JJNY : 5in1 อ.พรสันต์โวยสว.│อานันท์ดึงสติสว.│“ณัฐชา”เชื่อ“ก้าวไกล”ไม่ได้โง่│เอสเอ็มอีภูธร ร้อนใจ│อดีตปธน.รัสเซียกร้าว

ฟาดแรง! อ.พรสันต์ โวย สว.อยากได้ใครเป็นนายกฯ ให้ชี้มาเลย ไล่ไปตั้งพรรคเอง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7792663
 
 
พรสันต์ อาจารย์คณะนิติ จุฬาฯ ฟาดแรง สว. อยากได้ใครเป็นนายกฯชี้มาได้เลย หรือ สว.คนดีย์จะมานั่งนายกฯ ชงตั้งพรรคการเมืองเองเลย

วันที่ 31 ก.ค.2566 นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Ponson Liengboonlertchai กรณีสว.ตั้งแง่โหวตนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าเคยคิดแก้มาตรา 112 ว่า
 
งั้นอยากได้ใครชี้มาเลย เสนอมาเลย ไม่ต้องให้ สส.เขาเสนอแล้ว นี่คงคิดว่าตัวมาจากการเลือกตั้ง? 
สส.เขายังไม่ออกตัวแรงขนาดนี้ หรือท่าน สว. คนดีย์จะมานั่งเป็นนายกฯ เองเลยดีไหมครับ 
บ้านเมืองจะได้เจริญรุ่งเรืองสงบสุขตามที่ท่านพูดมาตลอด?
 
นายพรสันต์ ยังโพสต์ข้อความอีกว่า 
 
ถ้าอยากได้นายกฯ ตามที่ตัวเองต้องการ ผมเสนอให้ท่านสว.ไปตั้งพรรคการเมืองเองนะครับ
 
https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/pfbid02qjmbNWRx18SWumokEipBhXhvMY6dQWXFSUofxDdKG1c1ish8UCHB1nW1uhm23jGxl

https://www.facebook.com/pornson.liengboonlertchai/posts/pfbid0HKcJUbp8d7vPjVnwj3S5h9c3RnaLMKgEqTHxrd4JTkFfLyvcikCrzBjGvgyyJQPvl
 


อานันท์ ดึงสติ สว. อย่าเป็นเครื่องมือกีดขวางเจตจำนงประชาชน ในการโหวตนายก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7793016

อดีตนายกฯ ชี้สังคมไทยอยู่ในสภาพไม่ปกติที่สุด คือให้ สว.แต่งตั้ง มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกฯ ดึงสติ สว. อย่าเป็นเครื่องมือที่กีดขวางเจตจำนงของประชาชน
  
วันที่ 31 ก.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา ตอนหนึ่งถึงการเมืองไทย ระหว่างเป็นประธานเปิดงานแสดงภาพ 50 ปี 14 ตุลา 50 ศิลปิน “สีสันแห่งเดือนตุลา” ที่หอนิทรรศการ g23 (หอใหญ่) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่านมา
 
นายอานันท์ กล่าวว่า ปัญหาทางการเมืองที่ไม่ปกติของประเทศไทย หนึ่งในนั้น คือการให้ สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี  ตามรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน นำไปสู่ความแตกแยกในด้านกายภาพ ความแตกแยกที่ไม่สามารถตกแต่งหรือแก้ไข ให้เข้าอยู่สภาพปกติได้ ปัจจุบันนี้สังคมไทยอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติที่สุด สิ่งที่เห็นอย่างชัดที่สุด ก็คือการให้ สว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกฯ
 
ในใจผม ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็มีเพื่อนที่เป็น สว.อยู่หลายท่าน ที่ผมยังให้ความเคารพอยู่ และยังเชื่อใจอยู่ อาจจะเป็นด้วยเหตุการณ์บังคับพวกเขาเองที่ทำให้เขารับใช้เป็นเครื่องมือ เป็นเครื่องมือที่กีดขวางเจตจำนงของประชาชน ส่วนใครจะรวมกับใครจะตั้งรัฐบาลยังไง ผมไม่ออกความเห็น แต่ผมอยากให้สังคมไทยเพ่งเล็งไปถึงต้นปัญหา รากเหง้าของปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย” นายอานันท์ กล่าว



“ณัฐชา” เชื่อ “ก้าวไกล” ไม่ได้โง่ ตามเกม บีบไปเป็นฝ่ายค้าน แต่โหวตนายกฯ “เพื่อไทย”
https://ch3plus.com/news/political/morning/360029

วันนี้ (31 ก.ค.2566) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กระแสข่าวการผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน โดยให้โหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ว่า จากกระแสข่าวที่มีความพยายามให้พรรคก้าวไกล 151 เสียง โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลยว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หารือกันว่าอย่างไร หลังจากที่พรรคก้าวไกลมอบหมายให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการเดินหน้าหาเสียง หลังจากวันนั้นก็ยังไม่มีการประชุมอย่างเป็นทางการของ 8 พรรคร่วมฯเลย แต่ก่อนหน้านี้กลับมีกระแสข่าวดังกล่าวออกมาว่าพรรคก้าวไกลจะร่วมโหวตให้แล้วไปเป็นฝ่ายค้าน

