การเมืองไทย ...ไม่มีเรื่องบังเอิญ
ถ้าเราเข้าใจการเมืองปัจจุบัน เราย่อมรู้ที่มาของส.ว. ชุดนี้ ว่าถูกคัดเลือกจาก สนช. โดยสนช. ถูกแต่งตั้งจากคสช. อีกที ดังนั้นพรรคไหนที่เป็นศัตรูกับกองทัพ มีโอกาสยากมาก ที่จะได้รับการโหวตเห็นชอบให้
จุดยืนสำคัญมากๆ 2 อย่าง ที่เป็นนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลคือการ "ลดขนาดกองทัพ" และ "การแก้ไขมาตรา 112"
อย่างแรกคือ การลดขนาดกองทัพนั้น รายละเอียดคือ จะลดงบประมาณทหาร ,ลดกำลังพล 40% และ ลดจำนวนนายพล จากปัจจุบันประมาณ 800 นาย ให้เหลือแค่ 400 นายเท่านั้น
หากเราคิดตามcommon sense ถ้าพิธาเป็นนายกฯ ได้ ฝ่ายกองทัพก็จะเสียประโยชน์ ได้งบน้อยลง รวมถึงทหารหลายคน อาจโดนเช็กบิลย้อนหลัง ดังนั้นฝ่ายกองทัพที่เป็นคนแต่งตั้ง ส.ว. จึงย่อมไม่ชอบใจอยู่แล้ว
นโยบายอย่างที่ 2 ของพรรคก้าวไกลคือการแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นอีกจุด ที่เอาเสียงจาก ส.ว. ได้ยาก
ส.ว. หลายท่าน เข้าใจว่า ถ้ามาตรา 112 โดนแก้ไขเมื่อไหร่ สถาบันพระมหากษัตริย์ จะเดินทางไปสู่ความล่มสลายทันที ดังนั้นแค่คิดจะแตะต้อง หรือพยายามปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันยุคสมัย ก็ทำไม่ได้ และนี่เป็นกำแพงที่จะไม่โหวตให้พิธา ซึ่งเป็นตัวแทนของก้าวไกล
ในโลกนี้ ประเทศอื่นๆ นั้น พอเลือกตั้งทั่วไปเสร็จแล้ว รู้แพ้รู้ชนะ แทบทุกครั้ง เราก็จะรู้นายกรัฐมนตรีทันที แต่ด้วยระบบของการเมืองไทย ที่คสช. ออกแบบมาตอนทำรัฐประหาร ทำให้ ส.ว. 250 คน มีพาวเวอร์มากกว่าเสียงของประชาชนเสียอีก
ด้วยพลังของ ส.ว. ที่มากขนาดนี้ ก้าวไกลได้ 14.4 ล้านเสียง ถ้ารวมทั้งหมด 8 พรรคร่วมรัฐบาล ได้เสียงถึง 30 ล้าน แต่ก็ยังไม่พอ
มี ส.ส. 312 คน (จาก 500) ที่พร้อมโหวตให้ก็ยังไม่พอ
พวกเขาต้องภาวนาให้ ส.ว.ส่วนหนึ่งแบ่งคะแนนมาเลือกด้วย แต่ประเด็นคือ ส.ว. ก็เป็นคนของคสช. ทั้งนั้น พูดตรงๆ มันเป็นเกมที่แปลกประหลาดมาก
จริงๆ แล้ว ถ้าเราดูลำดับเวลา จะเห็นว่าการต่อสู้ของขั้วอำนาจเดิมกับฝั่งก้าวไกลนั้น มีกลยุทธ์อย่างเป็นขั้นตอน
หนึ่งวันก่อนเลือกนายกฯ กกต. ส่งเรื่องไอทีวี ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ขอสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่
แน่นอน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินทันทีไม่ได้ แต่มันเป็นข้ออ้างที่ดี ที่จะช่วยให้ ส.ว. "หาทางลง" ใช้การ No Vote โดยระบุว่า ก็พิธายังเคลียร์ตัวเองไม่เรียบร้อยเลย ถ้าโหวตเห็นชอบไปเป็นนายกฯ แล้วโดนศาลรัฐธรรมนูญสอยร่วง จะมีความหมายอะไร ก็ต้องเสียเวลาเลือกนายกฯ คนใหม่กันอีก
เส้นทางของพิธา ในการเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเต็มไปด้วยขวากหนามสารพัด ....
