รัฐธรรมนูญ60 ที่มีมติให้ ส.ว. เลือกนายก มีประชาชนเห็นด้วย15.1ล้านเสียง ไม่เห็นด้วย 10.9 ล้านเสียง
คุณให้จะสิทธิ สว. คนที่ แม้มีประชามติเห็นด้วยตามระบอบประชาธิปไตย(ซึ่งบางคนอาจโดนปิดหูปิดตา แล้วฝ่ายไม่เห็นด้วยโดนปิดกั้น)
อีกนัยหนึ่ง
จะให้ประชามติจาก15ล้านเสียง
มาตัดสินชี้ชะตา
สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชน 26ล้านเสียงได้
เราควรเคารพเสียงส่วนมากของประชาชนมิใช่หรือ
มันอาจจะไม่เกี่ยวกัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ มติปี62 กับ การเลือกตั้งปี66 เป็นเสียงที่แท้จริงจากประชาชน
ผมถามจริงๆมันเป็นประชาธิปไตยจริงๆเหรอ
ประชาธิปไตยที่เคารพเสียงข้างมากมันไม่ยุติธรรมมากนักใช่ไหม
มันก็คงจะไม่ยุติธรรมมากใช่หรือไม่ในระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้
แล้วเราจะมีหน้าไปคุยกับประเทศที่พัฒนาแล้วในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไรเหล่า เราเป็นประเทศประชาธิปไตย (ผมไม่ได้ชี้นำว่าไม่ให้คบ กับประเทศคอมมิวนิสต์ เพราะ พิธา บอกว่า เราจะคบกับนานาประเทศเฉกเช่นการเลือกซื้อ อาหาร คือคบกันแบบอะลาคาร์ทไม่ใช่เลือกคบแบบบุฟเฟ่ต์)
กรณี มติปี62
ถ้ามีคนไม่เห็นมาด้วย10ล้านเสียงอยู่ใน25ล้านเสียงนี้
ซึ่งก็ถือว่าไม่ทั้งหมด อาจจะมีคนเห็นด้วยย้ายฝั่งมาบางไม่มากก็น้อย
ก็ถือได้ว่า
25-26ล.ของ กก.+พท นี้ อาจมาจาก 10ล.ที่ไม่เห็นด้วยในตอนนั้นซะส่วนใหญ่ และถ้าจะให้มีประชามติเลือก สว.ปี66 ณ ตอนนี้ ผมเชื่อได้มีประชาชนส่วนมากที่ไม่เห็นด้วยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ซึ่งผมขอเตือนพรรคร่วมที่จัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน หรือ พรรคที่เป็นฝ่ายค้านเสียงข้างน้อย ณ ตอนนี้ว่า
เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับมติที่ สวเลือกนายก.ณ ขณะนั้น ซึ่ง ณ ขณะอาจเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ก็อาจจะอยู่ในบรรดาเสียงในพรรคของคุณอยู่เช่นกัน สมาชิกพรรคของพวกคุณพูดอะไรไว้กับเรื่อง สว.250 ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ให้ สว.เลือกนายก ให้รับผิดชอบคำพูดที่ใช้หาเสียงในเรื่องนี้ของพวกคุณด้วย อย่าผิดมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชน
คุณก็คงเห็นผลลัพธ์จากการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้วว่ามี