ผมคิดว่าการกระทำในการปล่อยข่าวเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย วันนี้สถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้นคนที่มีปัญหาที่สุดเป็นตัวปัญหาที่สุดของการจัดตั้งรัฐบาลนั้นคือเสียงของ สว. ที่ไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงของประชาชน และวันนี้หาก 8 พรรคร่วมฯ จับมือกันแน่น ไม่ไปยักคิ้วหลิ่วตาให้ใคร ก็ไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ หรือหากจัดตั้งได้จริงก็อยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวว่า เราจะไม่ยอมให้พี่น้องประชาชนต้องมาทนทุกข์ทรมานจากรัฐบาลที่เขาไม่ต้องการ เพราะฉะนั้น หากมีการตัดสินใจอะไรก็แล้วแต่ อยากให้ทุกฝ่ายมองเห็นถึงความต้องการของพี่น้องประชาชนว่าการเลือกตั้งนั้นศักดิ์สิทธิ์ คือการแสดงออกถึงอำนาจของประชาชนโดยตรง และคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปจัดตั้งรัฐบาล ก็อยากจัดตั้งรัฐบาลอย่างสง่างาม ไม่ลักไก่ ลักหลับโดยการเอาเศษเสี้ยวของเผด็จการมาร่วม ทั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ โดยดึงเอามาบางกลุ่มบางก้อน และบอกว่าไม่มี 2 ลุง และไปหาเสียง สว.ว่า ไม่มีพรรคก้าวไกลแล้ว ซึ่งหมายความว่าสุดท้ายเป็นการหลอกลวงพี่น้องประชาชนหรือไม่ ทำให้รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นไม่ต่างอะไรจากเดิม

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยอมรับได้หรือไม่ หากต้องให้โหวตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยแล้วถอยไปเป็นฝ่ายค้าน นายณัฐชา กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันในพรรคก้าวไกล เนื่องจาก 8 พรรคร่วมฯ ยังไม่มีการส่งสัญญาณชัดเจน ว่าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยมีพรรคอะไรเพิ่มเติมบ้าง รวมถึงทิศทางของการโหวตนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะเกิดขึ้น

วันนี้ก็ 31 ก.ค.เข้าไปแล้ว ยังไม่มีความชัดเจน แต่ถ้าเกิด อยู่ดีๆ มาบอกว่าให้พรรคก้าวไกลโหวตให้ไปก่อน แล้วตอนนี้ไม่มี 2 ลุงแล้ว โหวตให้ไปก่อน ผมคิดว่าการโหวตให้ไปก่อน ไม่แตกต่างอะไรกับตอนทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าโหวตไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปแก้ไขทีหลัง สุดท้าย สว.ก็จะสถาปนาตนเองว่ามีความชอบธรรม” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา ย้ำว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีควรเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้ว่าเงื่อนไขเป็นอย่างไร มีใครร่วมรัฐบาลบ้าง และได้ลงมติอย่างสง่างาม ได้รัฐบาลของพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ปล่อยอึมครึมและดึงกลุ่มนู้น ก้อนนี้มา แล้วบอกว่าคุณไม่ต้องเป็นรัฐบาล คุณโหวตให้เราแล้วปิดสวิตซ์ สว.แล้วจบ อย่างนั้นตนคิดว่าไม่ใช่ และตนเป็น 1 ใน 151 เสียงของพรรคก้าวไกลก็ยอมไม่ได้

นายณัฐชา กล่าวว่า หากเป็นตามข่าวที่ปล่อยออกมาที่บอกว่าเป็นเกมสกปรก บีบพรรคก้าวไกลให้ไปเป็นฝ่ายค้านทางอ้อม โดยใช้องคาพยพต่างๆ แต่ยังให้โหวตนายกฯ ตนคิดว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้โง่ขนาดนั้น ที่จะไปทำเรื่องราวเหล่านั้นได้ เพราะฉะนั้นวันนี้มีเรื่องอะไรควรหยิบมาวางบนโต๊ะ และเปิดให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบ

ถ้าเกิดมีการจัดตั้งรัฐบาล โดยเสียงของพี่น้องประชาชนมากขนาดนี้ แต่กลับมีการลักไก่ ลักหลับกัน โดยการประชุมกันกระชั้นชิด แล้วไปโหวตกันในวันถัดไป โดยที่ยังไม่มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันเป็นวงกว้าง ผมคิดว่ามันไม่สง่างามเลยสำหรับแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ทำแบบนี้ เพราะพี่น้องประชาชนให้เสียงสนับสนุนมามากถึง 312 เสียง รวมกัน 8 พรรคการเมือง คุณต้องยืนหยัดในเจตนารมณ์มาถ้าเกิดจับมือกันแบบนี้ ไม่มีใครที่ไหนสามารถตั้งรัฐบาลแข่งได้อยู่แล้ว” นายณัฐชา กล่าว

