ธาริต-ญาติผู้เสียชีวิต คดี 99ศพ นัดแถลงเปิดข้อเท็จจริง ก่อนศาลอ่านคำพิพากษา
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4068564
ธาริต-ญาติผู้เสียชีวิต คดี 99ศพ เตรียมแถลงเปิดข้อเท็จจริง ก่อนศาลนัดอ่านพิพากษา
จากกรณีศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 9 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นาย
สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย
ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), พ.ต.ท.
วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ
จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.
ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.
ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง กรณีนาย
ธาริตกับพวกแจ้งข้อหาดำเนินคดีนาย
อภิสิทธิ์และนาย
สุเทพฐานสั่งฆ่าประชาชนในการสลายม็อบ นปช.เมื่อปี 2553 และมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้ว10ครั้ง โดยศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาออกเป็นวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 09.00 น.
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย
ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าในวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม เวลา 11.00 น.ที่ร.ร.มิราเคิลแกรนด์ หลักสี่ จะแถลงข่าวถึงคดีดังกล่าวพร้อมกับญาติผู้เสียชีวิตในคดี99ศพ พร้อมกับระบุว่า จะเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เนื่องจากในวันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 คดีดังกล่าวศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
ด้านนาย
ธาริต เปิดเผยกับมติชนออนไลน์ว่า ตนได้นัดหมายเพื่อเตรียมแถลงข่าวในประเด็นดังกล่าวจริงเนื่องเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลให้ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ป.อาญา มาตรา200 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยยื่นคำร้องผ่านศาลฎีกา เพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมตนต้องเลื่อนฟังคำพิพากษา ทั้งนี้ในวันที่ 10 กรกฎาคม ยืนยันว่าจะไปฟังคำพิพากษา และไม่สนใจว่าจะติดคุกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องการให้ความจริงถูกบิดเบือน และที่สำคัญตนอยากเรียกร้องให้คืนความยุติธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถึงแก่ความตาย 99 ศพ พร้อมครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้บาดเจ็บอีก 2,000 คน โดยในวันเสาร์นี้ (8 ก.ค.) จะเปิดข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ และข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเกี่ยวกับคดีนี้
‘ใบปอ’ ดีใจไม่สุด คว้าทุนเรียนฟรีเกาหลีใต้ แต่ติด ‘เงื่อนไข ม.112’ ห้ามออกนอกประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4068197
‘ใบปอ’ คว้าทุนซัมเมอร์ ไปเรียนฟรี 100 % ที่เกาหลีใต้ กังวลใจ ‘ม.112’ พรากโอกาส? ติดเงื่อนไขประกัน ห้ามออกนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.
ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาในคดีอาญามาตรา 112 จากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยการทำโพลสำรวจความเห็นในประเด็นต่างๆ ตามที่สาธารณะ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยถึงการได้รับทุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน เพื่อไปศึกษาภาคฤดูร้อนที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังติดปัญหาเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวในคดี ม.112 ที่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ สร้างความกังวลใจว่าตนจะพลาดโอกาสดังกล่าวหรือไม่
น.ส.
ณัฐนิชระบุว่า
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ใบปอได้รับการตอบรับจากมหาลัยที่ประเทศเกาหลี และได้รับทุนค่าเล่าเรียน 100% เพื่อไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศเกาหลีใต้ค่ะ
แต่จะดีใจก็ดีใจไม่สุดเพราะใบปอยังมี ”เงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ” ที่ได้มากจาก คดี ม.112 ที่ทำให้ต้องกังวลอยู่ ว่าเราจะได้ไปเรียนหรือเปล่า
หลังจากนี้ใบปอและทนายจะยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และรอฟังผลว่า ศาลจะให้เราไปเรียนได้ หรือจะขวางโอกาสและพรากสิทธิในการศึกษาของเราอีกครั้ง
เป็นกำลังใจในการสู้ครั้งนี้ของใบปอด้วยนะคะ
ด้าน กลุ่มทะลุวัง แชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมแสดงความเห็นว่า “บอสของเราเก่งที่สุดเลยคับ ”
https://www.facebook.com/baipor.five/posts/pfbid02U55Lx7sCE5snunxKPvYR79Hye93UKqx7KEefVqyqEKjE4AmxZ9qKRFXjovt8pSHql
เศรษฐา ย้ำหนุน พิธา นายกฯ เชื่อก้าวไกลรวมเสียงได้ ยัน ทักษิณ กลับ ไม่เกี่ยวพท.
