ห่วงราคาสินค้า-หนี้ครัวเรือน-ดอกเบี้ย กดตลาดค้าปลีกไม่ถึง 3.7 ล้านล้านบาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_4117710
ห่วงราคาสินค้า-หนี้ครัวเรือน-ดอกเบี้ย กดตลาดค้าปลีกไม่ถึง 3.7 ล้านล้านบาท
น.ส.
ชญานิศ สมสุข นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตราว 10% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภค โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท โดยกลุ่ม Store-based retailing (ธุรกิจค้าปลีกแบบมีหน้าร้าน) จะกลับมามีมูลค่าเท่าก่อนช่วงโรคระบาดในปี 2567 ส่วน Non-store retailing (ธุรกิจค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ครึ่งแรกของปี 2566 ธุรกิจค้าปลีกสามารถเพิ่มยอดขายจากนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาในประเทศมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ยังต้องระวัง อาทิ ราคาสินค้าและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีความเปราะบาง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านการเงินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีระดับการกู้ยืมสูง การอ่อนค่าของเงินบาทที่กระทบกลุ่มสินค้านำเข้า อี-คอมเมิร์ซ ยังเติบโตต่อเนื่องและมีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง แม้ชะลอตัวหลังจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับก่อนช่วงโรคระบาด เพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นจากความสะดวกสบาย โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ Marketplace retailers ที่มีสินค้าหลากหลาย ผู้ขายหลายราย ทำให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละร้านค้า นอกจากนี้ Buy Now Pay Later (BNPL) ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ยังมีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว อาจนำ BNPL มาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า หนุนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายของร้านค้าแต่ต้องระมัดระวังเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน
“
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญประเด็นอีเอสจี โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่ด้านสังคม ผู้ประกอบการมุ่งเน้นการสร้างอาชีพ ท่ามกลางการให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ในส่วนของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว อาทิ คนที่เกิดในยุคมิลเลนเนียลยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อสินค้าที่ยั่งยืน” น.ส.
ชญานิศกล่าว
นนท์ ส.ส.ก้าวไกล ชัดเจน เหนื่อยยากมา 2 ปี ไม่เอามือดีๆ ยกให้พวกนั้นแน่นอน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7803687
นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.ก้าวไกล ประกาศชัดเจน เดินทางมา 2 ปี เหนื่อยยากขนาดนี้ ไม่เอามือดีๆไปยกให้พวกนั้นแน่นอน
หลัง พรรคเพื่อไทย ประกาศจับมือกับ พรรคภูมิใจไทย ร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีสารตั้งต้น 212 เสียง ขณะเดียวกันมีเสียงเรียกร้องให้พรรคก้าวไกล ยกมือโหวตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.
อย่างไรก็ตามต่อเรื่องดังกล่าว นาย
นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี เขต 8 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก
Nont Pisarnlimjaroenkit – นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ระบุว่า
พี่น้องครับ!! ผมเดินทางมานี่ กว่า 2 ปี ไข้ขึ้นไม่มีเพราะแข็งแรงมาก เหนื่อยยากขนาดนี้ ผมจะไม่เอามือดีๆ ไปยกให้พวกแ-่งหรอก
ก่อนหน้านี้
นนท์ เคยออกมาระบุจุดยืนว่า โหวตเดียวที่ผมจะมอบให้ คือ โหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประสงค์ของประชาชนเท่านั้น
https://www.facebook.com/nontMFP/posts/613220997615244
"ศิธา" โพสต์เรื่อง "ดีลลับ" ของ "ลุง 2 คน" ชี้หากไทยเฉย จะต้องอยู่ใต้อำนาจต่อไป
https://siamrath.co.th/n/468057
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.66 น.ต.
ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนา และเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์เฟซบุ๊ก "
น.ต.ศิธา ทิวารี - Sita Divari" ระบุว่า
เรื่องของลุง 2คน…
คนที่1 #ลุงอยากกลับบ้าน
คุณลุงเชี่ยวชาญ เรื่องการปั้นนายกฯ
(ผมตามเชียร์ตลอด 4คนแล้ว เข้าทุกแมตช์)
คนที่2 #ลุงอยากเป็นนายก
แกช่ำชองเรื่องการเป่าคดี ให้เงียบหาย
(หรือลดเวลาให้ได้ นาฬิกาแกเยอะ)
ถ้าประชาชนปล่อยให้ 2ลุง #ดีลลับ ต่างตอบแทนกันเอง ทั้งคู่จะ Happy Ending คน1ได้กลับบ้าน คน1อาจได้เป็นนายก
ทั้งนายทุน, นักการเมือง, เผด็จการ และผู้หากินจากการสูบเงินงบประมาณภาครัฐ ต่างสมประโยชน์ Happy กันถ้วนหน้า
แต่ #ไทยพื้นบ้าน อย่างพวกเราๆ รวมถึง #ลูกหลานไทยในอนาคต มีแต่เสียประโยชน์
————
ถ้าเราทำตัวเป็น #ไทยเฉย ปล่อยให้เป็นแบบที่กล่าวข้างต้น พวกเราจะต้องอยู่ใต้อำนาจ หรือการบงการของลุงกันต่อไป อาจเป็น 4ปี 8ปี 16ปี ไม่มีใครทราบ
จนในที่สุดประเทศไทยจะถูกสูบสิ่งดีๆ จนไม่เหลืออะไรที่มีค่าเพียงพอ ที่จะส่งต่อให้ลูกหลานอีกต่อไป
ทั้งๆที่รออีกไม่เกิน 10เดือน สว.หมดวาระ พวกเราก็จะขุดรากถอนโคน ให้เผด็จการสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย กันได้อยู่แล้ว
***มันเหลืออีกแค่นิดเดียวจริงๆ***
————
เราต้องสนับสนุนให้ทั้ง 2ลุง ได้กลับบ้านไปเลี้ยงหลานกันทั้งคู่ หลีกไปให้ไกลการเมือง
ลุงคนแรก อดีตนายก #ทักษิณ คุณลุงไม่ได้เป็นผู้ร้ายหนีคดี อย่างที่สลิ่มพยายามป้ายสี แต่คุณลุงคือ #ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ไม่ยอมรับการพิจารณาคดี 2มาตรฐาน อันเกิดจากผลพวงของการรัฐประหาร ผ่าน คตส. และองค์กรอิสระ ที่เผด็จการตั้งคนของตัวเองเข้าไปควบคุมบงการ จนเกิดเป็น #กระบวนการยุติความเป็นธรรม ในไทย
การสนับสนุนลุงโทนี่ ให้ได้กลับบ้านเลี้ยงหลาน ต้องเปิดโอกาสให้คุณลุงได้รับความ #เป็นธรรม อย่างแท้จริง ด้วยการทำกระบวนการยุติธรรมให้โปร่งใส โดยการออกกฎหมายให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางคดีจากการรัฐประหาร สามารถยื่นอุทธรณ์ให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยใช้กระบวนการ 3ศาลตามมาตรฐานสากล
ลุงท่านนึ้ ก็จะได้กลับบ้านมาสู้คดีอย่างเป็นธรรม โดยการอนุญาตให้ประกันตัว อยู่ที่การพิจารณาของศาล ตามกระบวนการปกติ
————
ลุงคนที่2 ใช้ #ใจบันดาลแรง ขับเคลื่อน #ความอยาก เป็นนายกฯ ตามลูกยุจากลิ่วล้อและนายทุน ที่หวังประโยชน์จากการเกาะกินงบประมาณประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาขออะไรแกก็ให้หมด เมื่อโดนลูกยุมากเข้า จึงอยากจะสำเร็จดังหวัง ได้เป็นนายกสักครั้งในบั้นปลายชีวิต
การสนับสนุนลุงคนนี้ ให้ได้กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ทำได้ด้วยการจับมือกันของ 2พรรคใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตย #เพื่อไทย และ #ก้าวไกล แพ็คกันเป็น 292เสียง ++
***ผมจึงได้เสนอให้ทำ #AdvanceMOU 2พรรคทำสัญญาจับมือกันให้แน่น จะเป็นเกราะเหล็กชนิดเดียว ที่จะป้องกันเผด็จการ ไม่ให้หวนกลับมาทำร้ายประเทศไทยได้อีก***
————
พวกเราต้องส่งสัญญาณถึงนักการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหาร #พรรคเพื่อไทย
“เหลืออีกนิดเดียว ประชาชนที่รัก ประชาธิปไตย เรากำลังจะชนะอยู่แล้ว”
#ความอยาก ของนักการเมือง
ต้องไม่อยู่เหนือ #เจตนารมณ์ของประชาชน
————
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะกล่าวคือ ผมมีความเชื่อมั่นว่า อดีตนายกทักษิณจะกลับบ้านได้ ต้องกลับมาแบบที่ประชาชนสนับสนุนและชื่นชม แห่กันไปต้อนรับถึงสนามบิน ผมคนนึงที่อยากไปต้อนรับท่านด้วยความยินดีถึงที่
ไม่ใช่กลับมาด้วยกระบวนการที่ผู้บริหาร #เพื่อไทย กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน จนคนแห่กันไปโห่ขับไล่ แบบที่เกิดขึ้น ณ ที่ทำการพรรคฯ ในทุกวันนี้
————
รวมกันเถิด #เพื่อไทย+ก้าวไกล292เสียง
