ม็อบปักหลักเเยกราชประสงค์ ชุมนุมไล่ 'สว.' เผยมีไฮไลต์เด็ดก่อนยุติชุมนุม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7787747
ม็อบปักหลักเเยกราชประสงค์ ชุมนุมไล่ ‘สว.’ เผยมีไฮไลต์เด็ดก่อนยุติชุมนุม ตร.แนะหลีกเลี่ยงเส้นทางถ.ราชดำริ ถ.พระราม 1 และ ถ.เพลินจิต
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 ก.ค.66 ที่เเยกราชประสงค์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดรวมตัวจัดกิจกรรมชุมนุมขับไล่ สว. โดยบรรยากาศตั้งแต่เวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวกัน อยู่บริเวณริมถนน ฝั่งหน้าห้าง ขณะเดียวกันเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้า มาตั้งร้านขายของและขายอาหารอยู่ริมถนนเป็นจำนวนมาก
โดยกลุ่มผู้จัดนำรถเข้ามาติดตั้งเครื่องเสียง และเวทีการปราศรัย โดยเวทีตั้งอยู่บนถนนราชดำริ ฝั่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มีการปิดถนน 3 เลน หันหน้าเวทีไปทางเเยกประตูน้ำ ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัย มีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งในและนอกเครื่องแบบประจำการอยู่โดยรอบสถานที่จัดกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีตำรวจจราจรจาก สน.ลุมพินี คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย
นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย ราษฎร หนึ่งในเเกนนำผู้จัดกิจกรรม เปิดเผยว่า รูปแบบการชุมนุมในวันนี้จะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการปราศรัยจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่ม P-Move , กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม , กลุ่มบางกลอยซึ่งนำโดย”เฌอเอม” , กลุ่มทะลุวัง , กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ , กลุ่มเครือข่ายแรงงาน ,กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
“
ขอให้จับตาดูกิจกรรมสุดท้าย ก่อนที่จะยุติการชุมนุม จะมีการแสดงบนเวที ที่ถือเป็นไฮไลต์ของการชุมนุมในวันนี้” นายธัชพงศ์กล่าว
เมื่อถามว่าการกลับประเทศไทยของนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ส.ค.66 นายชัชพงศ์ กล่าวว่า เห็นด้วยว่านาย
ทักษิณ รวมถึงนักโทษทางการเมืองทุกคน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยได้ และเชื่อว่ามีนัยยะทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องรอดูพรรคเพื่อไทย ว่าจะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร
“
ยืนยันขอให้ 8 พรรคร่วม จับมือกันให้เหนียวแน่น จัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้สำเร็จ แต่หากมีการข้ามขั้วเกิดขึ้น เชื่อว่ามวลชนจะไม่ยอม และการต่อสู้ก็จะเปลี่ยนรูปแบบไป ผมไม่อยากเห็นภาพในอดีต ที่มวลชนปะทะกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่เป็นผลดี ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพเสียงของประชาชน”นาย
ชัชพงศ์กล่าว
ด้านพล.ต.ต.
จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. แจ้งผู้ใช้รถใช้ถนน ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป จนเสร็จสิ้นการชุมนุม ดประกอบด้วย ถ.ราชดำริ (แยกราชดำริ – แยกประตูน้ำ) ถ.พระราม 1 (แยกเฉลิมเผ่า – แยกราชประสงค์) และถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ – แยกชิดลม)
จับตา! จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย รื้อMOUแค่ไหน ลุ้นเกมสุดท้ายพรรคก้าวไกล
https://www.matichon.co.th/clips/news_4102022
จับตา! จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย จะรื้อMOU 8พรรคร่วมแค่ไหน ลุ้นชะตากรรมพรรคก้าวไกล จะถูกบีบไปเป็นฝายค้านหรือไม่ ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้
ส.ว.ประภาศรี ฮึ่มฟ้องกลับเรืองไกร ร้องสอบทรัพย์สิน ทำให้เสียชื่อเสียง มั่นใจแจงได้หมด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4101507
