พิธา ไม่หวั่นเจอ 3 ด่าน กกต.-ศาลรธน.-สว. หัวหน้า 8 พรรคร่วม ย้ำตั้งรัฐบาลได้แน่
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7703182
เพื่อไทยเปิดบ้านประชุม 8 พรรคร่วม พิธา คาดไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาลขยับเร็วขึ้น ย้ำรอความชัดเจนจาก กกต.เรื่องหุ้น ‘ชลน่าน’ ย้ำชัดตั้งรบ.ได้แน่
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 7 มิ.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค แถลงภายหลังประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งที่ 3 ว่า มีวาระสำคัญ 2 เรื่อง
1. ประเมินสถานการณ์การเมือง ไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาล
2. อัปเดตความคืบหน้าคณะทำงาน และคณะกรรมการประสานงาน
ผลการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรค เห็นตรงกันว่า น่ายินดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรีบทำงาน รับรอง ส.ส.ให้ได้เร็วที่สุด 95 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นไปอย่างประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ไว้ หรือสื่อเคยทำไทม์ไลน์ขึ้นมาว่า 13 ก.ค.เป็นวันสุดท้าย หากมีกระบวนการรับรอง ส.ส.รายงานตัว เปิดประชุมสภา เลือกประธานสภา เลือกนายกฯ และมีการถวายสัตย์ฯ
ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า น่าจะเลื่อนขึ้นมาเร็วมากขึ้น 2-3 สัปดาห์ หัวหน้าพรรคทุกคนต้องเตรียมพร้อมจัดเตรียมนโยบายแถลงต่อรัฐสภา ดูการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ที่น่าจะเข้าสภาฯ ช่วงส.ค.-ก.ย. ถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็จะบริหารจัดการงบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลประชาชนได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นเรื่องน่ายินดีที่เราจะขยับไทม์ไลน์
ส่วนเรื่องอัปเดตการทำงาน จะประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 20 มิ.ย. ที่พรรคไทยสร้างไทย นอกจากนี้ได้ประสานคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นอีก 2 คณะ คือ 1.คณะทำงานเกี่ยวกับการปฏิรูปประมง 2.คณะทำงานเรื่องการดูแลการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ
เมื่อถามว่าไทม์ไลน์ขยับขึ้นมา ปัญหาเรื่องประธานสภา ระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทย จะจบได้แล้วใช่หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ยังพูดคุยกันอยู่ แต่เมื่อไม่ใช่วันที่ 13 ก.ค.แล้ว มันเลื่อนเข้ามา ทุกกระบวนการทำงานทั้งเรื่องบุคลากร นโยบาย งบประมาณ ก็สรุปได้ว่าต้องเร่งรัดการทำงานมากขึ้น
ขณะเดียวกันเรื่องความเชื่อมั่นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้พร้อมเดินหน้า สร้างความเชื่อมั่นไปเรื่อยๆ ในเรื่องการบริหารจัดการ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ทำงานเพื่อคนทุกคน
เมื่อถามว่า กกต.สอบถามพรรคก้าวไกล เรื่องการใช้สัญลักษณ์ค้อนเคียว อยากอธิบายเพิ่มเติมหรือไม่ว่าจุดยืนการใช้สัญลักษณ์ ทั้งหาเสียงโดยตรงโดยอ้อมเป็นอย่างไร นาย
พิธา กล่าวว่า สำหรับพรรคก้าวไกลคำชี้แจงก็ตามที่โพสต์ ว่าเป็นการแสดงออกถึงเครื่องมือทำมาหากินของปาร์ตี้ลิสต์ที่อยู่ใน 100 คน ซึ่งมีทั้งเกษตรกรและแรงงาน จุดประสงค์ก็มีอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เมื่อถามว่าผ่านไป 4 สัปดาห์ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังไม่โทร.มาเเสดงความยินดีที่ชนะเลือกตั้งใช่หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ยังไม่มี เข้าใจว่าธรรมเนียมปฏิบัติของตนกับพล.อ.