พลเอกประวิตรไปอังกฤษ-ทักษิณจะกลับไทยสิ้นเดือนนี้-กกต.เชือดพิธาโดยไม่ให้ชี้แจง-ส่งศาลรธน.-สว.
โหวตค่ำพิธา-เพื่อไทยยื่นข้อเสนอให้สามครั้ง-ไม่ผ่านก็ดีดตัวออก-ก้าวไกลเปนฝ่ายค้าน-ครบเทอมสี่ปีหน้า ก็ยุบพรรคจะได้ปิดโอกาศที่จะเห็น"ส้มทั้งแผ่นดิน".....
เห็นไหมครับว่า ทุกอย่างมันไม่มีคำว่า"บังเอิญ"ในเกมแห่งอำนาจของการเมืองไทย ที่ฝ่ายอนุรักษ์เขาไม่เคยแพ้...และจะไม่แพ้ตลอดไป
ทุกตำแหน่งในเกมถูกวางบทโดยพวกเขาหมด....เช่น
- กกต. มาจากการลงมติเห็นชอบโดยสนช. หรือจุดเริ่มต้น คือมาจากคสช. เช่นกัน
- ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องผ่าน สนช. และ สว. ซึ่งก็มาจากคสช. อีกที
จะเห็นว่า คสช. หรือเครือข่ายทหาร ครอบคลุมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ, กกต. และ ส.ว. นี่เป็นเกมที่บีบให้ฝ่ายก้าวไกลต้องเป็นผู้แพ้อย่างเดียว ตัดประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกจากสมการนี้ทิ้งไป
ฝ่ายกองทัพ และคสช. มีอำนาจรัฐเต็มมือ มีทหาร มีตำรวจ ประชาชนไม่พอใจแล้วยังไงต่อ ก็ต้องยอมศิโรราบอยู่ดี
สำหรับการโหวตนายกฯ ที่จบลงไปเมื่อเย็นนี้ พิธาได้คะแนนเห็นชอบเพียง 324 เสียงเท่านั้น ต้องได้ 375 เสียงจึงจะได้เป็นนายก แปลว่าขาดไปทั้งหมด 51 เสียง
สำหรับ Scenario ที่จะเกิดขึ้นในการเมืองไทยต่อไป คือ วันที่ 19 กรกฎาคมนี้ พิธาจะถูกเสนอชื่ออีกครั้งจากประธานสภา แต่คำถามคือ เขาจะไปควานหา 51 เสียงจากไหน?
1) ยอมถอยเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ออก นั่นจะทำให้พรรคอื่นๆ เช่นภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์ หรือ ชาติไทยพัฒนา แม้แต่ ส.ว. จำนวนหนึ่ง มาร่วมกับก้าวไกลได้ โอกาสไปถึง 376 เสียงก็มีสูง แต่ถ้าทำแบบนั้น ก้าวไกลจะผิดสัญญาประชาคม หักหลังฐานเสียงของพรรคตัวเอง พิธาได้เป็นนายกฯ จริง แต่ก็จะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในระยะยาว
2) ไม่ถอยมาตรา 112 ไม่ดีลกับภูมิใจไทย แต่ไปเจรจากับพรรคที่ No Vote มาให้ได้ทั้งหมด เช่นประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา, ชาติพัฒนากล้า, ครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคใหม่ ทั้งหมดนี้ จะมีเสียงรวม 40 เสียง และไปแงะหาจาก ส.ว. อีก 11 เสียง เป็นเรื่องยาก แต่พอเป็นไปได้ อยู่ที่ฝีมือการดีลของพรรคก้าวไกลแล้ว
3) ไม่ยอมดีล ไม่ยอมถอย ไม่ยอมอะไรเลย วัดใจไปกับการโหวตอีกครั้ง และแน่นอนว่า ย่อมไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
4) ถ้าโหวตต่อแล้วไม่ผ่านในครั้งที่ 2 คงยากแล้วที่ประธานสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา จะให้พิธาโหวตต่อในรอบ 3 เพราะประเทศ จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรี มีรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป คราวนี้ก็จะเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยแทน
5) คำถามคือ ส.ว. จะโอเคไหม ถ้าพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย ถ้า ส.ว. (ซึ่งก็คือ คสช.) ไม่โอเค พรรคเพื่อไทยก็ต้องไปรวมขั้วใหม่มา อาจจับกับภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์ และ รวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์แล้ว แบ่งเค้กกันให้ลงตัว แล้วดันเศรษฐา ทวีสินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ส่วนพรรคก้าวไกลก็ไปเป็นฝ่ายค้าน
ระหว่างนั้น องค์อสระอิสระ ก็จะหาทางเด็ดหัว พิธาและพลพรรคส้ม ด้วยนิติกรรมสงคราม เหมือนที่กำจัดธนาธร มาแล้วหนึ่งคน ในปี 2562 เพราะฉนั้นที่บอกกันว่า ไม่เปนไรๆ ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านก็แล้วกัน แล้วสมัยหน้าจะมากวาดให้ส้มถล่มทลาย...คุณคิดเหรอว่า พวกเขาจะยอมให้ภาพนี้มันเกิดขึ้นน่ะ
นี่ คือ ความน่าเศร้าใจของการเมืองไทยครับ ที่มันวนลูปอยุ่แบบนี้...
สิ่งที่ผมรู้สึกจากการโหวตนายกฯ ในวันนี้นะครับ
- ส.ส. จะโหวตไม่เห็นชอบ ผมเข้าใจได้เลย เป็นสิทธิ์อันชอบธรรม คุณเป็นตัวแทนของประชาชน คุณจะโหวตอะไรก็ได้อยู่แล้ว เพราะเขาเลือกคุณมา
- แต่ ส.ว. เป็นหน่วยงานที่ไร้ค่ามาก พวกเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเดียว ถ้าย้อนไปในปี 2562 ส.ว. ก็พร้อมใจโหวต ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ "ไม่อยากขัดมติของประชาชน" แต่ในวันนี้ มีทั้งโหวตไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง ใส่พิธา สรุปคือ ตระบัดสัตย์สิ่งที่ตัวเองเคยทำง่ายๆ
- ส.ว. ไม่ยอมเข้าสภาในวันนี้ มากกว่า 40 คน อ้างว่าติดภารกิจนี่นั่นโน่น ยังมีภารกิจอะไรที่สำคัญกว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศอีกหรือ ทำไมประเทศเราต้องจ่ายเงินเดือนเป็นแสนให้คนพวกนี้ ที่ไม่มาทำงานด้วย
- ทำไม ส.ว. ถึงมีอำนาจมากขนาดนั้น เราไม่เห็นความผิดปกติจริงๆ หรอ ที่คนสิบๆ ล้าน ต้องมาอ้อนวอนขอเสียง 250 คน ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งด้วย
- เวลาคุณแข่งขันแพ้ แล้วไม่ยอมแพ้ จะไปสอนเด็กรุ่นหลังอย่างไร รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เรื่องพื้นฐานง่ายๆ ยังทำกันไม่ได้เลย
- ทำไมถึงคิดว่าจะหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงได้ อีก 4 ปีข้างหน้า คนรุ่น ส.ว. รุ่น คสช. ก็ทยอยเสียชีวิตกันไป แล้วเด็กเจเนเรชั่นใหม่ ก็เพิ่มขึ้นมา ณ เวลานี้ ยังพอมีทางเชื่อม ระหว่าง 2 เจเนเรชั่นไว้ด้วยกัน ทำไมถึงไม่ทำ
คนที่ปากบอกว่ารักชาติ อยากให้ไทยรวมใจกันเป็นหนึ่ง คุณอยากให้คนไทย 2 เจน เข้าใจกันจริงๆ หรือเปล่า หรืออยากแค่อยู่ในอำนาจ และกดอีกฝ่ายไว้แค่นั้น