ประชาชนไม่ได้เลือกท่านมา เพื่อให้ไปเป็นนั่งร้านให้เผด็จการสืบทอดอำนาจ
สู้เพื่อประชาธิปไตย ตามเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนน แล้วประชาชนจะเป็น #ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ที่แท้จริงให้
#กลับบ้านเรารักรออยู่ ครับ
#ศิธาทิวารี #ทักษิณ #บิ๊กป้อม
https://www.facebook.com/Sitadivari/posts/pfbid02xmZiYreWmbKcaFy4AmeQDxQdNXiq63iybJkKhLfms4TPT5Cj9qoqcBSUhVc9BrEml
JJNY : ห่วงราคาสินค้า-หนี้ครัวเรือน-ดอกเบี้ย│นนท์ ก้าวไกลชัดเจน│"ศิธา"โพสต์เรื่อง"ดีลลับ"ของ "ลุง 2 คน"│เพจดังเตือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4117710
ห่วงราคาสินค้า-หนี้ครัวเรือน-ดอกเบี้ย กดตลาดค้าปลีกไม่ถึง 3.7 ล้านล้านบาท
น.ส.ชญานิศ สมสุข นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเติบโตราว 10% จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภค โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านบาท โดยกลุ่ม Store-based retailing (ธุรกิจค้าปลีกแบบมีหน้าร้าน) จะกลับมามีมูลค่าเท่าก่อนช่วงโรคระบาดในปี 2567 ส่วน Non-store retailing (ธุรกิจค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ครึ่งแรกของปี 2566 ธุรกิจค้าปลีกสามารถเพิ่มยอดขายจากนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาในประเทศมากขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 อย่างไรก็ดี มีปัจจัยที่ยังต้องระวัง อาทิ ราคาสินค้าและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีความเปราะบาง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านการเงินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีระดับการกู้ยืมสูง การอ่อนค่าของเงินบาทที่กระทบกลุ่มสินค้านำเข้า อี-คอมเมิร์ซ ยังเติบโตต่อเนื่องและมีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง แม้ชะลอตัวหลังจากผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับก่อนช่วงโรคระบาด เพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นจากความสะดวกสบาย โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ Marketplace retailers ที่มีสินค้าหลากหลาย ผู้ขายหลายราย ทำให้ผู้บริโภคเปรียบเทียบราคาและบริการของแต่ละร้านค้า นอกจากนี้ Buy Now Pay Later (BNPL) ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ยังมีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะกลุ่มการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว อาจนำ BNPL มาเป็นอีกหนึ่งช่องทางการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้า หนุนให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายของร้านค้าแต่ต้องระมัดระวังเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน
“ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญประเด็นอีเอสจี โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่ด้านสังคม ผู้ประกอบการมุ่งเน้นการสร้างอาชีพ ท่ามกลางการให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล ในส่วนของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว อาทิ คนที่เกิดในยุคมิลเลนเนียลยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อสินค้าที่ยั่งยืน” น.ส.ชญานิศกล่าว
นนท์ ส.ส.ก้าวไกล ชัดเจน เหนื่อยยากมา 2 ปี ไม่เอามือดีๆ ยกให้พวกนั้นแน่นอน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7803687
นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.ก้าวไกล ประกาศชัดเจน เดินทางมา 2 ปี เหนื่อยยากขนาดนี้ ไม่เอามือดีๆไปยกให้พวกนั้นแน่นอน
หลัง พรรคเพื่อไทย ประกาศจับมือกับ พรรคภูมิใจไทย ร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีสารตั้งต้น 212 เสียง ขณะเดียวกันมีเสียงเรียกร้องให้พรรคก้าวไกล ยกมือโหวตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.