‘ประภาศรี’ สวน ‘เรืองไกร’ ร้องสอบทรัพย์สิน ทำให้เสียชื่อเสียง มั่นใจแจงได้หมด ฮึ่มฟ้องกลับ
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นาง
ประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หนึ่งใน ส.ว.13 คนที่ลงมติสนับสนุนให้ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นาย
เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินว่า พอเราโหวต ไม่ตรงกับคนส่วนใหญ่ก็ถูกแกล้ง เพราะที่มีการส่งเรื่องไปป.ป.ช.ก็มีแต่กลุ่มพวกที่ลงมติแบบเดียวกัน
“
สิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก ทำไมเลือกส่งเรื่องเฉพาะ ส.ว. 6 คนตามที่เป็นข่าว และคิดว่าทำไมมีการปล่อยโอกาสให้คนที่ไปร้องเรียนมากไป คือทำไมมีแต่พวกหน้าเดิมๆ ไปร้องเรียนแบบนี้ และร้องได้เรื่อยๆ ประชาชนก็เริ่มเบื่อคนที่ร้องเรียนแบบนี้ “นาง
ประภาศรีกล่าว
นาง
ประภาศรี กล่าวต่อว่า หากร้องเรียนไปแล้วต่อมาพบว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ควรฟ้องกลับได้ และควรมีระเบียบว่าการร้องเรียนคนที่ร้องเรียน ร้องให้ตรวจสอบได้กี่คน ร้องได้กี่ครั้ง ไม่ใช่ให้ร้องไปได้เรื่อยๆ ตามที่เขาต้องการ ส่วนประเด็นที่ถูกร้องไปทั้ง 3 จุด มั่นใจว่าชี้แจงได้หมด เพราะเป็นคนที่ทำอะไรถูกต้อง ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช.ก็ให้นักกฎหมาย และนักบัญชีมาพิจารณาให้ก่อนจะส่งให้ ป.ป.ช. และคิดว่า ป.ป.ช.ก็คงจะลงโทษคนที่ต้องการมาโกง คนทุจริต แต่หากคนไหนขาดส่งเอกสารเล็กน้อย คิดว่า ป.ป.ช.ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น คนที่ไม่ได้มีเจตนาจะโกง ไม่น่าจะโดน
“
ซึ่งคนที่ไปร้อง ก็ทำให้เราเสียชื่อเสียง แต่ก็ไม่อยากไปมีปัญหากับเขา แต่การที่โดนแบบนี้ ก็ทำให้เครียดเหมือนกัน ถึงแม้ไม่ผิด แต่ก็เสียชื่อเสียงแล้วอย่างนี้ เขาจะชดเชยอะไรให้เรา เลขานุการส่วนตัวที่ดูแลเรื่องเอกสารที่ส่ง ป.ป.ช. เจอแบบนี้เขาถึงกับเครียด ต้องเข้าโรงพยาบาล และอยากถามว่า คนที่ไปร้องจะมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้หรือไม่ และยืนยันได้ว่า สามารถชี้แจงได้ถูกต้อง มั่นใจเราไม่ผิด ตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะทำให้เราเสียชื่อเสียง ไม่อย่างนั้นก็จะไปทำกับอีกหลายคน” นางประภาศรี กล่าว
คนไทยอ่วม หนี้ครัวเรือนพุ่งสุดในรอบ 15 ปี แตะ 90% จีดีพี หอการค้าเชื่อปี 67 พีคสุด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4101617
หอการค้าชี้หนี้ครัวเรือนพุ่งสุดรอบ 15 ปี แถมยังพีคได้อีกในปี 67
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทย ปี 2566 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,300 ราย พบว่า ครอบครัวส่วนใหญ่มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย โดยต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ก่อนหน้านั้นเจอสงครามการค้าจีน-สหรัฐ (เทรดวอร์) ตั้งแต่ 2562 ทำให้เมื่อปี 2560 เศรษฐกิจไทยโต 4% แต่เมื่อเจอเทรดวอร์ ภาคการส่งออกไทยเริ่มเผชิญการติดลบ ลุกลามไปในทุกระดับ ตั้งแต่เกษตรกร แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ผลกระทบมีตั้งแต่ปี 2562 พอโควิดระบาดก็เกิดการซัตดาวน์ทั้งประเทศ ก่อนผ่อนคลายการท่องเที่ยวปี 2565 จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว แต่เชื่อว่าผ่านสถานการณ์หนี้ครัวเรือนสูงสุด (พีก) ไปแล้วในช่วงปี 2564
“
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากที่ควรได้รับอานิสงส์ทั้งแผง เพราะปี 2565 ส่งออกดี แต่ปีนี้ส่งออกแย่ตามเศรษฐกิจโลก ส่วนท่องเที่ยวดีในปีนี้ และเกษตรกรเริ่มมีราคาพืชผลที่ดีขึ้น จึงเป็นการเติบโตแบบสลับกันไปมา ทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ได้บรรเทาลงมากนัก รายได้เพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มตามภาวะต้นทุน ซึ่งสูงขึ้นจากฐานเงินเฟ้อที่เคยสูงกว่า 5-6% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก่อนเจอค่าไฟแพงในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาด้วย รายได้ของครอบครัวหรือครัวเรือนจึงน้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ไม่พอกิน คนออมน้อยลงและไม่ได้ออม เป็นสถานการณ์เฉพาะกิจที่ลากยาวตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน” นาย
