JJNY : 5in1 ดีลจบ ดัน ‘วันนอร์’│‘แบงก์ชาติ’พร้อมถก│หวั่นการเมืองวุ่น│กอบศักดิ์ชี้เป้า4โจทย์│ยูเครนยึดคืนอีก37ตร.กม.

ก้าวไกล-พท. ดีลจบ ดัน ‘วันนอร์’ ขึ้นประธานสภา พร้อมแบ่งโควต้ารองปธ. คนละเก้าอี้ 
https://www.matichon.co.th/politics/news_4061461
 
 
ก้าวไกล-เพื่อไทย ดีลจบ ดัน ‘วันนอร์’ ขึ้นประธานสภา พร้อมแบ่งโควต้ารองปธ. คนละเก้าอี้ 
 
เมื่อเวลา 19.45 น. วันที่ 3 กรกฎาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน  เลขาธิการพรรคก.ก. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคพท. ร่วมแถลงข่าวความชัดเจนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
 
นายพิธา กล่าวว่า ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เรื่อง ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามที่พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ ได้ประชุมหารือร่วมกันกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยมอบหมายให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไปเจรจาตกลงร่วมกันนั้น
 
บัดนี้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ตกลงร่วมกัน ดังนี้
 
1.เสนอชื่อ นาย วันมูหะหมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรค เพื่อไทย เป็นรองประธานสภาคนที่ 2 โดยพรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ พร้อมให้การสนับสนุนตามข้อตกลงนี้

2. บุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมผลักดันวาระที่ทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชน

3. ข้อตกลงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง 8 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เสนอและสนับสนุน นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสุดความสามารถ โดยดำเนินการตามข้อตกลง MOU ที่ได้แถลงร่วมกันเมื่อ
วันที่ 22 พฤษภาคม 2566
 
4. พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่างพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก และ ร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นว่าข้อตกลงเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเข้าไปบริหารประเทศ ตามเจตนารมณ์ที่ประชาชนได้แสดงออกอย่างชัดเจนผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566



‘แบงก์ชาติ’ พร้อมถกรัฐบาลใหม่ปม ‘เพิ่มธนาคาร’ แข่งโปรฯลดดอกต่ำเอื้อลูกค้า
https://www.matichon.co.th/economy/news_4060529

‘แบงก์ชาติ’ พร้อมถกรัฐบาลใหม่ปม ‘เพิ่มธนาคาร’ แข่งโปรฯลดดอกต่ำเอื้อลูกค้า
 
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอให้เพิ่มจำนวนธนาคาร เพื่อให้เกิดการแข่งขัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ซึ่งเป็นประโยชน์กับลูกหนี้ ว่า ประเด็นดังกล่าว ธปท.มีความพร้อมหารือกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งเป็นการดำเนินการตามปกติ หากภายหลังจากมีความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อย ธปท.พร้อมจะนำข้อมูลต่างๆ เข้าหารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจต่อไป
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ธนาคารได้มีการเปิดให้มีการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (เวอร์ชวลแบงก์) โดยมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) ในรอบ 2 แล้วและจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในการอนุมัติไลเซนส์ ซึ่งกำหนดไว้ 3 ไลเซนส์ เพราะต้องค่อยๆ ทำไปก่อน หากดูในต่างประเทศธนาคารไร้สาขา (เวอร์ชวลแบงก์) ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ดังนั้น การดำเนินการของ ธปท.เป็นสเต็ป หรือก้าวเดินที่หารือ และคุยกับทางกระทรวงการคลัง
 
น.ส.สุวรรณีกล่าวว่า สำหรับอัตราดอกเบี้ยของไทยเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยประเทศอื่นๆ สูงกว่า หรือต่ำกว่า หรือไม่นั้น ต้องดูพื้นฐานของลูกหนี้ในแต่ละพอร์ตด้วย ถ้าสำหรับธนาคารในประเทศไทย ลูกหนี้ที่มีจำนวนเยอะ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือลูกหนี้กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ (คอร์เปอร์เรท) ลูกหนี้กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และลูกหนี้รายย่อย (รีเทล) โดยกลุ่มคอร์เปอร์เรทเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำ และมีดอกเบี้ยต่ำกว่ากลุ่มเอสเอ็มอี และรีเทล ขณะที่กลุ่มเอสเอ็มอี และรีเทล เป็นสินเชื่อที่ไม่มีประกันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น
 
แต่ถ้าเทียบกับต่างประเทศก็แล้วแต่พอร์ต เราเคยเอาตัวเลขเพดานดอกเบี้ยของเราไปเทียบกับหลายประเทศ พบว่าบางประเทศมีเพดานดอกเบี้ยที่สูง หรือดอกเบี้ยที่เก็บจริงสูงกว่าไทยเยอะมาก เช่น ประเทศอังกฤษ มีดอกเบี้ยเรียกว่าเป็น payday loan คือการกู้เงินด่วน สมมุติได้ทำงานครึ่งเดือนและรู้สึกชอร์ต เราจะไปกู้เงินจะทำให้ดอกเบี้ยนั้นสูงขึ้น 300% ต่อปี ซึ่งเป็นสินเชื่อประเภทพิเศษ ไม่ใช่สินเชื่อทั่วไป
 