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7753536
เศรษฐา ย้ำชัดหนุน พิธา นั่งนายกฯ เชื่อพรรคก้าวไกลรวมเสียงได้ มั่นใจเพื่อไทยไม่แตกแถว ยัน ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ไม่เกี่ยวเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2566 ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีขั้วรัฐบาลปัจจุบันระบุหากโหวตเลือกนายกฯ ครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน ในการโหวตครั้งถัดไปควรให้โอกาสพรรคอันดับสองเสนอชื่อ ไม่ควรเสนอชื่อเดิมซ้ำ เพราะไม่ใช่การเลือกหัวหน้าห้องว่า เลือกตั้งแต่เด็กๆ จำไม่ได้ว่าเลือกกันยังไง แต่เชื่อว่าต้องดูที่ตัวเลข ความจริงควรให้โอกาสเขาในการโหวตครั้งที่สอง
ส่วนจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่นั้น ตามที่ได้คุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คาดว่าจะได้ 376 เสียง ทั้งนี้ เราเลือกตั้งเสร็จแล้ว เราก็อยากให้การโหวตนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้เป็นไปได้ด้วยดี ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่แตกแถว สนับสนุนนาย
พิธา เป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย
เมื่อถามว่าส.ว.ส่วนใหญ่บอกจะไม่สนับสนุน จนมีกระแสข่าวซื้อเสียงแลกโหวตให้นาย
พิธา นาย
เศรษฐา กล่าวว่าไม่ทราบ แต่เรื่องการซื้อเสียง เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ควรใช้เหตุผลคุยกันมากกว่า เรื่องนี้สำคัญ เป็นเรื่องของประเทศชาติ ประชาชนได้พูดแล้วว่าอยากได้ฝ่ายไหนมาจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่าเงื่อนไขหลักของ ส.ว.กรณีการแก้ไขมาตรา 112 จะเป็นข้ออ้างในการโหวตเลือกนาย
พิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ส.ว.หลายคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่เชื่อว่าไม่เกิน 10 คน ซึ่งส.ว.มีถึง 250 คน อาจมีพลังเงียบที่เห็นกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย
เมื่อถามว่า ส.ว.ส่วนหนึ่งมองว่าในร่างเอ็มโอยู ของ 8 พรรคร่วม ไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่ลดเพดานเรื่องนี้ลง เพื่อผลักดันให้นาย
พิธาเป็นนายกฯ นาย
เศรษฐา กล่าวว่าต้องไปถามพรรคก้าวไกล เพราะเป็นคนเขียนเรื่องนี้มา เราเป็นพรรคอันดับสอง
เมื่อถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลต่อการแก้ปัญหาให้ประชาชนไปด้วยหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาที่ตนชี้นำมานานแล้ว เรามาทำกิจกรรมการเมืองเพื่อช่วยเหลือประชาชน 2 เดือนที่มีการเลือกตั้ง ผลออกมาชัดเจนและ กกต.ก็รับรองแล้ว แต่ยังไม่มีนายกฯ มันก็ลำบาก จะบริหารจัดการประเทศอย่างไร
ถ้าเลือกนายกฯ ได้เร็วๆ และฟอร์มรัฐบาลได้ภายในต้นเดือนส.ค. และกว่าจะใช้งบประมาณของปี 2567 ได้ จึงอยากวิงวอนให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนผลกระทบต่อภาคการลงทุนนั้น ตอนนี้เรายืนอยู่บนปากเหว ตัวเลขส่งออกติดลบ หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90% การลงทุนจากต่างประเทศก็ชะงัก เพราะไม่แน่ใจในทิศทางของรัฐบาลใหม่ และอีกสามเดือนก็จะเข้าสู่ไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว แต่ยังมีปัญหาเรื่องวีซ่า เรื่องโลจิสติกส์ เรื่องการบริหารจัดการสายการบิน ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดูแล
เมื่อถามถึงการแบ่งโควตากระทรวงในพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ยังอยู่ในการต่อรอง แต่จากที่ได้ยินมาก็น่าจะลงตัวกันหมดแล้ว ส่วนตัวไม่ได้อยู่ในคณะทำงานที่ถกเรื่องนี้ ตามความเข้าใจของตนคงเป็นตามที่สื่อเสนอ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยืนยันจะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนก.ค.นี้ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบข่าว แต่นายทักษิณ ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า หากกลับมาก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ไม่กระทบเรื่องของพรรค จะเข้ากระบวนการทางกฎหมาย ส่วนจะทำให้ทิศทางการเมืองเปลี่ยนหรือไม่นั้น นาย