ธนวรรธน์ กล่าว
นาย
ธนวรรธน์ กล่าวว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปี 2566 พบว่า คนไทยมีหนี้ครัวเรือนเฉลี่ย 559,400 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.5% ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นหนี้ในระบบประมาณ 80% และอีก 20% เป็นหนี้นอกระบบ โดยสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนมาจากการขาดวินัยทางการเงิน รองลงมาเป็นรายรับไม่พอกับรายจ่าย วางแผนการลงทุนผิดพลาด และมีความรู้ทางการเงินไม่เพียงพอ โดยมองว่าแม้หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันจะขึ้นไปแตะ 90% ของจีดีพี แต่แนวโน้มจีดีพีที่สูงขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว และครัวเรือนไม่ตั้งใจจะก่อหนี้มากขึ้น อีกทั้งหนี้ที่ก่อก็เป็นหนี้ในระบบ จึงมองว่าหนี้ครัวเรือนไม่ใช่ปัญหารุนแรงต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และเป็นปัญหาของบุคคล รวมถึงเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสถาบันการเงิน อยู่ระหว่างการเร่งแก้ไขแบบเอาจริงเอาจังอยู่ด้วย
“
หนี้ครัวเรือนในปี 2566 ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำแบบสำรวจมาในรอบ 15 ปี โดยมีผลมาจากเทรดวอร์ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการระบาดของโควิด ทำให้คนก่อหนี้มากขึ้น แต่เป็นการก่อหนี้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าควร โดยแนวโน้มหนี้ครัวเรือนมีโอกาสสูงขึ้น และวงเงินในการก่อหนี้ น่าจะพีกสุดในช่วงปี 2567 เพราะต่อให้มีการเลือกตั้ง แต่ความแน่นอนทางเศรษฐกิจก็ยังไม่ชัด ทำให้ประชาชนคาดว่า ยังจะต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพสูง รายได้ต่ำไปจนถึงต้นปี 2567” นาย
ธนวรรธน์ กล่าว
JJNY : 5in1 ม็อบปักหลักเเยกราชประสงค์│จับตา!รื้อMOU│ส.ว.ประภาศรี ฮึ่มฟ้องกลับ│หนี้ครัวเรือนพุ่ง│นาโตลั่นยกระดับปลอดภัย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7787747
ม็อบปักหลักเเยกราชประสงค์ ชุมนุมไล่ ‘สว.’ เผยมีไฮไลต์เด็ดก่อนยุติชุมนุม ตร.แนะหลีกเลี่ยงเส้นทางถ.ราชดำริ ถ.พระราม 1 และ ถ.เพลินจิต
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 ก.ค.66 ที่เเยกราชประสงค์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดรวมตัวจัดกิจกรรมชุมนุมขับไล่ สว. โดยบรรยากาศตั้งแต่เวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวกัน อยู่บริเวณริมถนน ฝั่งหน้าห้าง ขณะเดียวกันเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้า มาตั้งร้านขายของและขายอาหารอยู่ริมถนนเป็นจำนวนมาก
โดยกลุ่มผู้จัดนำรถเข้ามาติดตั้งเครื่องเสียง และเวทีการปราศรัย โดยเวทีตั้งอยู่บนถนนราชดำริ ฝั่งห้างเซ็นทรัลเวิลด์ มีการปิดถนน 3 เลน หันหน้าเวทีไปทางเเยกประตูน้ำ ในส่วนของมาตรการรักษาความปลอดภัย มีตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งในและนอกเครื่องแบบประจำการอยู่โดยรอบสถานที่จัดกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีตำรวจจราจรจาก สน.ลุมพินี คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรด้วย
นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย ราษฎร หนึ่งในเเกนนำผู้จัดกิจกรรม เปิดเผยว่า รูปแบบการชุมนุมในวันนี้จะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการปราศรัยจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่ม P-Move , กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม , กลุ่มบางกลอยซึ่งนำโดย”เฌอเอม” , กลุ่มทะลุวัง , กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ , กลุ่มเครือข่ายแรงงาน ,กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย
“ขอให้จับตาดูกิจกรรมสุดท้าย ก่อนที่จะยุติการชุมนุม จะมีการแสดงบนเวที ที่ถือเป็นไฮไลต์ของการชุมนุมในวันนี้” นายธัชพงศ์กล่าว
เมื่อถามว่าการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 ส.ค.66 นายชัชพงศ์ กล่าวว่า เห็นด้วยว่านายทักษิณ รวมถึงนักโทษทางการเมืองทุกคน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยได้ และเชื่อว่ามีนัยยะทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องรอดูพรรคเพื่อไทย ว่าจะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร
“ยืนยันขอให้ 8 พรรคร่วม จับมือกันให้เหนียวแน่น จัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้สำเร็จ แต่หากมีการข้ามขั้วเกิดขึ้น เชื่อว่ามวลชนจะไม่ยอม และการต่อสู้ก็จะเปลี่ยนรูปแบบไป ผมไม่อยากเห็นภาพในอดีต ที่มวลชนปะทะกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่เป็นผลดี ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพเสียงของประชาชน”นายชัชพงศ์กล่าว
ด้านพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. แจ้งผู้ใช้รถใช้ถนน ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป จนเสร็จสิ้นการชุมนุม ดประกอบด้วย ถ.ราชดำริ (แยกราชดำริ – แยกประตูน้ำ) ถ.พระราม 1 (แยกเฉลิมเผ่า – แยกราชประสงค์) และถ.เพลินจิต (แยกราชประสงค์ – แยกชิดลม)
จับตา! จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย รื้อMOUแค่ไหน ลุ้นเกมสุดท้ายพรรคก้าวไกล
https://www.matichon.co.th/clips/news_4102022
จับตา! จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย จะรื้อMOU 8พรรคร่วมแค่ไหน ลุ้นชะตากรรมพรรคก้าวไกล จะถูกบีบไปเป็นฝายค้านหรือไม่ ติดตามชมรายละเอียดทั้งหมดจากคลิปด้านล่างนี้
ส.ว.ประภาศรี ฮึ่มฟ้องกลับเรืองไกร ร้องสอบทรัพย์สิน ทำให้เสียชื่อเสียง มั่นใจแจงได้หมด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4101507
‘ประภาศรี’ สวน ‘เรืองไกร’ ร้องสอบทรัพย์สิน ทำให้เสียชื่อเสียง มั่นใจแจงได้หมด ฮึ่มฟ้องกลับ
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หนึ่งใน ส.ว.13 คนที่ลงมติสนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินว่า พอเราโหวต ไม่ตรงกับคนส่วนใหญ่ก็ถูกแกล้ง เพราะที่มีการส่งเรื่องไปป.ป.ช.ก็มีแต่กลุ่มพวกที่ลงมติแบบเดียวกัน
“สิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก ทำไมเลือกส่งเรื่องเฉพาะ ส.ว. 6 คนตามที่เป็นข่าว และคิดว่าทำไมมีการปล่อยโอกาสให้คนที่ไปร้องเรียนมากไป คือทำไมมีแต่พวกหน้าเดิมๆ ไปร้องเรียนแบบนี้ และร้องได้เรื่อยๆ ประชาชนก็เริ่มเบื่อคนที่ร้องเรียนแบบนี้ “นางประภาศรีกล่าว
นางประภาศรี กล่าวต่อว่า หากร้องเรียนไปแล้วต่อมาพบว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ควรฟ้องกลับได้ และควรมีระเบียบว่าการร้องเรียนคนที่ร้องเรียน ร้องให้ตรวจสอบได้กี่คน ร้องได้กี่ครั้ง ไม่ใช่ให้ร้องไปได้เรื่อยๆ ตามที่เขาต้องการ ส่วนประเด็นที่ถูกร้องไปทั้ง 3 จุด มั่นใจว่าชี้แจงได้หมด เพราะเป็นคนที่ทำอะไรถูกต้อง ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช.ก็ให้นักกฎหมาย และนักบัญชีมาพิจารณาให้ก่อนจะส่งให้ ป.ป.ช. และคิดว่า ป.ป.ช.ก็คงจะลงโทษคนที่ต้องการมาโกง คนทุจริต แต่หากคนไหนขาดส่งเอกสารเล็กน้อย คิดว่า ป.ป.ช.ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น คนที่ไม่ได้มีเจตนาจะโกง ไม่น่าจะโดน
“ซึ่งคนที่ไปร้อง ก็ทำให้เราเสียชื่อเสียง แต่ก็ไม่อยากไปมีปัญหากับเขา แต่การที่โดนแบบนี้ ก็ทำให้เครียดเหมือนกัน ถึงแม้ไม่ผิด แต่ก็เสียชื่อเสียงแล้วอย่างนี้ เขาจะชดเชยอะไรให้เรา เลขานุการส่วนตัวที่ดูแลเรื่องเอกสารที่ส่ง ป.ป.ช. เจอแบบนี้เขาถึงกับเครียด ต้องเข้าโรงพยาบาล และอยากถามว่า คนที่ไปร้องจะมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้หรือไม่ และยืนยันได้ว่า สามารถชี้แจงได้ถูกต้อง มั่นใจเราไม่ผิด ตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะทำให้เราเสียชื่อเสียง ไม่อย่างนั้นก็จะไปทำกับอีกหลายคน” นางประภาศรี กล่าว