ประยุทธ์ คงต่างกัน วันหนึ่งถ้าตนเป็นนายกฯ แล้วเกิดแพ้เลือกตั้ง ตนก็ต้องเป็นคนโทร.หาผู้ชนะและยอมแพ้ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลไร้รอยต่อมากที่สุด ถ้าเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามถึงกรณีเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี ได้รับมาเมื่อไหร่ และเป็นส.ส.เมื่อปี 2562 ถือหุ้นอยู่หรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า เรื่องหุ้น ต้องรอฟังรายละเอียด กกต. การเป็นผู้จัดการมรดกเริ่มตั้งแต่เมื่อศาลสั่ง จนกระทั่งถึงตนโอนหุ้น ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียว ไม่ได้รับโอน เมื่อถามว่า กกต.ตั้งประเด็นนี้ไว้แล้วและอาจจะเข้าข่ายรู้อยู่แล้วยังมาลงสมัคร มีคำชี้แจงหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า กกต.ยังจัดการเรื่องการตั้งรูปคดีอยู่ ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องตอบมากไปกว่านี้ รอความชัดเจนจาก กกต.
ต่อข้อถามที่ว่ามีกระบวนการฟื้นฟูไอทีวี อยากให้นาย
พิธา ระบุว่าใครอยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นาย
พิธา กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องพูดกันให้ชัด ไม่ว่าพยายามจะฟื้นคืนชีพมาด้วยเหตุผลทางธุรกิจของผู้บริหารเอง หรือเพื่อเหตุผลทางการเมืองเพื่อสกัดกั้นตน ไม่ได้มีปัญหา แต่ความน่าจะเป็นมันมีอยู่ในอนาคต ตนต้องบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ในอดีตที่ผ่านมาทั้งเรื่องหลักฐานต่างๆ หรือหลักกฎหมายในการตัดสิน ถ้าบริสุทธิ์ยุติธรรม มีมาตรฐานเดียวกันมา ตนคิดว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล ก็คงตอบได้เท่านี้
เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แคนดิเดตนายกฯ จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า อุบัติเหตุทางการเมือง เราอนุมานได้หลายรูปแบบ แต่เป็นสิ่งที่เราเตรียมตัวไว้หมดแล้วในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดน้อยที่สุด
ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า นาย
พิธาจะเจอ 3 ด่าน คือ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และส.ว. กว่าจะได้เป็นนายกฯ ทั้งที่คนเชียร์เยอะมาก แต่ข่าวที่ออกมามีแต่ประเด็นเรื่องหุ้นไอทีวีนั้น นาย
พิธา กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล แต่ไม่ประมาททั้ง 3 ด่าน ตนวางแผนทำงานและมีคีย์แมนดูแลทั้ง 3 ด่าน ยังเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ไม่ประมาท และขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจ จัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน
ส่วนที่มีรายงานข่าวไปค้ำประกันหนี้สินจำนวนหนึ่ง แต่ไม่แจ้งป.ป.ช. จะมีผลต่อคุณสมบัติการเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น นาย
พิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการประสานกับ ป.ป.ช.โดยตลอด ซึ่งยังไม่เห็นข้อมูลทั้งหมด แต่หากมีคนร้องจริงหรือมีคำถามจากป.ป.ช. ยินดีชี้แจงเช่นเดียวกับการถือหุ้น แต่เป็นเรื่องปกติที่มีจะเรื่องต่างๆ เพื่อมาสกัดกั้น และไม่ได้กังวลใจ
ส่วนที่มีข่าวจะให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.อาจทำให้สัดส่วน ส.ส.ก้าวไกลหายไป จะต้องเปลี่ยนสมการการตั้งรัฐบาลหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะให้ใบแดงถึง 20 คนจริงหรือไม่ เท่าที่สอบถามไม่ได้ร้องกันถึงขั้นนี้ และหากให้เลือกตั้งใหม่ก็พร้อมลงเลือกตั้งและคิดว่าจะเป็นจุดที่ทำให้เราได้ ส.ส.มากขึ้นด้วยซ้ำ จึงมั่นใจว่าไม่กระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล
ด้านนพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะวางมือทางการเมือง หากเป็นจริง พร้อมรับส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้พูดคุยกัน และไม่มีการสมมติว่าจะเกิดขึ้น
ส่วนที่ถามว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนาย
พิธา จะทำอย่างไรนั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองให้มากที่สุด จากการพูดคุยขณะนี้ยังมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ฉะนั้น การสมมติถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ขออนุญาตไม่สมมติ และมั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้น
‘ชลน่าน’ เคลียร์ปมชะลอเงินดิจิทัล 1 หมื่น ชี้ให้เกียรติพรรคลำดับ 1 ไม่กังวลนักร้อง ร้องกกต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4017282
‘ชลน่าน’ เคลียร์ปมชะลอเงินดิจิทัล 1 หมื่น ชี้ให้เกียรติพรรคลำดับ 1 บอก ไม่กังวลนักร้อง ร้อง กกต. เย้ย ถ้าศึกษาลึกซึ้งคงไม่ไปร้อง ปัดตอบว่าที่ 20 ส.ส.ถูกฟัน ชี้ ไม่กระทบการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 7 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการที่พรรค พท. ประกาศชะลอการทำตามนโยบายหาเสียงดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่า เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 258 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 (5) หรือไม่ ว่า สำหรับเรื่องนี้จริงๆ ต้องขอบคุณนายสนธิญาที่เขาขยันทำหน้าที่ของตัวเอง ในประเด็นสาธารณะโดยเฉพาะของนโยบายของพรรค พท. ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเมื่อตนดูคำร้องของนายสนธิญา เราไม่ได้หวั่นเกรงและไม่ได้วิตกอะไร แต่ละฝ่ายล้วนทำหน้าที่ของตนเองไป และเชื่อมั่นว่าในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นนั้นเป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว
นพ.
ชลน่านกล่าวต่อว่า การที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. ได้แถลงข่าวในนามพรรคไป ซึ่งมีความชัดเจนว่าเมื่อเราเป็นพรรคอันดับ 2 จะนำนโยบายของเราเสนอไปเป็นนโยบายรัฐบาล และการที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ก่อน ซึ่งจะต้องหมายความว่า จะต้องมีการพูดคุยกัน จึงใช้คำว่าชะลอ เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะต้องใช้เม็ดเงินก้อนเดียวกัน ทั้งนี้ มั่นใจในข้อกฎหมายว่าไม่ได้เข้าข่ายฐานความผิดที่เป็นการหลอกลวงประชาชน
“
เพราะขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะ หากนายสนธิญา ศึกษาอย่างลึกซึ้งและเข้าในใจประเด็น เขาจะไม่ร้องในประเด็นนี้ เพราะผมเชื่อว่าหากเขาร้องในประเด็นนี้เขาจะอายตัวเองที่ไม่ศึกษาอย่างลึกซึ้งและไปร้อง จนทำให้สังคมเกิดความสับสน วุ่นวาย ตอนแรกผมชมแล้วนะว่าเขาสามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่บางเรื่องอะไรที่ทำให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวายก็เข้าข่ายก่อความวุ่นวายในสังคมได้โดยเฉพาะมิติสังคมในขณะนี้ที่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ ในขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะต้องเริ่มจากพรรคการเมือง ซึ่งเขาต้องทำตามข้อกฎหมาย และเราได้แจ้งไปทางกกต.ว่าเราจะทำนโยบายนี้ เพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง และกกต.ก็รับทราบ” นพ.
ชลน่านกล่าว
นพ.