ทักษิณย้ำแล้วว่าการกลับมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค และการจัดตั้งรัฐบาล การบริหารจัดการประเทศ ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวข้องกัน
‘อสังหา’ เชื่อต้องมีทางออก ทางเลือกใหม่ ถ้า ‘พิธา’ ไม่ผ่านโหวตนายกฯ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4068623
‘อสังหา’ เชื่อต้องมีทางออก ทางเลือกใหม่ ถ้า’พิธา’ไม่ผ่านโหวตนายกฯ
วันที่ 7 กรกฎาคม นาย
อธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ตอนนี้เอกชนก็รอดูผลการจัดตั้งรัฐบาลและการโหวต นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ซึ่งในมุมมองของภาคเอกชน อยากให้มีรัฐบาลใหม่เร็วที่สุด หากลากยาวไปเรื่อยๆจะกระทบกับความมั่นใจของนักลงทุน การบริโภคในประเทศ และเศรษฐกิจจะยิ่งแย่ไปอีก จากปัจจุบันอยู่ในภาวะทรงตัว มีเพียงภาคการท่องเที่ยวเท่านั้นที่เป็นตัวกระตุ้นจีดีพีของประเทศ เพราะปีนี้ภาคการส่งออกไม่ดี มีแนวโน้มติดลบ
“
เชื่อว่าการเมืองคงจะมีทางออก หาวิธีการทำให้โหวตผ่าน หากโหวตแล้วไม่ผ่าน ยังมีทางเลือกใหม่ และโหวตใหม่ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ชุมนุม เพราะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ถ้าโหวตแล้วสำเร็จ ตั้งรัฐบาลได้เร็ว คงไม่กระทบต่อเศรษฐกิจมาก”นาย
อธิปกล่าว
นาย
อธิปกล่าวว่า นักลงทุนคงไม่ดูแค่ใครคนใดคนหนึ่ง เขาดูว่าใครเป็นรัฐบาล มีเสถียรภาพหรือไม่ ขอแค่จัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จโดยเร็ว เมื่อได้รัฐบาลแล้ว ต้องรีบตั้งคณะรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจโดยเร็ว และต้องเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถ มาบริหาร แก้ปัญหา เศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่ยังอยู่ในภาวะฟื้นฟูและต้องการมาตรการมากระตุ้นในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการขยายตัวของจีดีพี
“
หน้าตาของคณะรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจก็มีส่วนสำคัญ ต้องให้ลงตัว ไม่มีคำว่ายี้ เป็นที่ยอรับทั้งนักธุรกิจ นักลงทุนต่างชาติและประชาชน และเป็นรัฐบาลที่อยู่นานๆ “นายอธิปกล่าว
นาย
อธิปกล่าวว่า ปัจจุบันหลังจากไม่มีรัฐบาลตัวจริง ทำให้ภาคเอกชนชะลอการลงทุน รอความชัดเจนจากรัฐบาลใหม่ ส่วนภาครัฐรอฟังนโยบาย การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และความชัดเจนการลงทุนใหม่ๆ โดยสิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจและจีดีพีของประเทศขยายตัวดีขึ้น คือ การลงทุนภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่รู้ว่าในไตรมาส4 ปี 2566 จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ได้ทันหรือไม่ เพราะกว่ารัฐบาลใหม่จะตั้งหลักได้คงต้องใช้เวลาเป็นเดือน
JJNY : 5in1 ธาริตนัดเปิดข้อเท็จจริง│‘ใบปอ’ดีใจไม่สุด│เศรษฐาย้ำหนุนพิธา│‘อสังหา’เชื่อต้องมีทางออก│ปูตินระส่ำ“ภัยแวกเนอร์”
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_4068564
ธาริต-ญาติผู้เสียชีวิต คดี 99ศพ เตรียมแถลงเปิดข้อเท็จจริง ก่อนศาลนัดอ่านพิพากษา
จากกรณีศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 9 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ
จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง กรณีนายธาริตกับพวกแจ้งข้อหาดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพฐานสั่งฆ่าประชาชนในการสลายม็อบ นปช.เมื่อปี 2553 และมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษามาแล้ว10ครั้ง โดยศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาออกเป็นวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 09.00 น.
เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าในวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม เวลา 11.00 น.ที่ร.ร.มิราเคิลแกรนด์ หลักสี่ จะแถลงข่าวถึงคดีดังกล่าวพร้อมกับญาติผู้เสียชีวิตในคดี99ศพ พร้อมกับระบุว่า จะเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เนื่องจากในวันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม 2566 คดีดังกล่าวศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
ด้านนายธาริต เปิดเผยกับมติชนออนไลน์ว่า ตนได้นัดหมายเพื่อเตรียมแถลงข่าวในประเด็นดังกล่าวจริงเนื่องเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นคำร้องต่อศาลให้ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ป.อาญา มาตรา200 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยยื่นคำร้องผ่านศาลฎีกา เพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมตนต้องเลื่อนฟังคำพิพากษา ทั้งนี้ในวันที่ 10 กรกฎาคม ยืนยันว่าจะไปฟังคำพิพากษา และไม่สนใจว่าจะติดคุกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องการให้ความจริงถูกบิดเบือน และที่สำคัญตนอยากเรียกร้องให้คืนความยุติธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถึงแก่ความตาย 99 ศพ พร้อมครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้บาดเจ็บอีก 2,000 คน โดยในวันเสาร์นี้ (8 ก.ค.) จะเปิดข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน ที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ และข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเกี่ยวกับคดีนี้
‘ใบปอ’ ดีใจไม่สุด คว้าทุนเรียนฟรีเกาหลีใต้ แต่ติด ‘เงื่อนไข ม.112’ ห้ามออกนอกประเทศ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4068197
‘ใบปอ’ คว้าทุนซัมเมอร์ ไปเรียนฟรี 100 % ที่เกาหลีใต้ กังวลใจ ‘ม.112’ พรากโอกาส? ติดเงื่อนไขประกัน ห้ามออกนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ นักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาในคดีอาญามาตรา 112 จากการเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยการทำโพลสำรวจความเห็นในประเด็นต่างๆ ตามที่สาธารณะ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เปิดเผยถึงการได้รับทุนค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน เพื่อไปศึกษาภาคฤดูร้อนที่ประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังติดปัญหาเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวในคดี ม.112 ที่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ สร้างความกังวลใจว่าตนจะพลาดโอกาสดังกล่าวหรือไม่
น.ส.ณัฐนิชระบุว่า สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ใบปอได้รับการตอบรับจากมหาลัยที่ประเทศเกาหลี และได้รับทุนค่าเล่าเรียน 100% เพื่อไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศเกาหลีใต้ค่ะ
แต่จะดีใจก็ดีใจไม่สุดเพราะใบปอยังมี ”เงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ” ที่ได้มากจาก คดี ม.112 ที่ทำให้ต้องกังวลอยู่ ว่าเราจะได้ไปเรียนหรือเปล่า
หลังจากนี้ใบปอและทนายจะยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และรอฟังผลว่า ศาลจะให้เราไปเรียนได้ หรือจะขวางโอกาสและพรากสิทธิในการศึกษาของเราอีกครั้ง
เป็นกำลังใจในการสู้ครั้งนี้ของใบปอด้วยนะคะ
ด้าน กลุ่มทะลุวัง แชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมแสดงความเห็นว่า “บอสของเราเก่งที่สุดเลยคับ ”
https://www.facebook.com/baipor.five/posts/pfbid02U55Lx7sCE5snunxKPvYR79Hye93UKqx7KEefVqyqEKjE4AmxZ9qKRFXjovt8pSHql
เศรษฐา ย้ำหนุน พิธา นายกฯ เชื่อก้าวไกลรวมเสียงได้ ยัน ทักษิณ กลับ ไม่เกี่ยวพท.