การกดผู้อื่นไว้ด้วยการเล่นในกติกาประหลาด กล้าขัดต่อเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ยิ่งเป็นการสั่งสมความเจ็บแค้น และเพาะพันธุ์ความเกลียดชังให้คนรุ่นใหม่ในทุกๆ วัน แล้วมันจะปรองดองกันได้ยังไง
สำหรับผม มันไม่สำคัญว่าคนที่ถูกเสนอชื่อวันนี้ คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือเป็นใคร แต่ถ้าคุณรวมเสียงประชาชนได้ คุณก็ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี แค่นั้นเอง
ต่อให้ไม่ใช่นายพิธา แต่เป็นคนอื่น ผมก็ยังยึดในหลักการนี้เหมือนเดิม ถ้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เสียงข้างมากในสภาล่าง เขาก็สมควรเป็นนายกฯ เช่นกัน เพราะเจตจำนงของประชาชนต้องการแบบนั้น
เหตุการณ์วันนี้ ผมรู้สึกว่าเราจะเลือกตั้งกันทำไม ถ้าต้องเล่นในกฎที่ไม่ยุติธรรม
ทีมรองบ่อน ที่คาดว่าจะแพ้แน่ๆ ได้จุดโทษในนาทีสุดท้าย พอยิงเข้า กรรมการสั่งให้ยิงใหม่ ยิงเข้าอีกให้ยิงใหม่อีก ยิงเข้าอีกก็ยิงใหม่อีก ยิงซ้ำไปเรื่อยๆ พอพลาดเมื่อไหร่ กรรมการค่อยเป่าจบเกม เหตุการณ์นี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้
และความไม่ยุติธรรมนี้ ก็จะถูกฝังรากลึกในใจของผู้คน จนไม่มีทางที่จะสมานฉันท์กันได้อีกแล้ว โอกาสที่จะหาทางออกร่วมกันของทุกปัญหา มันเลยผ่านไปแล้ว
อาจไม่ใช่วันนี้ อาจไม่ใช่ในปีนี้ แต่เมื่อเวลาของคนใน"เจนฯใหม่"มาถึง การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ถึงวันนั้น คิดจะประนีประนอม อาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ครับ.....โอยยย เมื่อยนิ้ว!
การเมืองไทย ...ไม่มีอะไรที่บังเอิญ
ถ้าเราเข้าใจการเมืองปัจจุบัน เราย่อมรู้ที่มาของส.ว. ชุดนี้ ว่าถูกคัดเลือกจาก สนช. โดยสนช. ถูกแต่งตั้งจากคสช. อีกที ดังนั้นพรรคไหนที่เป็นศัตรูกับกองทัพ มีโอกาสยากมาก ที่จะได้รับการโหวตเห็นชอบให้
จุดยืนสำคัญมากๆ 2 อย่าง ที่เป็นนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลคือการ "ลดขนาดกองทัพ" และ "การแก้ไขมาตรา 112"
อย่างแรกคือ การลดขนาดกองทัพนั้น รายละเอียดคือ จะลดงบประมาณทหาร ,ลดกำลังพล 40% และ ลดจำนวนนายพล จากปัจจุบันประมาณ 800 นาย ให้เหลือแค่ 400 นายเท่านั้น
หากเราคิดตามcommon sense ถ้าพิธาเป็นนายกฯ ได้ ฝ่ายกองทัพก็จะเสียประโยชน์ ได้งบน้อยลง รวมถึงทหารหลายคน อาจโดนเช็กบิลย้อนหลัง ดังนั้นฝ่ายกองทัพที่เป็นคนแต่งตั้ง ส.ว. จึงย่อมไม่ชอบใจอยู่แล้ว
นโยบายอย่างที่ 2 ของพรรคก้าวไกลคือการแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นอีกจุด ที่เอาเสียงจาก ส.ว. ได้ยาก
ส.ว. หลายท่าน เข้าใจว่า ถ้ามาตรา 112 โดนแก้ไขเมื่อไหร่ สถาบันพระมหากษัตริย์ จะเดินทางไปสู่ความล่มสลายทันที ดังนั้นแค่คิดจะแตะต้อง หรือพยายามปรับปรุงกฎหมายให้เท่าทันยุคสมัย ก็ทำไม่ได้ และนี่เป็นกำแพงที่จะไม่โหวตให้พิธา ซึ่งเป็นตัวแทนของก้าวไกล