ชลน่านกล่าวต่อว่า ส่วนจะเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่นั้น หากสามารถครองเสียงข้างมากได้เหมือนสมัยไทยรักไทยนั้น เราสามารถนำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคมาเป็นนโยบายหลักได้เลย แต่ขณะนี้เป็นพรรคร่วม เราเป็นอันดับที่ 2 ก็ต้องเป็นการจัดทำนโยบายร่วมกัน และขึ้นอยู่กับการพูดคุยตกลงกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ
เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า ในมาตรา 101 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีข้อกฎหมายเขาคุ้มครองพรรคการเมือง หากผู้ใดร้องเท็จหรือฟ้องเท็จพรรคการเมือง พรรคการเมืองก็สามารถที่จะร้องเอาผิดผู้ที่จงใจกลั่นแกล้งหรือทำให้พรรคการเมืองเสียหายได้ ซึ่งหากเป็นความจริงโทษตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี และติดคุกไม่น้อยกว่า 5 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายคงต้องไปดู และดูในรายละเอียดต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.จะรับรอง ส.ส.หากมีใบเหลือง ใบแดง มองว่าจะส่งผลต่อสมการตัวเลข ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า เท่าที่ฟังประธาน กกต.แถลงต่อสื่อมวลชน หากเป็นไปตามนั้น คำร้องกว่า 280 เรื่อง มีว่าที่ ส.ส.ที่อยู่ในข่าย 20 คน ซึ่งตามกฎหมายต้องมีการรับรอง ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หลังจากนั้นต้องมีการรายงานตัว หลังจากนั้นก็สามารถที่จะไปเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภา นายกฯได้ แต่หากถามว่า 20 คนนี้มีผลหรือไม่นั้น หากอยู่ฝ่ายเราจริงๆ ก็ไม่มีผล เพราะมีตัวเลข ส.ส. กว่า 290 คน ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้
“
ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าในจำนวน 20 คนนี้เป็นคนของพรรคเพื่อไทยนั้น คำว่า ถ้า ผมไม่อยากจะตอบ เพราะถ้า มันเยอะ ต้องไปดูข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้เราก็พยายามติดตามอยู่ว่า 20 คนนี้เป็นคนจากพรรคไหนอย่างไร พรรคเพื่อไทยเรามีเท่าไหร่ เรายังไม่มีข้อมูลตรงนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ต้องขออภัยจริงๆ ยังไม่สามารถที่จะตอบได้ แต่ยืนยันว่าเรายึดมั่นในฝ่ายประชาธิปไตย เราได้รับอาณัติมาจากประชาชน ซึ่งเป็นความจริงที่ผมสามารถพูดได้” นพ.
ชลน่านกล่าว
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการหยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาหารือกันหรือไม่ นพ.
ชลน่านกล่าวว่า เราได้มีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงไทม์ไลน์ของสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น โดยข้อสรุปเป็นเหมือนที่แถลงไปว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ กั
JJNY : 5in1 พิธาไม่หวั่น 3ด่าน│‘ชลน่าน’เคลียร์ปมเงินดิจิทัล│‘ไพศาล’เตือนนักร้อง│สหรัฐเผยจับตาเลือกตั้งไทย│กกร.ผวาภัยแล้ง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7703182
เพื่อไทยเปิดบ้านประชุม 8 พรรคร่วม พิธา คาดไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาลขยับเร็วขึ้น ย้ำรอความชัดเจนจาก กกต.เรื่องหุ้น ‘ชลน่าน’ ย้ำชัดตั้งรบ.ได้แน่
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 7 มิ.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค แถลงภายหลังประชุมความคืบหน้าจัดตั้งรัฐบาลเป็นครั้งที่ 3 ว่า มีวาระสำคัญ 2 เรื่อง
1. ประเมินสถานการณ์การเมือง ไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาล
2. อัปเดตความคืบหน้าคณะทำงาน และคณะกรรมการประสานงาน
