ปริญญา ชี้ควรปล่อย ส.ว.ฟรีโหวต อย่ากดปุ่มสั่งห้าม เชื่อ 65 เสียงหนุนพิธา ‘ไม่เกินจริง’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4066790
ปริญญา ชี้ ควรปล่อย ส.ว.ฟรีโหวต อย่าให้ใครกดปุ่มสั่งห้าม เชื่อ 65 เสียง ‘ไม่เกินจริง’
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ณ ห้องประชุมริมน้ำ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ Respect My Vote “
เคารพผลการเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจบงานเสวนา ผศ.ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ว่า การที่มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งรวมเสียงได้เกินครึ่ง พรรคอันดับ 1 พรรคนั้นได้เป็นนายกฯอยู่แล้ว 312 เสียงออกจะมากเกินไปสักหน่อยด้วยซ้ำ เพราะฝ่ายค้านเหลือแค่ 188 เสียง ถือว่า เข้มแข็งจนเกินพอในการเป็นรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้เข้มแข็งมากเกินไปเพราะมีถึง 8 พรรค ต้องมีการถ่วงดุลกันในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองด้วย ไม่ใช่ว่าพรรคอันดับ 1 จะทำทุกอย่างได้ ซึ่งถ้าเป็นปกติ ก็เดินหน้ามีรัฐบาลใหม่ไปแล้ว แต่ที่ไม่ปกติเพราะมี ส.ว. ซึ่งกติกาคือต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ตัวเลขขณะนี้ คือ 375 เข้าใจว่ามี ส.ส. หายไป 1 หรือ 2 คน ซึ่งอาจมีลงได้อีกหากมี ส.ส.จำนวนจริงไม่ถึง
ถ้าเราดูจำนวนโดยหักอาจารย์
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ออกไป และ ส.ส.ก้าวไกลคนหนึ่งออกไป คือ 310 แปลว่าขาดอีก 65 เสียง ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้มาจาก ส.ว. ความจริงถ้าปล่อยให้โหวตกันตามปกติ พูดตรงๆ คือถ้าปล่อยให้ฟรีโหวต ไม่มีใครมากดปุ่ม หรือสั่งห้ามใดๆ ก็แล้วแต่ คิดว่า 65 เสียง ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
“
สิ่งที่ควรจะเกิดคือควรให้ ส.ว.ท่านฟรีโหวต จะมีใครก็แล้วแต่ที่สามารถมาบอก ส.ว.ให้โหวตอย่างนั้นอย่างนี้ได้ มันคือสิ่งที่ไม่ควรเป็น รัฐธรรมนูญมาตรา 114 บัญญัติว่า ส.ส.และ ส.ว. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติแห่งความผูกมัดหรือการสั่งการของใคร การที่เป็นผู้แทนปวงชน แม้ ส.ว.ไม่ได้มาจากการที่ปวงชนเลือกเหมือน ส.ส. แต่ยังพอเป็นตัวแทนปวงชนได้ ถ้าฟังเสียงของปวงชนชาวไทย แต่ถ้าท่านไม่ได้มาจากปวงชนชาวไทย และตอนใช้อำนาจก็ไม่ฟังเสียงปวงชนชาวไทย ก็ไม่อาจเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงต่อไปได้” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.
