 1 เกือบ 50% ดังนั้น การเลือกซ่อมครั้งนี้ มีบัตรใบเดียว เชื่อว่าจะได้คะแนนแบบถล่มทลายแน่นอน แต่เราก็ไม่นิ่งนอนใจ เพราะการเลือกตั้งซ่อม คนจะออกมาใช้สิทธิ์น้อย จึงขอเชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด ส่วนการซื้อเสียงนั้น เชื่อว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของเสียงของประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะใช้เงินซื้ออย่างไร
ก็ไม่สามารถที่จะชนะเป็นอันอับ 1 แต่การทุ่มเททำงาน ความจริงใจ เดินเข้าหาประชาชนทุกวันมากกว่า ที่จะได้เสียงประชาชน จึงเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน โดยในวันพรุ่งนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็จามาลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเช่นกัน และจะมีการจัดทีมแกนนำ สส.ก้าวไดล สลับสับเปลี่ยนมาลงพื้นที่ต่อเนื่อง จนถึงช่วงโค้งสุดท้ายมีเวทีปราศรัยแน่นอน
โรงสี ชี้ข้าวปรับราคาขึ้นรอบ 15 ปี เหตุตลาดข้าวโลกปั่นป่วน มั่นใจไม่กระทบผู้บริโภค
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7822343
พิจิตร ผู้ประกอบการโรงสี ชี้ข้าวปรับราคาขึ้น 15 ปี เหตุตลาดข้าวโลกปั่นป่วน พ่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำสภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อย ผลผลิตข่วน้อย แต่มั่นใจไม่กระทบผู้บริโภค
19 ส.ค. 66 – นาย
บรรจง ตั้งกิจวัฒนกุล ประธานสภาอุตสาหกรรม เป็นเจ้าของธุรกิจโรงสีใหญ่ 3 แห่งของจังหวัดพิจิตร และเป็นอดีตอุปนายกสมาคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ ทางการประเทศอินเดียได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ห้ามส่งออกข้าวทุกชนิด ยกเว้นให้แค่เพียงข้าวบาสมาติ (Basmati Rice) ที่ยังส่งออกได้
ส่งผลให้ตลาดข้าวโลกปั่นป่วน เพราะอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก เมื่ออินเดียห้ามส่งออกข้าวย่อมส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวทั่วโลกลดลง ดันราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้สภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อย สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตข้าวของประเทศผู้ปลูกข้าว
นาย
บรรจง กล่าวอีกว่า เมื่อประเทศอินเดีย ซึ่ง เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 1 ไม่ส่งออก ทำให้ ประเทศไทย กลับมามีตลาดที่ดีขึ้นประเทศไทย เคยส่งออกสูงสุดถึง 10 ล้านตัน ขณะนี้เหลือในเกณฑ์ 8 ล้านตัน ซึ่งขณะน้ำทำนาน้อยลง เกษตรกร มีทุนน้อยลงใส่ปุ๋ยน้อยผลผลิตลดต่ำลง ทำให้ข้าวในโลกกระพื้มราคาสูงขึ้น ข้าวที่ขึ้นราคาเป็นข้าวเกรดกลางๆ ถือเป็นความโชคดีของชาวนาที่กำลังเก็บเกี่ยวอยู่ในขณะนี้
นาย
บรรจง กล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ที่ราคาข้าวเปลือกในประเทศที่ปรับตัวสูง ส่งผลต่อข้าวสารบรรจุถุงที่ผู้บริโภคต้องซื้อไปรับประทาน มีแนวโน้มที่จะปรับราคาขึ้น เพราะข้าวสารถือเป็นต้นทุนวัตถุดิบข้าวเพื่อมาสีแปรและบรรจุถุง ทำให้กระแสข่าวการปรับราคาข้าวถุงในช่วงสัปดาห์
ล่าสุดราคาข้าวเปลือกราคาเพิ่มขึ้นอีก โดยข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นมาตันละ 3,000-4,000 บาท โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้าขึ้นราคา 12,000-12,500 บาทต่อตัน บาทจากเดิม อยู่ที่ 7,000-8,000บาท ต่อตันข้าว หอมมะลิอยู่ที่ 15,000-16,900 บาทต่อตัน