ผลการประชุมหัวหน้าพรรค 8 พรรค เห็นตรงกันว่า น่ายินดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรีบทำงาน รับรอง ส.ส.ให้ได้เร็วที่สุด 95 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นไปอย่างประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์ไว้ หรือสื่อเคยทำไทม์ไลน์ขึ้นมาว่า 13 ก.ค.เป็นวันสุดท้าย หากมีกระบวนการรับรอง ส.ส.รายงานตัว เปิดประชุมสภา เลือกประธานสภา เลือกนายกฯ และมีการถวายสัตย์ฯ
ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า น่าจะเลื่อนขึ้นมาเร็วมากขึ้น 2-3 สัปดาห์ หัวหน้าพรรคทุกคนต้องเตรียมพร้อมจัดเตรียมนโยบายแถลงต่อรัฐสภา ดูการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ที่น่าจะเข้าสภาฯ ช่วงส.ค.-ก.ย. ถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็จะบริหารจัดการงบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลประชาชนได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นเรื่องน่ายินดีที่เราจะขยับไทม์ไลน์
ส่วนเรื่องอัปเดตการทำงาน จะประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 20 มิ.ย. ที่พรรคไทยสร้างไทย นอกจากนี้ได้ประสานคณะกรรมการประสานงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นอีก 2 คณะ คือ 1.คณะทำงานเกี่ยวกับการปฏิรูปประมง 2.คณะทำงานเรื่องการดูแลการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ
เมื่อถามว่าไทม์ไลน์ขยับขึ้นมา ปัญหาเรื่องประธานสภา ระหว่างก้าวไกลและเพื่อไทย จะจบได้แล้วใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังพูดคุยกันอยู่ แต่เมื่อไม่ใช่วันที่ 13 ก.ค.แล้ว มันเลื่อนเข้ามา ทุกกระบวนการทำงานทั้งเรื่องบุคลากร นโยบาย งบประมาณ ก็สรุปได้ว่าต้องเร่งรัดการทำงานมากขึ้น
ขณะเดียวกันเรื่องความเชื่อมั่นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้พร้อมเดินหน้า สร้างความเชื่อมั่นไปเรื่อยๆ ในเรื่องการบริหารจัดการ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ทำงานเพื่อคนทุกคน
เมื่อถามว่า กกต.สอบถามพรรคก้าวไกล เรื่องการใช้สัญลักษณ์ค้อนเคียว อยากอธิบายเพิ่มเติมหรือไม่ว่าจุดยืนการใช้สัญลักษณ์ ทั้งหาเสียงโดยตรงโดยอ้อมเป็นอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า สำหรับพรรคก้าวไกลคำชี้แจงก็ตามที่โพสต์ ว่าเป็นการแสดงออกถึงเครื่องมือทำมาหากินของปาร์ตี้ลิสต์ที่อยู่ใน 100 คน ซึ่งมีทั้งเกษตรกรและแรงงาน จุดประสงค์ก็มีอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เมื่อถามว่าผ่านไป 4 สัปดาห์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังไม่โทร.มาเเสดงความยินดีที่ชนะเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่มี เข้าใจว่าธรรมเนียมปฏิบัติของตนกับพล.อ.ประยุทธ์ คงต่างกัน วันหนึ่งถ้าตนเป็นนายกฯ แล้วเกิดแพ้เลือกตั้ง ตนก็ต้องเป็นคนโทร.หาผู้ชนะและยอมแพ้ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลไร้รอยต่อมากที่สุด ถ้าเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามถึงกรณีเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี ได้รับมาเมื่อไหร่ และเป็นส.ส.เมื่อปี 2562 ถือหุ้นอยู่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องหุ้น ต้องรอฟังรายละเอียด กกต. การเป็นผู้จัดการมรดกเริ่มตั้งแต่เมื่อศาลสั่ง จนกระทั่งถึงตนโอนหุ้น ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียว ไม่ได้รับโอน เมื่อถามว่า กกต.ตั้งประเด็นนี้ไว้แล้วและอาจจะเข้าข่ายรู้อยู่แล้วยังมาลงสมัคร มีคำชี้แจงหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า กกต.ยังจัดการเรื่องการตั้งรูปคดีอยู่ ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องตอบมากไปกว่านี้ รอความชัดเจนจาก กกต.