ปริญญากล่าวด้วยว่า การที่ กกต.แถลงไว้ว่าจะดำเนินคดีกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วยมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรานี้คือผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ แล้วยังมาสมัคร กล่าวคือ จะผิดก็ต่อเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่เรื่องนี้เมื่อการถือหุ้นสื่อไอทีวี เป็นสื่อหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ แล้วปรากฏหลักฐานว่าในรายงานการประชุม ไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง คือ ไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการใดๆ รายได้จากการประกอบการในทางอื่น นอกจากดอกเบี้ย และเงินลงทุนก็ไม่มี
การที่จะใช้หลักฐานตรงนี้มาดำเนินคดี มองว่าจำเป็นต้องดำเนินการให้ครบถ้วนก่อนหน้าวันเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 43 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง วรรค 1 ในมาตราดังกล่าวบอกว่า ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมทั้งได้ทราบหลักฐานด้วย เพราะนี่คือคดีอาญา นอกจากนี้ ในวรรค 2 ยังระบุว่า ต้องเปิดโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหา ซึ่งขั้นตอนนี้ กกต.ยังไม่ได้ทำเลย มีแต่แถลงข่าวว่าตั้งข้อหา แล้วปล่อยให้คาไว้แบบนี้ เหมือนให้ต้องมลทินไว้ ข้อนี้คนจะครหาได้ เหมือนมาทำให้ ส.ว.ที่ไม่อยากโหวตให้ จะได้มีข้ออ้าง
ชัชชาติ หวังรบ.ใหม่เคลียร์ปม ‘สายสีเขียว’ อย่างไว ลากยาวไปไม่มีใครได้ประโยชน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4066413
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 6 กรกฎาคม ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตีตกข้อเสนอของ กทม.ในการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจากอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ
นาย
ชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยังค้างอยู่ใน ครม. ซึ่งต้องให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ กทม.ตอบกลับทางกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่ช่วงที่เป็นรัฐบาลปกติแล้ว รัฐบาลรักษาการคงตัดสินใจไม่ได้
นาย
ชัชชาติกล่าวว่า ส่วนเรื่องคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2562 เรื่อง การดําเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งถ้ามีข้อยุติได้จะทำให้ กทม.ทำงานได้สะดวกขึ้น ซึ่งคงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ
“
แต่สถานการณ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น รัฐบาลยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ค้างอยู่ใน ครม.ซึ่งต้องรอรัฐบาลใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ สิ่งที่ กทม.ดำเนินการมาทำถูกแล้วที่ยังไม่มีการชำระหนี้ เพราะเรื่องยังไม่ออกจากรัฐบาล” นาย
ชัชชาติกล่าว
นาย
ชัชชาติกล่าวว่า ทาง กทม.หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะตัดสินใจเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะส่วนหนี้สินของ กทม.ยังมีเรื่องของดอกเบี้ยเพิ่มเติม ที่ตัวสัญญายังไม่ได้ระบุไว้ นอกจากนี้ ยังเรื่องสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนของเอกชน ซึ่งเรื่องนี้การลากยาวไปไม่มีประโยชน์
“
ไม่มีใครได้ประโยชน์จากการลากยาว ต้องสรุปให้ดีเลยรัฐบาลจะช่วยเราท่าไหร่ เราออกเท่าไหร่ เราจะได้วางแผนการใช้เงินเราให้สอดคล้องต่อไป รัฐบาลใหม่คงจะเข้าใจปัญหาความจำเป็นของเรื่องนี้ ซึ่งหวังว่าคงจะเร็วขึ้น” นาย
ชัชชาติกล่าว
สมชัย ชี้ถ้าขั้วเดิม ส่งเบอร์ใหญ่ท้าชนพิธา เท่ากับพร้อมแตกหัก ตั้งรบ.เสียงข้างน้อย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4066428
‘สมชัย’ จับตาโหวตนายกฯ ชี้หากขั้วอำนาจเดิมส่งเบอร์ใหญ่ท้าชิง เท่ากับหวังผลแตกหัก ตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม ว่าทางการเมืองน่าจะมีการเสนอแข่งขันนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจไม่ได้หวังผลแค่เพียงการแพ้ชนะ แต่หวังประเมินเสียงสนับสนุนของแต่ละฝ่ายว่ามีเสียงสนับสนุนเต็มที่เท่าไร ซึ่งใช้วิธีการแบบนี้มาหลายครั้ง ยกตัวอย่าง การเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มีการเสนอชื่อขึ้นมาแข่งขันทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางที่จะชนะได้ แต่ต้องการประเมินความแข็งแกร่งของพรรคร่วมว่ายังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นหรือไม่ ขณะเดียวกันก็อาจจะประเมินฝ่ายตนเองว่าจะมีใครปันใจไปหรือไม่ เพราะฉะนั้น การเสนอคนเข้าไปแข่งขันเป็นวิธีการทางการเมืองเพื่อหยั่งคะแนนเสียงความเข้มแข็งของฝ่ายตนเองและฝ่ายตรงข้ามว่าจะมีคะแนนเท่าไร ซึ่งการเสนอแข่งขันเพื่อทดสอบเสียง คนที่แข่งขันจะไม่ใช่เบอร์ใหญ่เพราะไม่ได้หวังชนะแต่เพื่อให้รู้ทิศทางเท่านั้น