ในโลกนี้ ประเทศอื่นๆ นั้น พอเลือกตั้งทั่วไปเสร็จแล้ว รู้แพ้รู้ชนะ แทบทุกครั้ง เราก็จะรู้นายกรัฐมนตรีทันที แต่ด้วยระบบของการเมืองไทย ที่คสช. ออกแบบมาตอนทำรัฐประหาร ทำให้ ส.ว. 250 คน มีพาวเวอร์มากกว่าเสียงของประชาชนเสียอีก
ด้วยพลังของ ส.ว. ที่มากขนาดนี้ ก้าวไกลได้ 14.4 ล้านเสียง ถ้ารวมทั้งหมด 8 พรรคร่วมรัฐบาล ได้เสียงถึง 30 ล้าน แต่ก็ยังไม่พอ
มี ส.ส. 312 คน (จาก 500) ที่พร้อมโหวตให้ก็ยังไม่พอ
พวกเขาต้องภาวนาให้ ส.ว.ส่วนหนึ่งแบ่งคะแนนมาเลือกด้วย แต่ประเด็นคือ ส.ว. ก็เป็นคนของคสช. ทั้งนั้น พูดตรงๆ มันเป็นเกมที่แปลกประหลาดมาก
จริงๆ แล้ว ถ้าเราดูลำดับเวลา จะเห็นว่าการต่อสู้ของขั้วอำนาจเดิมกับฝั่งก้าวไกลนั้น มีกลยุทธ์อย่างเป็นขั้นตอน
หนึ่งวันก่อนเลือกนายกฯ กกต. ส่งเรื่องไอทีวี ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ขอสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่
แน่นอน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินทันทีไม่ได้ แต่มันเป็นข้ออ้างที่ดี ที่จะช่วยให้ ส.ว. "หาทางลง" ใช้การ No Vote โดยระบุว่า ก็พิธายังเคลียร์ตัวเองไม่เรียบร้อยเลย ถ้าโหวตเห็นชอบไปเป็นนายกฯ แล้วโดนศาลรัฐธรรมนูญสอยร่วง จะมีความหมายอะไร ก็ต้องเสียเวลาเลือกนายกฯ คนใหม่กันอีก
เส้นทางของพิธา ในการเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเต็มไปด้วยขวากหนามสารพัด ....
พลเอกประวิตรไปอังกฤษ-ทักษิณจะกลับไทยสิ้นเดือนนี้-กกต.เชือดพิธาโดยไม่ให้ชี้แจง-ส่งศาลรธน.-สว.
โหวตค่ำพิธา-เพื่อไทยยื่นข้อเสนอให้สามครั้ง-ไม่ผ่านก็ดีดตัวออก-ก้าวไกลเปนฝ่ายค้าน-ครบเทอมสี่ปีหน้า ก็ยุบพรรคจะได้ปิดโอกาศที่จะเห็น"ส้มทั้งแผ่นดิน".....
เห็นไหมครับว่า ทุกอย่างมันไม่มีคำว่า"บังเอิญ"ในเกมแห่งอำนาจของการเมืองไทย ที่ฝ่ายอนุรักษ์เขาไม่เคยแพ้...และจะไม่แพ้ตลอดไป
ทุกตำแหน่งในเกมถูกวางบทโดยพวกเขาหมด....เช่น
- กกต. มาจากการลงมติเห็นชอบโดยสนช. หรือจุดเริ่มต้น คือมาจากคสช. เช่นกัน
- ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องผ่าน สนช. และ สว. ซึ่งก็มาจากคสช. อีกที
จะเห็นว่า คสช. หรือเครือข่ายทหาร ครอบคลุมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ, กกต. และ ส.ว. นี่เป็นเกมที่บีบให้ฝ่ายก้าวไกลต้องเป็นผู้แพ้อย่างเดียว ตัดประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกจากสมการนี้ทิ้งไป
ฝ่ายกองทัพ และคสช. มีอำนาจรัฐเต็มมือ มีทหาร มีตำรวจ ประชาชนไม่พอใจแล้วยังไงต่อ ก็ต้องยอมศิโรราบอยู่ดี
สำหรับการโหวตนายกฯ ที่จบลงไปเมื่อเย็นนี้ พิธาได้คะแนนเห็นชอบเพียง 324 เสียงเท่านั้น ต้องได้ 375 เสียงจึงจะได้เป็นนายก แปลว่าขาดไปทั้งหมด 51 เสียง
สำหรับ Scenario ที่จะเกิดขึ้นในการเมืองไทยต่อไป คือ วันที่ 19 กรกฎาคมนี้ พิธาจะถูกเสนอชื่ออีกครั้งจากประธานสภา แต่คำถามคือ เขาจะไปควานหา 51 เสียงจากไหน?
1) ยอมถอยเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ออก นั่นจะทำให้พรรคอื่นๆ เช่นภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์ หรือ ชาติไทยพัฒนา แม้แต่ ส.ว. จำนวนหนึ่ง มาร่วมกับก้าวไกลได้ โอกาสไปถึง 376 เสียงก็มีสูง แต่ถ้าทำแบบนั้น ก้าวไกลจะผิดสัญญาประชาคม หักหลังฐานเสียงของพรรคตัวเอง พิธาได้เป็นนายกฯ จริง แต่ก็จะมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในระยะยาว
2) ไม่ถอยมาตรา 112 ไม่ดีลกับภูมิใจไทย แต่ไปเจรจากับพรรคที่ No Vote มาให้ได้ทั้งหมด เช่นประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา, ชาติพัฒนากล้า, ครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคใหม่ ทั้งหมดนี้ จะมีเสียงรวม 40 เสียง และไปแงะหาจาก ส.ว. อีก 11 เสียง เป็นเรื่องยาก แต่พอเป็นไปได้ อยู่ที่ฝีมือการดีลของพรรคก้าวไกลแล้ว
3) ไม่ยอมดีล ไม่ยอมถอย ไม่ยอมอะไรเลย วัดใจไปกับการโหวตอีกครั้ง และแน่นอนว่า ย่อมไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
4) ถ้าโหวตต่อแล้วไม่ผ่านในครั้งที่ 2 คงยากแล้วที่ประธานสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา จะให้พิธาโหวตต่อในรอบ 3 เพราะประเทศ จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรี มีรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป คราวนี้ก็จะเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยแทน
5) คำถามคือ ส.ว. จะโอเคไหม ถ้าพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วย ถ้า ส.ว. (ซึ่งก็คือ คสช.) ไม่โอเค พรรคเพื่อไทยก็ต้องไปรวมขั้วใหม่มา อาจจับกับภูมิใจไทย, ประชาธิปัตย์ และ รวมไทยสร้างชาติ ที่ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์แล้ว แบ่งเค้กกันให้ลงตัว แล้วดันเศรษฐา ทวีสินขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ส่วนพรรคก้าวไกลก็ไปเป็นฝ่ายค้าน
ระหว่างนั้น องค์อสระอิสระ ก็จะหาทางเด็ดหัว พิธาและพลพรรคส้ม ด้วยนิติกรรมสงคราม เหมือนที่กำจัดธนาธร มาแล้วหนึ่งคน ในปี 2562 เพราะฉนั้นที่บอกกันว่า ไม่เปนไรๆ ก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านก็แล้วกัน แล้วสมัยหน้าจะมากวาดให้ส้มถล่มทลาย...คุณคิดเหรอว่า พวกเขาจะยอมให้ภาพนี้มันเกิดขึ้นน่ะ
นี่ คือ ความน่าเศร้าใจของการเมืองไทยครับ ที่มันวนลูปอยุ่แบบนี้...