ดังนั้น เวลาโปรดักต์ที่แต่ละประเทศมีดอกเบี้ยต้องประเมินคือ 1.เงื่อนไขพื้นฐานของปัจจัยภายในประเทศนั้นๆ 2.ลูกหนี้ 3.ผลิตภัณฑ์ (โปรดักต์) ว่ามันมีวัตถุประสงค์แบบใด ซึ่งตามที่ยกตัวอย่างอาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่สุดโต่งสำหรับคนที่ชอร์ตและกู้เงินระยะสั้น
 
หากถามว่าอัตราดอกเบี้ยไทยสูงกว่าต่างประเทศจริงหรือไม่ บอกว่ามันมีทั้งประเทศที่ต่ำกว่าเรา และมีทั้งประเทศที่สูงกว่าเรา” น.ส.สุวรรณีกล่าว



‘บล.ทิสโก้’ หวั่นการเมืองวุ่น-ซ้ำศก.สหรัฐถดถอย กดหุ้นดิ่งแตะ 1,400 จุด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4061047

‘บล.ทิสโก้’ หวั่นการเมืองวุ่น-ซ้ำศก.สหรัฐถดถอย กดหุ้นดิ่งแตะ 1,400 จุด
 
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ตลาดหุ้นไทย ให้ผลตอบแทนติดลบ 10% ถือว่า แย่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ที่ให้ผลตอบแทนบวกกว่า 12% ซึ่งหากไม่รวมความเคลื่อนไหวของหุ้นเดลต้าเพียง 1 ตัว จะทำให้ระดับดัชนีเคลื่อนไหวอยู่เพียง 1,400 จุดต้นๆ เท่านั้น โดยสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนไม่โดดเด่น ส่วนหนึ่งเพราะปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งประมาณการกำไรของตลาดที่ยังมีแนวโน้มถูกหั่นลงอยู่ ทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านบาท
 
ไตรมาส 3/2566 เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยที่หลุดระดับ 1,500 จุด กำลังสะท้อนภาพการเมือง ในประเทศที่ส่อแวววุ่นวาย คือการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า และมีชุมนุมประท้วง โดยบล.ทิสโก้มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 3 มีโอกาสลงทดสอบบริเวณ 1,450 จุด และในกรณีเลวร้ายที่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยเข้ามาผสมโรงด้วยอีก ดัชนีมีโอกาสลงทดสอบบริเวณ 1,400 จุด แต่น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ ก่อนมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในช่วงปลายปี” นายอภิชาติ กล่าว
 
นายอภิชาติ กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองไทยนับถอยหลังการโหวตเลือกนายกฯ ในช่วงครึ่งหลังเดือนกรกฎาคมนี้ ในกรณีฐานบล.ทิสโก้ยังคงมุมมองเดิมว่า พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกฯ แม้สถานการณ์ปัจจุบันความเป็นไปได้กรณีนี้จะลดลงก็ตาม โดยแนะนำให้จับตาการโหวตเลือกประธานสภาฯ เป็นลำดับแรกก่อน หากผลการโหวตเลือกประธานสภาฯ ไม่ใช่ตัวแทนที่มาจากพรรคก้าวไกล
 
ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวที่ปรากฎก่อนหน้านี้ มองเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดีว่าการโหวตเลือกนายกฯ ในลำดับต่อไปอาจยืดเยื้อ-ไม่ราบรื่น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตลาด และจะเพิ่มโอกาสเกิดการพลิกขั้ว-จับคู่ใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ในกรณีหลังนี้ก็จะสุ่มเสี่ยงเกิดการชุมนุมประท้วงได้
 
นายอภิชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้บล.ทิสโก้มองทิศทางดอกเบี้ยยังมีความเสี่ยงที่จะปรับขึ้นสูงและนานกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยในอดีตธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าอัตราเงินเฟ้อเสมอประมาณ 1-2% จึงจะช่วยกดเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายได้สำเร็จ แต่ระดับอัตราดอกเบี้ยเฟดในปัจจุบันอยู่เท่ากับระดับอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น และแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐาน (ซีพีไอ) อาจยังมีความหนืดอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 5% ต่อปีจากแนวโน้มราคาสินค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้น
 
นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในเดือนกรกฎาคม บล.ทิสโก้แนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็น 2 ส่วนแบบสมดุลระหว่างหุ้นเชิงรับและหุ้นเชิงรุก (Barbell Strategy) 1.หุ้นเชิงรับ บล.ทิสโก้ยังชอบหุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ที่มีค่า Beta น้อยกว่า 1 ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว เพราะน่าจะทนทานต่อความไม่แน่นอนของตลาดเดือนนี้ แนะนำ ADVANC, BBL, BDMS และCPALL และ 2.หุ้นเชิงรุก บล.ทิสโก้แนะนำหุ้นที่กำไรไตรมาส 2/2566 จะเติบโตได้และราคาปรับตัวลงลึกทำให้กลับมามี Upside น่าสนใจ แนะนำ EGCO, HANA, MENA และ SISB โดยแนวรับสำคัญของดัชนีในเดือนกรกฎาคมนี้ อยู่ที่ 1,450- 1,460 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,420- 1,430 จุด และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,520-1,540 จุด และ 1,575 จุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่