อนาคตทิศทางของ 8 พรรคการเมือง ไม่ว่าอย่างไรเวลาอยู่ข้างเรา เพราะฉะนั้นเลือกจัดตั้งรัฐบาลอย่างสง่างามดีกว่า ดีกว่าไปจัดตั้งรัฐบาลกันลับหลัง และไปหยิบมาบางกลุ่มบางก้อน พรรคลุง ลุงไม่มา แต่เอาบางกลุ่มบางก้อนเข้ามา บางกลุ่มบางพวกเข้ามา แล้วบอกว่าไม่มีลุงแล้ว ไม่มี 2 พรรคนี้แล้ว แต่สุดท้ายก็รับมา ใส่ตะกร้าล้างน้ำกลับเข้ามา อย่างนั้นมันไม่ค่อยสง่างาม” นายณัฐชา กล่าว
 


เอสเอ็มอีภูธร ร้อนใจ หวังโหวตนายกฯ 4 ส.ค.ผ่านฉลุย-ตั้งรัฐบาลได้ลงตัว ยิ่งนานยิ่งรุนแรง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4107495

เอสเอ็มอีภูธร ร้อนใจ หวังโหวตนายกฯ 4ส.ค.ผ่านฉลุย-ตั้งรัฐบาลได้ลงตัว ชี้ยิ่งนานห่วงปัจจัยรุมเร้ายิ่งรุนแรง
 
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวกับ “มติชน” ถึงมุมมองต่อการโหวตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ว่า ถ้าผ่าน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนาประเทศในมิติต่างๆจะดำเนินการไปได้เร็วขึ้น สร้างภาพลักษณ์ที่ดีและการยอมรับจากต่างประเทศ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย ส่งผลต่อการค้า การลงทุนที่ขยายตัวได้รวดเร็วขึ้น
 
แต่ถ้าไม่ผ่าน ครั้งต่อไป มองว่า น่าเป็นห่วงเศรษฐกิจ จะไม่เกิดการขยับขยายตัวตามเป้าหมายจีดีพี 3.6% และภาวะการหยุดชะงักของโครงการใหม่ๆที่ดีๆของภาครัฐจากงบประมาณแผ่นดินอาจต้องชะลอล่าช้าตัวออกไป และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความแปรปรวนตลอด และแข่งขันระหว่างประเทศที่สูงขึ้น
 
ขณะที่ปัจจัยลบรุมเร้าเศรษฐกิจไทย ดอกเบี้ยขาขึ้น พลังงานขาขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตขาขึ้น เป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่มาจากการขาดความต่อเนื่องของการบริหารประเทศที่เป็นสุญญากาศทางการเมืองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับประเทศและประชาชน” นายแสงชัย กล่าว
 
นายแสงชัย ตอบคำถามว่ารับได้ไหมกับขั้วพรรคเก่า เสริมพรรคเพื่อไทย ว่า การจับมือจัดตั้งรัฐบาลสูตรใดก็แล้วแต่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ดำเนินการโดยซื่อสัตย์สุจริต ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดกติกา ไม่มีการบังคับ ล้วนทำได้ทั้งสิ้น เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อเนื่อง แต่หากการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้สะท้อนเสียงหรือเจตนารมณ์ของประชาชนที่ใช้สิทธิ์เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ามาทำหน้าที่แทน ก็เป็นห่วงสถานการณ์การเมืองที่จะมีความรุกคืบเกิดข้อขัดแย้งที่จะเป็นปัญหาบานปลายได้
 
ทางออกที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านช่วงเวลานี้ได้ คือ ไม่สุดโต่งทางความคิด นำเหตุผลมาช่วยกันหาทางออกและยึดผลประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ และถ้าอ้างประชาชนเราก็ต้องกลับมาทบทวน มติประชาชนเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเพื่อประชาชน” แสงชัย กล่าว
 
นายแสงชัย กล่าวว่า จากการรับฟังสมาชิกสมาพันธ์เอสเอ็มไทย ส่วนภูมิภาค สะท้อนว่าเป็นกังวลกับสถานการณ์การเลือกนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่ลงตัว และห่วงใยเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ส่วนหนึ่งต้องขับเคลื่อนด้วยกลไกภาครัฐในการช่วยส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนายกระดับขีดความสามารถผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และภาคแรงงาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจในท้องถิ่น รวมทั้งสามารถผลักดันไปเติบโตได้ในตลาดอาเซียนและตลาดโลก
 
อีกทั้งมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก เมืองรองที่ต้องใช้กลไกภาครัฐร่วมเอกชนในการขับเคลื่อนดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยกันเองอีกทางหนึ่ง เพราะ 1 ใน 3 ของรายได้การท่องเที่ยวมาจากนักท่องเที่ยวชาวไทย การพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยีกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เข้าถึงการใช้ประโยชน์และพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
 
พร้อมกับกลไกสนับสนุนแหล่งทุนต้นทุนต่ำการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยในทุกมิติเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยว สิ่งสำคัญ คือ  การส่งเสริมการท่องเที่ยวท้องถิ่นให้คึกคักตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่