สิ่งที่ผมรู้สึกจากการโหวตนายกฯ ในวันนี้นะครับ
- ส.ส. จะโหวตไม่เห็นชอบ ผมเข้าใจได้เลย เป็นสิทธิ์อันชอบธรรม คุณเป็นตัวแทนของประชาชน คุณจะโหวตอะไรก็ได้อยู่แล้ว เพราะเขาเลือกคุณมา
- แต่ ส.ว. เป็นหน่วยงานที่ไร้ค่ามาก พวกเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเดียว ถ้าย้อนไปในปี 2562 ส.ว. ก็พร้อมใจโหวต ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ "ไม่อยากขัดมติของประชาชน" แต่ในวันนี้ มีทั้งโหวตไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง ใส่พิธา สรุปคือ ตระบัดสัตย์สิ่งที่ตัวเองเคยทำง่ายๆ
- ส.ว. ไม่ยอมเข้าสภาในวันนี้ มากกว่า 40 คน อ้างว่าติดภารกิจนี่นั่นโน่น ยังมีภารกิจอะไรที่สำคัญกว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศอีกหรือ ทำไมประเทศเราต้องจ่ายเงินเดือนเป็นแสนให้คนพวกนี้ ที่ไม่มาทำงานด้วย
- ทำไม ส.ว. ถึงมีอำนาจมากขนาดนั้น เราไม่เห็นความผิดปกติจริงๆ หรอ ที่คนสิบๆ ล้าน ต้องมาอ้อนวอนขอเสียง 250 คน ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งด้วย
- เวลาคุณแข่งขันแพ้ แล้วไม่ยอมแพ้ จะไปสอนเด็กรุ่นหลังอย่างไร รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เรื่องพื้นฐานง่ายๆ ยังทำกันไม่ได้เลย
- ทำไมถึงคิดว่าจะหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงได้ อีก 4 ปีข้างหน้า คนรุ่น ส.ว. รุ่น คสช. ก็ทยอยเสียชีวิตกันไป แล้วเด็กเจเนเรชั่นใหม่ ก็เพิ่มขึ้นมา ณ เวลานี้ ยังพอมีทางเชื่อม ระหว่าง 2 เจเนเรชั่นไว้ด้วยกัน ทำไมถึงไม่ทำ
คนที่ปากบอกว่ารักชาติ อยากให้ไทยรวมใจกันเป็นหนึ่ง คุณอยากให้คนไทย 2 เจน เข้าใจกันจริงๆ หรือเปล่า หรืออยากแค่อยู่ในอำนาจ และกดอีกฝ่ายไว้แค่นั้น
การกดผู้อื่นไว้ด้วยการเล่นในกติกาประหลาด กล้าขัดต่อเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ยิ่งเป็นการสั่งสมความเจ็บแค้น และเพาะพันธุ์ความเกลียดชังให้คนรุ่นใหม่ในทุกๆ วัน แล้วมันจะปรองดองกันได้ยังไง
สำหรับผม มันไม่สำคัญว่าคนที่ถูกเสนอชื่อวันนี้ คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือเป็นใคร แต่ถ้าคุณรวมเสียงประชาชนได้ คุณก็ควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี แค่นั้นเอง
ต่อให้ไม่ใช่นายพิธา แต่เป็นคนอื่น ผมก็ยังยึดในหลักการนี้เหมือนเดิม ถ้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เสียงข้างมากในสภาล่าง เขาก็สมควรเป็นนายกฯ เช่นกัน เพราะเจตจำนงของประชาชนต้องการแบบนั้น
เหตุการณ์วันนี้ ผมรู้สึกว่าเราจะเลือกตั้งกันทำไม ถ้าต้องเล่นในกฎที่ไม่ยุติธรรม
ทีมรองบ่อน ที่คาดว่าจะแพ้แน่ๆ ได้จุดโทษในนาทีสุดท้าย พอยิงเข้า กรรมการสั่งให้ยิงใหม่ ยิงเข้าอีกให้ยิงใหม่อีก ยิงเข้าอีกก็ยิงใหม่อีก ยิงซ้ำไปเรื่อยๆ พอพลาดเมื่อไหร่ กรรมการค่อยเป่าจบเกม เหตุการณ์นี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเมืองไทย ณ เวลานี้
และความไม่ยุติธรรมนี้ ก็จะถูกฝังรากลึกในใจของผู้คน จนไม่มีทางที่จะสมานฉันท์กันได้อีกแล้ว โอกาสที่จะหาทางออกร่วมกันของทุกปัญหา มันเลยผ่านไปแล้ว
อาจไม่ใช่วันนี้ อาจไม่ใช่ในปีนี้ แต่เมื่อเวลาของคนใน"เจนฯใหม่"มาถึง การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ถึงวันนั้น คิดจะประนีประนอม อาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้ครับ.....โอยยย เมื่อยนิ้ว!