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7753536
เศรษฐา ย้ำชัดหนุน พิธา นั่งนายกฯ เชื่อพรรคก้าวไกลรวมเสียงได้ มั่นใจเพื่อไทยไม่แตกแถว ยัน ‘ทักษิณ’ กลับบ้าน ไม่เกี่ยวเพื่อไทย
เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2566 ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีขั้วรัฐบาลปัจจุบันระบุหากโหวตเลือกนายกฯ ครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน ในการโหวตครั้งถัดไปควรให้โอกาสพรรคอันดับสองเสนอชื่อ ไม่ควรเสนอชื่อเดิมซ้ำ เพราะไม่ใช่การเลือกหัวหน้าห้องว่า เลือกตั้งแต่เด็กๆ จำไม่ได้ว่าเลือกกันยังไง แต่เชื่อว่าต้องดูที่ตัวเลข ความจริงควรให้โอกาสเขาในการโหวตครั้งที่สอง
ส่วนจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่นั้น ตามที่ได้คุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล คาดว่าจะได้ 376 เสียง ทั้งนี้ เราเลือกตั้งเสร็จแล้ว เราก็อยากให้การโหวตนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้เป็นไปได้ด้วยดี ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่แตกแถว สนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย
เมื่อถามว่าส.ว.ส่วนใหญ่บอกจะไม่สนับสนุน จนมีกระแสข่าวซื้อเสียงแลกโหวตให้นายพิธา นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่ทราบ แต่เรื่องการซื้อเสียง เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ควรใช้เหตุผลคุยกันมากกว่า เรื่องนี้สำคัญ เป็นเรื่องของประเทศชาติ ประชาชนได้พูดแล้วว่าอยากได้ฝ่ายไหนมาจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่าเงื่อนไขหลักของ ส.ว.กรณีการแก้ไขมาตรา 112 จะเป็นข้ออ้างในการโหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ส.ว.หลายคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่เชื่อว่าไม่เกิน 10 คน ซึ่งส.ว.มีถึง 250 คน อาจมีพลังเงียบที่เห็นกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย
เมื่อถามว่า ส.ว.ส่วนหนึ่งมองว่าในร่างเอ็มโอยู ของ 8 พรรคร่วม ไม่มีเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่ลดเพดานเรื่องนี้ลง เพื่อผลักดันให้นายพิธาเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่าต้องไปถามพรรคก้าวไกล เพราะเป็นคนเขียนเรื่องนี้มา เราเป็นพรรคอันดับสอง
เมื่อถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลต่อการแก้ปัญหาให้ประชาชนไปด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า นี่เป็นปัญหาที่ตนชี้นำมานานแล้ว เรามาทำกิจกรรมการเมืองเพื่อช่วยเหลือประชาชน 2 เดือนที่มีการเลือกตั้ง ผลออกมาชัดเจนและ กกต.ก็รับรองแล้ว แต่ยังไม่มีนายกฯ มันก็ลำบาก จะบริหารจัดการประเทศอย่างไร
ถ้าเลือกนายกฯ ได้เร็วๆ และฟอร์มรัฐบาลได้ภายในต้นเดือนส.ค. และกว่าจะใช้งบประมาณของปี 2567 ได้ จึงอยากวิงวอนให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนผลกระทบต่อภาคการลงทุนนั้น ตอนนี้เรายืนอยู่บนปากเหว ตัวเลขส่งออกติดลบ หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90% การลงทุนจากต่างประเทศก็ชะงัก เพราะไม่แน่ใจในทิศทางของรัฐบาลใหม่ และอีกสามเดือนก็จะเข้าสู่ไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว แต่ยังมีปัญหาเรื่องวีซ่า เรื่องโลจิสติกส์ เรื่องการบริหารจัดการสายการบิน ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดูแล
เมื่อถามถึงการแบ่งโควตากระทรวงในพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังอยู่ในการต่อรอง แต่จากที่ได้ยินมาก็น่าจะลงตัวกันหมดแล้ว ส่วนตัวไม่ได้อยู่ในคณะทำงานที่ถกเรื่องนี้ ตามความเข้าใจของตนคงเป็นตามที่สื่อเสนอ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยืนยันจะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนก.ค.นี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบข่าว แต่นายทักษิณ ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า หากกลับมาก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ไม่กระทบเรื่องของพรรค จะเข้ากระบวนการทางกฎหมาย ส่วนจะทำให้ทิศทางการเมืองเปลี่ยนหรือไม่นั้น นายทักษิณย้ำแล้วว่าการกลับมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค และการจัดตั้งรัฐบาล การบริหารจัดการประเทศ ดังนั้น จึงไม่เกี่ยวข้องกัน
‘อสังหา’ เชื่อต้องมีทางออก ทางเลือกใหม่ ถ้า ‘พิธา’ ไม่ผ่านโหวตนายกฯ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4068623
‘อสังหา’ เชื่อต้องมีทางออก ทางเลือกใหม่ ถ้า’พิธา’ไม่ผ่านโหวตนายกฯ
วันที่ 7 กรกฎาคม นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ตอนนี้เอกชนก็รอดูผลการจัดตั้งรัฐบาลและการโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ซึ่งในมุมมองของภาคเอกชน อยากให้มีรัฐบาลใหม่เร็วที่สุด หากลากยาวไปเรื่อยๆจะกระทบกับความมั่นใจของนักลงทุน การบริโภคในประเทศ และเศรษฐกิจจะยิ่งแย่ไปอีก จากปัจจุบันอยู่ในภาวะทรงตัว มีเพียงภาคการท่องเที่ยวเท่านั้นที่เป็นตัวกระตุ้นจีดีพีของประเทศ เพราะปีนี้ภาคการส่งออกไม่ดี มีแนวโน้มติดลบ
“เชื่อว่าการเมืองคงจะมีทางออก หาวิธีการทำให้โหวตผ่าน หากโหวตแล้วไม่ผ่าน ยังมีทางเลือกใหม่ และโหวตใหม่ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ชุมนุม เพราะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ถ้าโหวตแล้วสำเร็จ ตั้งรัฐบาลได้เร็ว คงไม่กระทบต่อเศรษฐกิจมาก”นายอธิปกล่าว
นายอธิปกล่าวว่า นักลงทุนคงไม่ดูแค่ใครคนใดคนหนึ่ง เขาดูว่าใครเป็นรัฐบาล มีเสถียรภาพหรือไม่ ขอแค่จัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จโดยเร็ว เมื่อได้รัฐบาลแล้ว ต้องรีบตั้งคณะรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจโดยเร็ว และต้องเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถ มาบริหาร แก้ปัญหา เศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่ยังอยู่ในภาวะฟื้นฟูและต้องการมาตรการมากระตุ้นในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการขยายตัวของจีดีพี
“หน้าตาของคณะรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจก็มีส่วนสำคัญ ต้องให้ลงตัว ไม่มีคำว่ายี้ เป็นที่ยอรับทั้งนักธุรกิจ นักลงทุนต่างชาติและประชาชน และเป็นรัฐบาลที่อยู่นานๆ “นายอธิปกล่าว
นายอธิปกล่าวว่า ปัจจุบันหลังจากไม่มีรัฐบาลตัวจริง ทำให้ภาคเอกชนชะลอการลงทุน รอความชัดเจนจากรัฐบาลใหม่ ส่วนภาครัฐรอฟังนโยบาย การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และความชัดเจนการลงทุนใหม่ๆ โดยสิ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจและจีดีพีของประเทศขยายตัวดีขึ้น คือ การลงทุนภาครัฐและเอกชน แต่ยังไม่รู้ว่าในไตรมาส4 ปี 2566 จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ได้ทันหรือไม่ เพราะกว่ารัฐบาลใหม่จะตั้งหลักได้คงต้องใช้เวลาเป็นเดือน