“
ถ้าการแข่งขันเสนอคนที่เป็นเบอร์ใหญ่ลงตั้งแต่ต้นจะมีความน่าเป็นห่วง เพราะพร้อมที่จะแตกหักและใช้วิธีการเพื่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก่อน และการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยสามารถไปแก้ปัญหากันภายหลังได้ ขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามไม่เปิดเผยถึงวิธีการเล่นของตัวเองว่าจะเล่นกันอย่างไร แต่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่าควรพึงระมัดระวังว่าถ้าหากเบอร์เล็กไม่ใช่ชื่อใหญ่ จุดประสงค์คือการทดสอบเสียงของแต่ละฝ่าย ถ้าวันนั้นเสนอชื่อเบอร์ใหญ่เมื่อไหร่ โดยเฉพาะชื่อที่ไม่เคยปรากฏเป็นข่าวว่าจะเสนอลงแข่งขัน เพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความตายใจ แต่ถ้าเสนอชื่อขึ้นเท่ากับว่าฝ่ายอำนาจรัฐเดิมพร้อมที่จะแตกหักและตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย” นาย
สมชัยกล่าว
กรมการค้าภายใน ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง ประสานผู้ผลิตรายใหญ่ตรึงราคาสินค้า
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/356482
กรมการค้าภายใน ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง กระทบกำลังซื้อ ประสานผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ตรึงราคา และไม่ปรับราคาสินค้าขึ้นในช่วงนี้
นาย
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ทางกรมการค้าภายในจึงได้ประสานผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีก รวมถึงร้านค้าส่งท้องถิ่น ขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าไว้ก่อน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาพรวมราคาสินค้าค่อนข้างทรงตัว มีความกังวลเพียงสินค้าเกษตรบางตัวที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดและราคาอาจปรับสูงขึ้น เช่น ปาล์มน้ำมัน แต่มั่นใจมีปริมาณเพียงพอ ไม่กระทบการบริโภคในประเทศ โดยมีสต๊อกเพื่อความมั่นคงราว 2.3 แสนตัน
ขณะที่ราคาผลไม้ภาคใต้ ที่ขณะนี้ออกสู่ตลาดแล้ว 35- 45% ตลาดส่งออกมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก โดยครึ่งปี มีส่งออกทางรถไฟไปจีนแล้วถึง 2,124 ตู้ ส่งผลให้ล่าสุด ราคาทุเรียนเกรด AB ขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 145 บาทแล้ว ขณะเดียวกันได้เตรียมมาตรการเสริม ทั้งประสานห้างร้าน ผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้าไปรับซื้อ หากผลผลิตออกมามาก
JJNY : 5in1 ชี้ควรปล่อยส.ว.ฟรีโหวต│ชัชชาติหวังเคลียร์ ‘สายสีเขียว’│สมชัยชี้ถ้าขั้วเดิม│ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง│ลาวเทไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4066790
ปริญญา ชี้ ควรปล่อย ส.ว.ฟรีโหวต อย่าให้ใครกดปุ่มสั่งห้าม เชื่อ 65 เสียง ‘ไม่เกินจริง’
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ณ ห้องประชุมริมน้ำ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ Respect My Vote “เคารพผลการเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจบงานเสวนา ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ว่า การที่มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งรวมเสียงได้เกินครึ่ง พรรคอันดับ 1 พรรคนั้นได้เป็นนายกฯอยู่แล้ว 312 เสียงออกจะมากเกินไปสักหน่อยด้วยซ้ำ เพราะฝ่ายค้านเหลือแค่ 188 เสียง ถือว่า เข้มแข็งจนเกินพอในการเป็นรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้เข้มแข็งมากเกินไปเพราะมีถึง 8 พรรค ต้องมีการถ่วงดุลกันในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองด้วย ไม่ใช่ว่าพรรคอันดับ 1 จะทำทุกอย่างได้ ซึ่งถ้าเป็นปกติ ก็เดินหน้ามีรัฐบาลใหม่ไปแล้ว แต่ที่ไม่ปกติเพราะมี ส.ว. ซึ่งกติกาคือต้องได้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง ตัวเลขขณะนี้ คือ 375 เข้าใจว่ามี ส.ส. หายไป 1 หรือ 2 คน ซึ่งอาจมีลงได้อีกหากมี ส.ส.จำนวนจริงไม่ถึง
ถ้าเราดูจำนวนโดยหักอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ออกไป และ ส.ส.ก้าวไกลคนหนึ่งออกไป คือ 310 แปลว่าขาดอีก 65 เสียง ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้มาจาก ส.ว. ความจริงถ้าปล่อยให้โหวตกันตามปกติ พูดตรงๆ คือถ้าปล่อยให้ฟรีโหวต ไม่มีใครมากดปุ่ม หรือสั่งห้ามใดๆ ก็แล้วแต่ คิดว่า 65 เสียง ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
“สิ่งที่ควรจะเกิดคือควรให้ ส.ว.ท่านฟรีโหวต จะมีใครก็แล้วแต่ที่สามารถมาบอก ส.ว.ให้โหวตอย่างนั้นอย่างนี้ได้ มันคือสิ่งที่ไม่ควรเป็น รัฐธรรมนูญมาตรา 114 บัญญัติว่า ส.ส.และ ส.ว. ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติแห่งความผูกมัดหรือการสั่งการของใคร การที่เป็นผู้แทนปวงชน แม้ ส.ว.ไม่ได้มาจากการที่ปวงชนเลือกเหมือน ส.ส. แต่ยังพอเป็นตัวแทนปวงชนได้ ถ้าฟังเสียงของปวงชนชาวไทย แต่ถ้าท่านไม่ได้มาจากปวงชนชาวไทย และตอนใช้อำนาจก็ไม่ฟังเสียงปวงชนชาวไทย ก็ไม่อาจเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงต่อไปได้” ผศ.ดร.ปริญญากล่าว
ผศ.ดร.ปริญญากล่าวด้วยว่า การที่ กกต.แถลงไว้ว่าจะดำเนินคดีกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ด้วยมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรานี้คือผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ แล้วยังมาสมัคร กล่าวคือ จะผิดก็ต่อเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่เรื่องนี้เมื่อการถือหุ้นสื่อไอทีวี เป็นสื่อหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ แล้วปรากฏหลักฐานว่าในรายงานการประชุม ไม่ได้ตรงกับข้อเท็จจริง คือ ไอทีวีไม่ได้ดำเนินกิจการใดๆ รายได้จากการประกอบการในทางอื่น นอกจากดอกเบี้ย และเงินลงทุนก็ไม่มี
การที่จะใช้หลักฐานตรงนี้มาดำเนินคดี มองว่าจำเป็นต้องดำเนินการให้ครบถ้วนก่อนหน้าวันเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 43 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง วรรค 1 ในมาตราดังกล่าวบอกว่า ต้องให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมทั้งได้ทราบหลักฐานด้วย เพราะนี่คือคดีอาญา นอกจากนี้ ในวรรค 2 ยังระบุว่า ต้องเปิดโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหา ซึ่งขั้นตอนนี้ กกต.ยังไม่ได้ทำเลย มีแต่แถลงข่าวว่าตั้งข้อหา แล้วปล่อยให้คาไว้แบบนี้ เหมือนให้ต้องมลทินไว้ ข้อนี้คนจะครหาได้ เหมือนมาทำให้ ส.ว.ที่ไม่อยากโหวตให้ จะได้มีข้ออ้าง
ชัชชาติ หวังรบ.ใหม่เคลียร์ปม ‘สายสีเขียว’ อย่างไว ลากยาวไปไม่มีใครได้ประโยชน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4066413
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 6 กรกฎาคม ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตีตกข้อเสนอของ กทม.ในการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจากอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ
นายชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยังค้างอยู่ใน ครม. ซึ่งต้องให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ แต่ กทม.ตอบกลับทางกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่ช่วงที่เป็นรัฐบาลปกติแล้ว รัฐบาลรักษาการคงตัดสินใจไม่ได้
นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนเรื่องคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2562 เรื่อง การดําเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งถ้ามีข้อยุติได้จะทำให้ กทม.ทำงานได้สะดวกขึ้น ซึ่งคงต้องรอรัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ
“แต่สถานการณ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น รัฐบาลยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ค้างอยู่ใน ครม.ซึ่งต้องรอรัฐบาลใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ สิ่งที่ กทม.ดำเนินการมาทำถูกแล้วที่ยังไม่มีการชำระหนี้ เพราะเรื่องยังไม่ออกจากรัฐบาล” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า ทาง กทม.หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะตัดสินใจเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะส่วนหนี้สินของ กทม.ยังมีเรื่องของดอกเบี้ยเพิ่มเติม ที่ตัวสัญญายังไม่ได้ระบุไว้ นอกจากนี้ ยังเรื่องสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนของเอกชน ซึ่งเรื่องนี้การลากยาวไปไม่มีประโยชน์