อย่างไรก็ตามต่อเรื่องดังกล่าว นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส.นนทบุรี เขต 8 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Nont Pisarnlimjaroenkit – นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ระบุว่า
พี่น้องครับ!! ผมเดินทางมานี่ กว่า 2 ปี ไข้ขึ้นไม่มีเพราะแข็งแรงมาก เหนื่อยยากขนาดนี้ ผมจะไม่เอามือดีๆ ไปยกให้พวกแ-่งหรอก
ก่อนหน้านี้ นนท์ เคยออกมาระบุจุดยืนว่า โหวตเดียวที่ผมจะมอบให้ คือ โหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประสงค์ของประชาชนเท่านั้น
https://www.facebook.com/nontMFP/posts/613220997615244
"ศิธา" โพสต์เรื่อง "ดีลลับ" ของ "ลุง 2 คน" ชี้หากไทยเฉย จะต้องอยู่ใต้อำนาจต่อไป
https://siamrath.co.th/n/468057
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.66 น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนา และเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์เฟซบุ๊ก "น.ต.ศิธา ทิวารี - Sita Divari" ระบุว่า
เรื่องของลุง 2คน…
คนที่1 #ลุงอยากกลับบ้าน
คุณลุงเชี่ยวชาญ เรื่องการปั้นนายกฯ
(ผมตามเชียร์ตลอด 4คนแล้ว เข้าทุกแมตช์)
คนที่2 #ลุงอยากเป็นนายก
แกช่ำชองเรื่องการเป่าคดี ให้เงียบหาย
(หรือลดเวลาให้ได้ นาฬิกาแกเยอะ)
ถ้าประชาชนปล่อยให้ 2ลุง #ดีลลับ ต่างตอบแทนกันเอง ทั้งคู่จะ Happy Ending คน1ได้กลับบ้าน คน1อาจได้เป็นนายก
ทั้งนายทุน, นักการเมือง, เผด็จการ และผู้หากินจากการสูบเงินงบประมาณภาครัฐ ต่างสมประโยชน์ Happy กันถ้วนหน้า
แต่ #ไทยพื้นบ้าน อย่างพวกเราๆ รวมถึง #ลูกหลานไทยในอนาคต มีแต่เสียประโยชน์
————
ถ้าเราทำตัวเป็น #ไทยเฉย ปล่อยให้เป็นแบบที่กล่าวข้างต้น พวกเราจะต้องอยู่ใต้อำนาจ หรือการบงการของลุงกันต่อไป อาจเป็น 4ปี 8ปี 16ปี ไม่มีใครทราบ
จนในที่สุดประเทศไทยจะถูกสูบสิ่งดีๆ จนไม่เหลืออะไรที่มีค่าเพียงพอ ที่จะส่งต่อให้ลูกหลานอีกต่อไป
ทั้งๆที่รออีกไม่เกิน 10เดือน สว.หมดวาระ พวกเราก็จะขุดรากถอนโคน ให้เผด็จการสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทย กันได้อยู่แล้ว
***มันเหลืออีกแค่นิดเดียวจริงๆ***
————
เราต้องสนับสนุนให้ทั้ง 2ลุง ได้กลับบ้านไปเลี้ยงหลานกันทั้งคู่ หลีกไปให้ไกลการเมือง
ลุงคนแรก อดีตนายก #ทักษิณ คุณลุงไม่ได้เป็นผู้ร้ายหนีคดี อย่างที่สลิ่มพยายามป้ายสี แต่คุณลุงคือ #ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ที่ไม่ยอมรับการพิจารณาคดี 2มาตรฐาน อันเกิดจากผลพวงของการรัฐประหาร ผ่าน คตส. และองค์กรอิสระ ที่เผด็จการตั้งคนของตัวเองเข้าไปควบคุมบงการ จนเกิดเป็น #กระบวนการยุติความเป็นธรรม ในไทย