มีพรรคหนึ่งเป็นตัวอย่างให้เห็น หากผิดคำมั่นสัญญากับประชาชนแล้วจะเกิดผลอย่างไร
(รบกวน สื่อ และ โซเชียล หาหลักฐาน จากการ หาเสียง ดีเบต บทสัมภาษณ์เดี่ยว-กลุ่ม ไทย-อังกฤษ ตอนเลือกตั้งปี66นี้ จากช่องทางออนไลน์หรือสื่อต่างๆเอามาประกอบกันด้วย)
โอ๊ะ แต่ลืมไป
พรรคที่เห็นด้วยกับเสียง สว.ณ ตอนนั้น อยู่ฝั่งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ณ ตอนนี้ อยู่หมดเลย คงกล้ำกลืน ฝืนทนกันมากแล้ว
แล้ว ขอเตือนไปยังพรรคหนึ่ง
คุณก็คงเข้าใจว่า การเป็นพรรคอันดับหนึ่งแล้วไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล มันรู้สึกอย่างไร คงไม่ต้องเอย อย่าทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่แปลกแหวกแนวต่างจากประเทศอื่นๆ เลย
เราคงไม่มีหน้า ให้ ลูกๆหลาน ๆไปพูดคุยเรื่องการเมือง กับลูกๆหลานๆในนาๆประเทศอื่นๆ
เอาเข้าจริงๆประเทศคอมมิวนิสต์ยังอาย
คิดสภาพประเทศคอมมิวนิวส์ที่มีเสียงข้างน้อยชนะเสียงข้างมากได้
ซึ่งเกิดขั้นได้ยากในยุคสมัยนี้
ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่ เป็นยุคที่สู้กันด้วย เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และ ความท้าท้ายใหม่ๆ ซึ่งทุกประเทศกำลังเผชิญ เช่น สภาวะโลกร้อน รวมถึงภัยพิบัติจากธรรมชาติที่ยากจะหยั่งถึง
แล้วอีกประเด็น
จะขอพูดเรื่อง มติปี62อีกสักหน่อย
ถ้าคิดแบบง่ายๆ ก็คือ
10ล้านเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับมติปี62ณ ตอนนั้น
ส่วนใหญ่อยู่ใน25ล้านในบรรดาพรรคจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในตอนนี้ หรือ อาจจะอยู่ในพรรคฝ่ายค้านเสียงข้างน้อย
และ เช่นเดียวกัน
15ล้านเสียงที่เห็นด้วยกับมติปี62ณ ตอนนั้น
ส่วนใหญ่อาจจะอยู่ในบรรดาพรรคเสียข้างน้อย หรือ อาจจะอยู่ในพรรคเสียงข้างมากที่จัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ก็ได้
ซึ่ง 15ล.เสียง ผมก็จำใจยอมรับ ก็มันเป็นสิทธิเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าให้โหวตใหม่คงพลิกโผแน่ๆ
แล้วที่ตลกร้ายก็คือ จำนวนประชาชนผู้ที่มาใช้สิทธิลงประชามติปี62ทั้งหมด
มันดันพอๆกับ จำนวนประชาชนที่เลือกพรรคที่จัดตั้งฟอร์มทีมรัฐบาลในตอนนี้กันอย่างพอดิบพอดี(มติปี62 มีทั้งหมด 26,058,698 เสียง ส่วน เสียงประชาชนที่ให้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลฝั่งเสียงข้างมากแบบไม่เป็นทางการปี66 คือ 26,408,583 สิทธิ)
แต่!!!!!!!!!