ต่อข้อถามที่ว่ามีกระบวนการฟื้นฟูไอทีวี อยากให้นายพิธา ระบุว่าใครอยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่ต้องพูดกันให้ชัด ไม่ว่าพยายามจะฟื้นคืนชีพมาด้วยเหตุผลทางธุรกิจของผู้บริหารเอง หรือเพื่อเหตุผลทางการเมืองเพื่อสกัดกั้นตน ไม่ได้มีปัญหา แต่ความน่าจะเป็นมันมีอยู่ในอนาคต ตนต้องบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ในอดีตที่ผ่านมาทั้งเรื่องหลักฐานต่างๆ หรือหลักกฎหมายในการตัดสิน ถ้าบริสุทธิ์ยุติธรรม มีมาตรฐานเดียวกันมา ตนคิดว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล ก็คงตอบได้เท่านี้
เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แคนดิเดตนายกฯ จะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อุบัติเหตุทางการเมือง เราอนุมานได้หลายรูปแบบ แต่เป็นสิ่งที่เราเตรียมตัวไว้หมดแล้วในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดน้อยที่สุด
ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า นายพิธาจะเจอ 3 ด่าน คือ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ และส.ว. กว่าจะได้เป็นนายกฯ ทั้งที่คนเชียร์เยอะมาก แต่ข่าวที่ออกมามีแต่ประเด็นเรื่องหุ้นไอทีวีนั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวล แต่ไม่ประมาททั้ง 3 ด่าน ตนวางแผนทำงานและมีคีย์แมนดูแลทั้ง 3 ด่าน ยังเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ไม่ประมาท และขอให้ประชาชนอย่ากังวลใจ จัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน
ส่วนที่มีรายงานข่าวไปค้ำประกันหนี้สินจำนวนหนึ่ง แต่ไม่แจ้งป.ป.ช. จะมีผลต่อคุณสมบัติการเป็นนายกฯ หรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการประสานกับ ป.ป.ช.โดยตลอด ซึ่งยังไม่เห็นข้อมูลทั้งหมด แต่หากมีคนร้องจริงหรือมีคำถามจากป.ป.ช. ยินดีชี้แจงเช่นเดียวกับการถือหุ้น แต่เป็นเรื่องปกติที่มีจะเรื่องต่างๆ เพื่อมาสกัดกั้น และไม่ได้กังวลใจ
ส่วนที่มีข่าวจะให้ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.อาจทำให้สัดส่วน ส.ส.ก้าวไกลหายไป จะต้องเปลี่ยนสมการการตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะให้ใบแดงถึง 20 คนจริงหรือไม่ เท่าที่สอบถามไม่ได้ร้องกันถึงขั้นนี้ และหากให้เลือกตั้งใหม่ก็พร้อมลงเลือกตั้งและคิดว่าจะเป็นจุดที่ทำให้เราได้ ส.ส.มากขึ้นด้วยซ้ำ จึงมั่นใจว่าไม่กระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล
ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะวางมือทางการเมือง หากเป็นจริง พร้อมรับส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้พูดคุยกัน และไม่มีการสมมติว่าจะเกิดขึ้น
ส่วนที่ถามว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายพิธา จะทำอย่างไรนั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองให้มากที่สุด จากการพูดคุยขณะนี้ยังมั่นใจว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้ ฉะนั้น การสมมติถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ขออนุญาตไม่สมมติ และมั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้น
‘ชลน่าน’ เคลียร์ปมชะลอเงินดิจิทัล 1 หมื่น ชี้ให้เกียรติพรรคลำดับ 1 ไม่กังวลนักร้อง ร้องกกต.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4017282
‘ชลน่าน’ เคลียร์ปมชะลอเงินดิจิทัล 1 หมื่น ชี้ให้เกียรติพรรคลำดับ 1 บอก ไม่กังวลนักร้อง ร้อง กกต. เย้ย ถ้าศึกษาลึกซึ้งคงไม่ไปร้อง ปัดตอบว่าที่ 20 ส.ส.ถูกฟัน ชี้ ไม่กระทบการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 7 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบการที่พรรค พท. ประกาศชะลอการทำตามนโยบายหาเสียงดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่า เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 258 (3) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 73 (5) หรือไม่ ว่า สำหรับเรื่องนี้จริงๆ ต้องขอบคุณนายสนธิญาที่เขาขยันทำหน้าที่ของตัวเอง ในประเด็นสาธารณะโดยเฉพาะของนโยบายของพรรค พท. ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเมื่อตนดูคำร้องของนายสนธิญา เราไม่ได้หวั่นเกรงและไม่ได้วิตกอะไร แต่ละฝ่ายล้วนทำหน้าที่ของตนเองไป และเชื่อมั่นว่าในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นนั้นเป็นข้อเท็จจริงอยู่แล้ว