การสนับสนุนลุงโทนี่ ให้ได้กลับบ้านเลี้ยงหลาน ต้องเปิดโอกาสให้คุณลุงได้รับความ #เป็นธรรม อย่างแท้จริง ด้วยการทำกระบวนการยุติธรรมให้โปร่งใส โดยการออกกฎหมายให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางคดีจากการรัฐประหาร สามารถยื่นอุทธรณ์ให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยใช้กระบวนการ 3ศาลตามมาตรฐานสากล
ลุงท่านนึ้ ก็จะได้กลับบ้านมาสู้คดีอย่างเป็นธรรม โดยการอนุญาตให้ประกันตัว อยู่ที่การพิจารณาของศาล ตามกระบวนการปกติ
————
ลุงคนที่2 ใช้ #ใจบันดาลแรง ขับเคลื่อน #ความอยาก เป็นนายกฯ ตามลูกยุจากลิ่วล้อและนายทุน ที่หวังประโยชน์จากการเกาะกินงบประมาณประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาขออะไรแกก็ให้หมด เมื่อโดนลูกยุมากเข้า จึงอยากจะสำเร็จดังหวัง ได้เป็นนายกสักครั้งในบั้นปลายชีวิต
การสนับสนุนลุงคนนี้ ให้ได้กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน ทำได้ด้วยการจับมือกันของ 2พรรคใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตย #เพื่อไทย และ #ก้าวไกล แพ็คกันเป็น 292เสียง ++
***ผมจึงได้เสนอให้ทำ #AdvanceMOU 2พรรคทำสัญญาจับมือกันให้แน่น จะเป็นเกราะเหล็กชนิดเดียว ที่จะป้องกันเผด็จการ ไม่ให้หวนกลับมาทำร้ายประเทศไทยได้อีก***
————
พวกเราต้องส่งสัญญาณถึงนักการเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหาร #พรรคเพื่อไทย
“เหลืออีกนิดเดียว ประชาชนที่รัก ประชาธิปไตย เรากำลังจะชนะอยู่แล้ว”
#ความอยาก ของนักการเมือง
ต้องไม่อยู่เหนือ #เจตนารมณ์ของประชาชน
————
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะกล่าวคือ ผมมีความเชื่อมั่นว่า อดีตนายกทักษิณจะกลับบ้านได้ ต้องกลับมาแบบที่ประชาชนสนับสนุนและชื่นชม แห่กันไปต้อนรับถึงสนามบิน ผมคนนึงที่อยากไปต้อนรับท่านด้วยความยินดีถึงที่
ไม่ใช่กลับมาด้วยกระบวนการที่ผู้บริหาร #เพื่อไทย กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน จนคนแห่กันไปโห่ขับไล่ แบบที่เกิดขึ้น ณ ที่ทำการพรรคฯ ในทุกวันนี้
————
รวมกันเถิด #เพื่อไทย+ก้าวไกล292เสียง
ประชาชนไม่ได้เลือกท่านมา เพื่อให้ไปเป็นนั่งร้านให้เผด็จการสืบทอดอำนาจ
สู้เพื่อประชาธิปไตย ตามเจตนารมณ์ของผู้ลงคะแนน แล้วประชาชนจะเป็น #ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ที่แท้จริงให้
#กลับบ้านเรารักรออยู่ ครับ
#ศิธาทิวารี #ทักษิณ #บิ๊กป้อม
https://www.facebook.com/Sitadivari/posts/pfbid02xmZiYreWmbKcaFy4AmeQDxQdNXiq63iybJkKhLfms4TPT5Cj9qoqcBSUhVc9BrEml