คนไทยอ่วม หนี้ครัวเรือนพุ่งสุดในรอบ 15 ปี แตะ 90% จีดีพี หอการค้าเชื่อปี 67 พีคสุด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4101617
หอการค้าชี้หนี้ครัวเรือนพุ่งสุดรอบ 15 ปี แถมยังพีคได้อีกในปี 67
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ผลการสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทย ปี 2566 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,300 ราย พบว่า ครอบครัวส่วนใหญ่มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย โดยต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหาตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ก่อนหน้านั้นเจอสงครามการค้าจีน-สหรัฐ (เทรดวอร์) ตั้งแต่ 2562 ทำให้เมื่อปี 2560 เศรษฐกิจไทยโต 4% แต่เมื่อเจอเทรดวอร์ ภาคการส่งออกไทยเริ่มเผชิญการติดลบ ลุกลามไปในทุกระดับ ตั้งแต่เกษตรกร แรงงานในภาคอุตสาหกรรม ผลกระทบมีตั้งแต่ปี 2562 พอโควิดระบาดก็เกิดการซัตดาวน์ทั้งประเทศ ก่อนผ่อนคลายการท่องเที่ยวปี 2565 จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว แต่เชื่อว่าผ่านสถานการณ์หนี้ครัวเรือนสูงสุด (พีก) ไปแล้วในช่วงปี 2564
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากที่ควรได้รับอานิสงส์ทั้งแผง เพราะปี 2565 ส่งออกดี แต่ปีนี้ส่งออกแย่ตามเศรษฐกิจโลก ส่วนท่องเที่ยวดีในปีนี้ และเกษตรกรเริ่มมีราคาพืชผลที่ดีขึ้น จึงเป็นการเติบโตแบบสลับกันไปมา ทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนไม่ได้บรรเทาลงมากนัก รายได้เพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มตามภาวะต้นทุน ซึ่งสูงขึ้นจากฐานเงินเฟ้อที่เคยสูงกว่า 5-6% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก่อนเจอค่าไฟแพงในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมาด้วย รายได้ของครอบครัวหรือครัวเรือนจึงน้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ไม่พอกิน คนออมน้อยลงและไม่ได้ออม เป็นสถานการณ์เฉพาะกิจที่ลากยาวตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน” นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยปี 2566 พบว่า คนไทยมีหนี้ครัวเรือนเฉลี่ย 559,400 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.5% ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นหนี้ในระบบประมาณ 80% และอีก 20% เป็นหนี้นอกระบบ โดยสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาหนี้ครัวเรือนมาจากการขาดวินัยทางการเงิน รองลงมาเป็นรายรับไม่พอกับรายจ่าย วางแผนการลงทุนผิดพลาด และมีความรู้ทางการเงินไม่เพียงพอ โดยมองว่าแม้หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันจะขึ้นไปแตะ 90% ของจีดีพี แต่แนวโน้มจีดีพีที่สูงขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว และครัวเรือนไม่ตั้งใจจะก่อหนี้มากขึ้น อีกทั้งหนี้ที่ก่อก็เป็นหนี้ในระบบ จึงมองว่าหนี้ครัวเรือนไม่ใช่ปัญหารุนแรงต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และเป็นปัญหาของบุคคล รวมถึงเห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสถาบันการเงิน อยู่ระหว่างการเร่งแก้ไขแบบเอาจริงเอาจังอยู่ด้วย
“หนี้ครัวเรือนในปี 2566 ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำแบบสำรวจมาในรอบ 15 ปี โดยมีผลมาจากเทรดวอร์ ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการระบาดของโควิด ทำให้คนก่อหนี้มากขึ้น แต่เป็นการก่อหนี้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าควร โดยแนวโน้มหนี้ครัวเรือนมีโอกาสสูงขึ้น และวงเงินในการก่อหนี้ น่าจะพีกสุดในช่วงปี 2567 เพราะต่อให้มีการเลือกตั้ง แต่ความแน่นอนทางเศรษฐกิจก็ยังไม่ชัด ทำให้ประชาชนคาดว่า ยังจะต้องเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพสูง รายได้ต่ำไปจนถึงต้นปี 2567” นายธนวรรธน์ กล่าว