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า การที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. ได้แถลงข่าวในนามพรรคไป ซึ่งมีความชัดเจนว่าเมื่อเราเป็นพรรคอันดับ 2 จะนำนโยบายของเราเสนอไปเป็นนโยบายรัฐบาล และการที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ก่อน ซึ่งจะต้องหมายความว่า จะต้องมีการพูดคุยกัน จึงใช้คำว่าชะลอ เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) จะต้องใช้เม็ดเงินก้อนเดียวกัน ทั้งนี้ มั่นใจในข้อกฎหมายว่าไม่ได้เข้าข่ายฐานความผิดที่เป็นการหลอกลวงประชาชน
“เพราะขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะ หากนายสนธิญา ศึกษาอย่างลึกซึ้งและเข้าในใจประเด็น เขาจะไม่ร้องในประเด็นนี้ เพราะผมเชื่อว่าหากเขาร้องในประเด็นนี้เขาจะอายตัวเองที่ไม่ศึกษาอย่างลึกซึ้งและไปร้อง จนทำให้สังคมเกิดความสับสน วุ่นวาย ตอนแรกผมชมแล้วนะว่าเขาสามารถทำหน้าที่ได้ดี แต่บางเรื่องอะไรที่ทำให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวายก็เข้าข่ายก่อความวุ่นวายในสังคมได้โดยเฉพาะมิติสังคมในขณะนี้ที่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ ในขั้นตอนการจัดทำนโยบายสาธารณะต้องเริ่มจากพรรคการเมือง ซึ่งเขาต้องทำตามข้อกฎหมาย และเราได้แจ้งไปทางกกต.ว่าเราจะทำนโยบายนี้ เพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้ง และกกต.ก็รับทราบ” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ส่วนจะเป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่นั้น หากสามารถครองเสียงข้างมากได้เหมือนสมัยไทยรักไทยนั้น เราสามารถนำนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคมาเป็นนโยบายหลักได้เลย แต่ขณะนี้เป็นพรรคร่วม เราเป็นอันดับที่ 2 ก็ต้องเป็นการจัดทำนโยบายร่วมกัน และขึ้นอยู่กับการพูดคุยตกลงกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ
เมื่อถามว่า จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในมาตรา 101 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มีข้อกฎหมายเขาคุ้มครองพรรคการเมือง หากผู้ใดร้องเท็จหรือฟ้องเท็จพรรคการเมือง พรรคการเมืองก็สามารถที่จะร้องเอาผิดผู้ที่จงใจกลั่นแกล้งหรือทำให้พรรคการเมืองเสียหายได้ ซึ่งหากเป็นความจริงโทษตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี และติดคุกไม่น้อยกว่า 5 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ซึ่งทางฝ่ายกฎหมายคงต้องไปดู และดูในรายละเอียดต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.จะรับรอง ส.ส.หากมีใบเหลือง ใบแดง มองว่าจะส่งผลต่อสมการตัวเลข ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เท่าที่ฟังประธาน กกต.แถลงต่อสื่อมวลชน หากเป็นไปตามนั้น คำร้องกว่า 280 เรื่อง มีว่าที่ ส.ส.ที่อยู่ในข่าย 20 คน ซึ่งตามกฎหมายต้องมีการรับรอง ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 หลังจากนั้นต้องมีการรายงานตัว หลังจากนั้นก็สามารถที่จะไปเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภา นายกฯได้ แต่หากถามว่า 20 คนนี้มีผลหรือไม่นั้น หากอยู่ฝ่ายเราจริงๆ ก็ไม่มีผล เพราะมีตัวเลข ส.ส. กว่า 290 คน ก็ถือว่าเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้
“ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าในจำนวน 20 คนนี้เป็นคนของพรรคเพื่อไทยนั้น คำว่า ถ้า ผมไม่อยากจะตอบ เพราะถ้า มันเยอะ ต้องไปดูข้อเท็จจริง เพราะขณะนี้เราก็พยายามติดตามอยู่ว่า 20 คนนี้เป็นคนจากพรรคไหนอย่างไร พรรคเพื่อไทยเรามีเท่าไหร่ เรายังไม่มีข้อมูลตรงนี้ ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏ ต้องขออภัยจริงๆ ยังไม่สามารถที่จะตอบได้ แต่ยืนยันว่าเรายึดมั่นในฝ่ายประชาธิปไตย เราได้รับอาณัติมาจากประชาชน ซึ่งเป็นความจริงที่ผมสามารถพูดได้” นพ.ชลน่านกล่าว
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการหยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นมาหารือกันหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราได้มีการหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึงไทม์ไลน์ของสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น โดยข้อสรุปเป็นเหมือนที่แถลงไปว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ กั