นาย
บรรจง กล่าวอีกว่า ราคาข้าวขึ้นมาในปีนี้แต่ไม่เท่าปี 2544 ซึ่งขณะนั้นเคยได้ราคาข้าว 5 เปอร์ราคาข้าวเปลือก 14,000-15,000 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิ ได้ 20,000 บาทต่อตัน ซึ่งสมัยนั้น เป็น คุณ
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นรัฐมนตรี
แต่ช่วงนี้ถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ 10-15 ปี จะมีครั้ง ซึ่งการที่ข้าวเปลือกขึ้นราคาครั้งนี้นานเกินไป ข้าวที่ขึ้นราคานั้น ไม่มีผลกระทบกับผู้บริโภคมากนัก ขณะนี้คนบริโภคต่อเดินไม่เกิน 6โลดังนั้น คงต้องรอทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ที่เข้ามา แก้ปัญหาให้ดีขึ้นกว่านี้ราคาข้าว
JJNY : สื่อนอกจับตา‘ทักษิณ’กลับไทย│ก้าวไกลหาเสียงลต.ซ่อมระยอง│โรงสีชี้ข้าวปรับราคาขึ้นรอบ 15 ปี│มังคุดใต้ โดนล้งเล่นเกม
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4136617
สื่อนอกจับตา ‘ทักษิณ’ กลับไทย วันเดียวกับโหวตเลือกนายกฯ ชี้การเมืองตึงเครียดอยู่แล้ว จะลุกเป็นไฟ
สื่อต่างประเทศอย่างสำนักข่าวเอเอฟพีและสำนักข่าวรอยเตอร์ ต่างรายงานข่าวการจะเดินทางกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ โดยอ้างตามคำโพสต์ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ และหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ได้โพสต์ลงสตอรีทางอินสตาแกรม บอกว่า วันอังคารที่ 22 สิงหาคม เวลา 09.00 น. จะไปรับบิดาที่สนามบินดอนเมือง
โดยเอเอฟพีระบุว่า นายทักษิณ มหาเศรษฐี วัย 74 ปี ที่ถูกรัฐประหารยึดอำนาจไปในปี 2549 และลี้ภัยหนีคดีอยู่ในต่างประเทศมานาน 15 ปี จะเดินทางกลับไทยในวันเดียวกับที่รัฐสภาจะทำการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 ที่อาจจะยุติทางตันทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อมานาน 3 เดือนแล้ว ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี
เอเอฟพีระบุว่า การเดินทางกลับประเทศของนายทักษิณ ที่ถือเป็นปีศาจในจินตนาการสำหรับฝ่ายที่สนับสนุนกองทัพนั้น จะทำให้สถานการณ์การเมืองไทยที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ลุกเป็นไฟ เอเอฟพียังอ้างความเห็นของนายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า มีข่าวลือมานานเกี่ยวกับการกลับมาของนายทักษิณและยังไม่มีหลักประกันใดว่าจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งตนให้โอกาส 50-50 และว่า การกลับมาของนายทักษิณในวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา อาจจะเอื้อต่อการโหวตสนับสนุนนายเศรษฐาในหมู่ส.ส. แต่ก็อาจสร้างความกังวลใจให้กับบรรดาสว.ได้
ด้านรอยเตอร์รายงานข่าวการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณในทำนองเดียวกัน โดยชี้ว่ามีขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานานของไทยหลังจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกับระบุว่า นายทักษิณจะต้องถูกจำคุกเมื่อเดินทางกลับมาถึง หลังจากที่เขาหลบหนีคดีไปที่ตนเองได้รับโทษจำคุกในคดีทุจริตในปี 2551 ซึ่งนายทักษิณอ้างมีแรงจูงใจทางการเมือง
ก้าวไกล หาเสียงลต.ซ่อมระยอง-ขอปชช.ลงโทษคนทรยศ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_600682/
พรรคก้าวไกล หาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยอง หวังชนะ ขอประชาชนลงโทษคนทรยศ เมินคู่แข่ง ขณะ “พิธา”มา20สค.
บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงเขต 3 จังหวัดระยอง วันนี้ แกนนำพรรคก้าวไกลหลายคนลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับ นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร
สส.พรรคก้าวไกล เบอร์ 1 อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
โดยนายพิจารณ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่การเลือกตั้งซ่อมธรรมดา แต่เป็นการประกาศให้สังคมไทยเห็นและประกาศว่า อยากเห็นพรรคการเมืองแบบไหนเข้าไปทำงาน เพื่อย้ำว่า คนที่จะเข้าไปต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
เช่นเดียวกับนายพงศธร ย้ำว่า ตลอดที่ลงพื้นที่หาเสียง ชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากเห็นพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และเสียใจที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ทุกคะแนนเสียงในครั้งนี้ จะเป็นการสะท้อนว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ประชาชนอยากเห็นรัฐบาลที่เห็นหัวประชาชน เพื่อต้องการส่งเสียงว่า การกาก้าวไกล ไม่ใช่แค่เพื่อให้ “พงศธร” เป็น สส. แต่เป็นการส่งเสียงของประชาชนว่า การทำงานการเมืองต้องตรงไปตรงมา รักษาคำพูด
เมื่อประชาชนให้คะแนนเสียงพรรคก้าวไกลเป็นอันดับ 1 ควรให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนใครที่ไม่เห็นหัวประชาชน
ประชาชนจำได้ และจะลงโทษคนผู้นั้นเอง ทั้งนี้ ไม่กังวลผู้สมัครพรรคอื่นจะมีกี่คน เพราะจากการลงพื้นที่ ประชาชนอยากให้ก้าวไกลกลับมาทำงานอีกครั้ง
จึงอย่าล้อเล่นกับเสียงของประชาชน โดยมั่นใจว่า จะได้รับโอกาสจากประชาชนอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นายพิจารณ์ ย้ำถึงสถิติของการเลือกตั้งทั่วไป เขต 3 ที่ผ่านมา สส.พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากอันดับ 1 ถึง 2.9 หมื่นคะแนน และคะแนนปาร์ตี้ลิตส์เป็นอันดับ 1 เกือบ 50% ดังนั้น การเลือกซ่อมครั้งนี้ มีบัตรใบเดียว เชื่อว่าจะได้คะแนนแบบถล่มทลายแน่นอน แต่เราก็ไม่นิ่งนอนใจ เพราะการเลือกตั้งซ่อม คนจะออกมาใช้สิทธิ์น้อย จึงขอเชิญชวนให้ออกมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด ส่วนการซื้อเสียงนั้น เชื่อว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของเสียงของประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้ว ไม่ว่าจะใช้เงินซื้ออย่างไร
ก็ไม่สามารถที่จะชนะเป็นอันอับ 1 แต่การทุ่มเททำงาน ความจริงใจ เดินเข้าหาประชาชนทุกวันมากกว่า ที่จะได้เสียงประชาชน จึงเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน โดยในวันพรุ่งนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็จามาลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเช่นกัน และจะมีการจัดทีมแกนนำ สส.ก้าวไดล สลับสับเปลี่ยนมาลงพื้นที่ต่อเนื่อง จนถึงช่วงโค้งสุดท้ายมีเวทีปราศรัยแน่นอน
โรงสี ชี้ข้าวปรับราคาขึ้นรอบ 15 ปี เหตุตลาดข้าวโลกปั่นป่วน มั่นใจไม่กระทบผู้บริโภค