“ไม่มีใครได้ประโยชน์จากการลากยาว ต้องสรุปให้ดีเลยรัฐบาลจะช่วยเราท่าไหร่ เราออกเท่าไหร่ เราจะได้วางแผนการใช้เงินเราให้สอดคล้องต่อไป รัฐบาลใหม่คงจะเข้าใจปัญหาความจำเป็นของเรื่องนี้ ซึ่งหวังว่าคงจะเร็วขึ้น” นายชัชชาติกล่าว
สมชัย ชี้ถ้าขั้วเดิม ส่งเบอร์ใหญ่ท้าชนพิธา เท่ากับพร้อมแตกหัก ตั้งรบ.เสียงข้างน้อย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4066428
‘สมชัย’ จับตาโหวตนายกฯ ชี้หากขั้วอำนาจเดิมส่งเบอร์ใหญ่ท้าชิง เท่ากับหวังผลแตกหัก ตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม ว่าทางการเมืองน่าจะมีการเสนอแข่งขันนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจไม่ได้หวังผลแค่เพียงการแพ้ชนะ แต่หวังประเมินเสียงสนับสนุนของแต่ละฝ่ายว่ามีเสียงสนับสนุนเต็มที่เท่าไร ซึ่งใช้วิธีการแบบนี้มาหลายครั้ง ยกตัวอย่าง การเลือกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มีการเสนอชื่อขึ้นมาแข่งขันทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางที่จะชนะได้ แต่ต้องการประเมินความแข็งแกร่งของพรรคร่วมว่ายังเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นหรือไม่ ขณะเดียวกันก็อาจจะประเมินฝ่ายตนเองว่าจะมีใครปันใจไปหรือไม่ เพราะฉะนั้น การเสนอคนเข้าไปแข่งขันเป็นวิธีการทางการเมืองเพื่อหยั่งคะแนนเสียงความเข้มแข็งของฝ่ายตนเองและฝ่ายตรงข้ามว่าจะมีคะแนนเท่าไร ซึ่งการเสนอแข่งขันเพื่อทดสอบเสียง คนที่แข่งขันจะไม่ใช่เบอร์ใหญ่เพราะไม่ได้หวังชนะแต่เพื่อให้รู้ทิศทางเท่านั้น
“ถ้าการแข่งขันเสนอคนที่เป็นเบอร์ใหญ่ลงตั้งแต่ต้นจะมีความน่าเป็นห่วง เพราะพร้อมที่จะแตกหักและใช้วิธีการเพื่อตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก่อน และการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยสามารถไปแก้ปัญหากันภายหลังได้ ขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามไม่เปิดเผยถึงวิธีการเล่นของตัวเองว่าจะเล่นกันอย่างไร แต่ในฐานะผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองมองว่าควรพึงระมัดระวังว่าถ้าหากเบอร์เล็กไม่ใช่ชื่อใหญ่ จุดประสงค์คือการทดสอบเสียงของแต่ละฝ่าย ถ้าวันนั้นเสนอชื่อเบอร์ใหญ่เมื่อไหร่ โดยเฉพาะชื่อที่ไม่เคยปรากฏเป็นข่าวว่าจะเสนอลงแข่งขัน เพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความตายใจ แต่ถ้าเสนอชื่อขึ้นเท่ากับว่าฝ่ายอำนาจรัฐเดิมพร้อมที่จะแตกหักและตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย” นายสมชัยกล่าว
กรมการค้าภายใน ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง ประสานผู้ผลิตรายใหญ่ตรึงราคาสินค้า
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/356482
กรมการค้าภายใน ห่วงหนี้ครัวเรือนสูง กระทบกำลังซื้อ ประสานผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ตรึงราคา และไม่ปรับราคาสินค้าขึ้นในช่วงนี้
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการบริโภคของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้น้อย ทางกรมการค้าภายในจึงได้ประสานผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีก รวมถึงร้านค้าส่งท้องถิ่น ขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าไว้ก่อน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
อย่างไรก็ตามขณะนี้ภาพรวมราคาสินค้าค่อนข้างทรงตัว มีความกังวลเพียงสินค้าเกษตรบางตัวที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดและราคาอาจปรับสูงขึ้น เช่น ปาล์มน้ำมัน แต่มั่นใจมีปริมาณเพียงพอ ไม่กระทบการบริโภคในประเทศ โดยมีสต๊อกเพื่อความมั่นคงราว 2.3 แสนตัน
ขณะที่ราคาผลไม้ภาคใต้ ที่ขณะนี้ออกสู่ตลาดแล้ว 35- 45% ตลาดส่งออกมีความต้องการเพิ่มขึ้นมาก โดยครึ่งปี มีส่งออกทางรถไฟไปจีนแล้วถึง 2,124 ตู้ ส่งผลให้ล่าสุด ราคาทุเรียนเกรด AB ขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 145 บาทแล้ว ขณะเดียวกันได้เตรียมมาตรการเสริม ทั้งประสานห้างร้าน ผู้ประกอบการกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้าไปรับซื้อ หากผลผลิตออกมามาก