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7822343
พิจิตร ผู้ประกอบการโรงสี ชี้ข้าวปรับราคาขึ้น 15 ปี เหตุตลาดข้าวโลกปั่นป่วน พ่วงปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำสภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อย ผลผลิตข่วน้อย แต่มั่นใจไม่กระทบผู้บริโภค
19 ส.ค. 66 – นาย บรรจง ตั้งกิจวัฒนกุล ประธานสภาอุตสาหกรรม เป็นเจ้าของธุรกิจโรงสีใหญ่ 3 แห่งของจังหวัดพิจิตร และเป็นอดีตอุปนายกสมาคมโรงสีข้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากที่ ทางการประเทศอินเดียได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ห้ามส่งออกข้าวทุกชนิด ยกเว้นให้แค่เพียงข้าวบาสมาติ (Basmati Rice) ที่ยังส่งออกได้
ส่งผลให้ตลาดข้าวโลกปั่นป่วน เพราะอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก เมื่ออินเดียห้ามส่งออกข้าวย่อมส่งผลให้ปริมาณการส่งออกข้าวทั่วโลกลดลง ดันราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้สภาพอากาศแห้งแล้ง ฝนตกน้อย สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตข้าวของประเทศผู้ปลูกข้าว
นาย บรรจง กล่าวอีกว่า เมื่อประเทศอินเดีย ซึ่ง เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 1 ไม่ส่งออก ทำให้ ประเทศไทย กลับมามีตลาดที่ดีขึ้นประเทศไทย เคยส่งออกสูงสุดถึง 10 ล้านตัน ขณะนี้เหลือในเกณฑ์ 8 ล้านตัน ซึ่งขณะน้ำทำนาน้อยลง เกษตรกร มีทุนน้อยลงใส่ปุ๋ยน้อยผลผลิตลดต่ำลง ทำให้ข้าวในโลกกระพื้มราคาสูงขึ้น ข้าวที่ขึ้นราคาเป็นข้าวเกรดกลางๆ ถือเป็นความโชคดีของชาวนาที่กำลังเก็บเกี่ยวอยู่ในขณะนี้
นายบรรจง กล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ที่ราคาข้าวเปลือกในประเทศที่ปรับตัวสูง ส่งผลต่อข้าวสารบรรจุถุงที่ผู้บริโภคต้องซื้อไปรับประทาน มีแนวโน้มที่จะปรับราคาขึ้น เพราะข้าวสารถือเป็นต้นทุนวัตถุดิบข้าวเพื่อมาสีแปรและบรรจุถุง ทำให้กระแสข่าวการปรับราคาข้าวถุงในช่วงสัปดาห์
ล่าสุดราคาข้าวเปลือกราคาเพิ่มขึ้นอีก โดยข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นมาตันละ 3,000-4,000 บาท โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้าขึ้นราคา 12,000-12,500 บาทต่อตัน บาทจากเดิม อยู่ที่ 7,000-8,000บาท ต่อตันข้าว หอมมะลิอยู่ที่ 15,000-16,900 บาทต่อตัน
นายบรรจง กล่าวอีกว่า ราคาข้าวขึ้นมาในปีนี้แต่ไม่เท่าปี 2544 ซึ่งขณะนั้นเคยได้ราคาข้าว 5 เปอร์ราคาข้าวเปลือก 14,000-15,000 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิ ได้ 20,000 บาทต่อตัน ซึ่งสมัยนั้น เป็น คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ เป็นรัฐมนตรี
แต่ช่วงนี้ถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ 10-15 ปี จะมีครั้ง ซึ่งการที่ข้าวเปลือกขึ้นราคาครั้งนี้นานเกินไป ข้าวที่ขึ้นราคานั้น ไม่มีผลกระทบกับผู้บริโภคมากนัก ขณะนี้คนบริโภคต่อเดินไม่เกิน 6โลดังนั้น คงต้องรอทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ที่เข้ามา แก้ปัญหาให้ดีขึ้นกว่านี้ราคาข้าว