ประชามติตอนปี62ที่เห็นด้วยมี 15.1ล้านเสียง ซึ่งก็เป็นเสียง ที่สว.ยอมรับเรื่องนี้อย่างเต็มปากเต็มคำในสภา และ เป็นสิ่งที่ทำให้ สว.ยังคงดำรงอยู่และกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนอยู่ในทุกวันนี้
แต่ ส.ว. ดันจะ
หักห้ามสิทธิ์และเสียงของประชาชนที่มาจาก พรรคฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลซึ่งมีเสียงข้างมาก มากกว่า 26ล้านเสียง
สว.จะไม่ยอมรับ หรือ พูดอย่างไม่เต็มปากเต็มคำในสภา แล้วคิดที่จะไม่โหวตหรือจะหา วิธี อภินิหารใดๆที่จะไม่ยอมรับหรือฟังเสียงฉันทามติของพี่น้องประชาชนจากพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างมากในตอนนี้เสียเลยหรือ
มติปี 62 15ล.>10ล. ✅
เลือกตั้งปี66 15ล.>26ล.✅ ¯\_( ͡° ͜ʖ ͡°)_/¯
#15>26
โปรดให้ความเป็นธรรมกับประชาธิปไตยในประเทศไทย
คุณให้จะสิทธิ สว. คนที่ แม้มีประชามติเห็นด้วยตามระบอบประชาธิปไตย(ซึ่งบางคนอาจโดนปิดหูปิดตา แล้วฝ่ายไม่เห็นด้วยโดนปิดกั้น)
อีกนัยหนึ่ง
จะให้ประชามติจาก15ล้านเสียง
มาตัดสินชี้ชะตา
สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชน 26ล้านเสียงได้
เราควรเคารพเสียงส่วนมากของประชาชนมิใช่หรือ
มันอาจจะไม่เกี่ยวกัน แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ มติปี62 กับ การเลือกตั้งปี66 เป็นเสียงที่แท้จริงจากประชาชน
ผมถามจริงๆมันเป็นประชาธิปไตยจริงๆเหรอ
ประชาธิปไตยที่เคารพเสียงข้างมากมันไม่ยุติธรรมมากนักใช่ไหม
มันก็คงจะไม่ยุติธรรมมากใช่หรือไม่ในระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้
แล้วเราจะมีหน้าไปคุยกับประเทศที่พัฒนาแล้วในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไรเหล่า เราเป็นประเทศประชาธิปไตย (ผมไม่ได้ชี้นำว่าไม่ให้คบ กับประเทศคอมมิวนิสต์ เพราะ พิธา บอกว่า เราจะคบกับนานาประเทศเฉกเช่นการเลือกซื้อ อาหาร คือคบกันแบบอะลาคาร์ทไม่ใช่เลือกคบแบบบุฟเฟ่ต์)
กรณี มติปี62
ถ้ามีคนไม่เห็นมาด้วย10ล้านเสียงอยู่ใน25ล้านเสียงนี้
ซึ่งก็ถือว่าไม่ทั้งหมด อาจจะมีคนเห็นด้วยย้ายฝั่งมาบางไม่มากก็น้อย
ก็ถือได้ว่า
25-26ล.ของ กก.+พท นี้ อาจมาจาก 10ล.ที่ไม่เห็นด้วยในตอนนั้นซะส่วนใหญ่ และถ้าจะให้มีประชามติเลือก สว.ปี66 ณ ตอนนี้ ผมเชื่อได้มีประชาชนส่วนมากที่ไม่เห็นด้วยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ซึ่งผมขอเตือนพรรคร่วมที่จัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน หรือ พรรคที่เป็นฝ่ายค้านเสียงข้างน้อย ณ ตอนนี้ว่า
เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับมติที่ สวเลือกนายก.ณ ขณะนั้น ซึ่ง ณ ขณะอาจเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ก็อาจจะอยู่ในบรรดาเสียงในพรรคของคุณอยู่เช่นกัน สมาชิกพรรคของพวกคุณพูดอะไรไว้กับเรื่อง สว.250 ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ให้ สว.เลือกนายก ให้รับผิดชอบคำพูดที่ใช้หาเสียงในเรื่องนี้ของพวกคุณด้วย อย่าผิดมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชน
คุณก็คงเห็นผลลัพธ์จากการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้วว่ามี
มีพรรคหนึ่งเป็นตัวอย่างให้เห็น หากผิดคำมั่นสัญญากับประชาชนแล้วจะเกิดผลอย่างไร
(รบกวน สื่อ และ โซเชียล หาหลักฐาน จากการ หาเสียง ดีเบต บทสัมภาษณ์เดี่ยว-กลุ่ม ไทย-อังกฤษ ตอนเลือกตั้งปี66นี้ จากช่องทางออนไลน์หรือสื่อต่างๆเอามาประกอบกันด้วย)
โอ๊ะ แต่ลืมไป
พรรคที่เห็นด้วยกับเสียง สว.ณ ตอนนั้น อยู่ฝั่งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ณ ตอนนี้ อยู่หมดเลย คงกล้ำกลืน ฝืนทนกันมากแล้ว
แล้ว ขอเตือนไปยังพรรคหนึ่ง
คุณก็คงเข้าใจว่า การเป็นพรรคอันดับหนึ่งแล้วไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล มันรู้สึกอย่างไร คงไม่ต้องเอย อย่าทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยที่แปลกแหวกแนวต่างจากประเทศอื่นๆ เลย
เราคงไม่มีหน้า ให้ ลูกๆหลาน ๆไปพูดคุยเรื่องการเมือง กับลูกๆหลานๆในนาๆประเทศอื่นๆ
เอาเข้าจริงๆประเทศคอมมิวนิสต์ยังอาย
คิดสภาพประเทศคอมมิวนิวส์ที่มีเสียงข้างน้อยชนะเสียงข้างมากได้
ซึ่งเกิดขั้นได้ยากในยุคสมัยนี้
ซึ่งภาพรวมส่วนใหญ่ เป็นยุคที่สู้กันด้วย เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และ ความท้าท้ายใหม่ๆ ซึ่งทุกประเทศกำลังเผชิญ เช่น สภาวะโลกร้อน รวมถึงภัยพิบัติจากธรรมชาติที่ยากจะหยั่งถึง
แล้วอีกประเด็น
จะขอพูดเรื่อง มติปี62อีกสักหน่อย
ถ้าคิดแบบง่ายๆ ก็คือ
10ล้านเสียงที่ไม่เห็นด้วยกับมติปี62ณ ตอนนั้น
ส่วนใหญ่อยู่ใน25ล้านในบรรดาพรรคจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากในตอนนี้ หรือ อาจจะอยู่ในพรรคฝ่ายค้านเสียงข้างน้อย
และ เช่นเดียวกัน
15ล้านเสียงที่เห็นด้วยกับมติปี62ณ ตอนนั้น
ส่วนใหญ่อาจจะอยู่ในบรรดาพรรคเสียข้างน้อย หรือ อาจจะอยู่ในพรรคเสียงข้างมากที่จัดตั้งรัฐบาลในตอนนี้ก็ได้
ซึ่ง 15ล.เสียง ผมก็จำใจยอมรับ ก็มันเป็นสิทธิเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าให้โหวตใหม่คงพลิกโผแน่ๆ
แล้วที่ตลกร้ายก็คือ จำนวนประชาชนผู้ที่มาใช้สิทธิลงประชามติปี62ทั้งหมด
มันดันพอๆกับ จำนวนประชาชนที่เลือกพรรคที่จัดตั้งฟอร์มทีมรัฐบาลในตอนนี้กันอย่างพอดิบพอดี(มติปี62 มีทั้งหมด 26,058,698 เสียง ส่วน เสียงประชาชนที่ให้พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลฝั่งเสียงข้างมากแบบไม่เป็นทางการปี66 คือ 26,408,583 สิทธิ)
แต่!!!!!!!!!
ประชามติตอนปี62ที่เห็นด้วยมี 15.1ล้านเสียง ซึ่งก็เป็นเสียง ที่สว.ยอมรับเรื่องนี้อย่างเต็มปากเต็มคำในสภา และ เป็นสิ่งที่ทำให้ สว.ยังคงดำรงอยู่และกินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนอยู่ในทุกวันนี้
แต่ ส.ว. ดันจะ
หักห้ามสิทธิ์และเสียงของประชาชนที่มาจาก พรรคฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลซึ่งมีเสียงข้างมาก มากกว่า 26ล้านเสียง
สว.จะไม่ยอมรับ หรือ พูดอย่างไม่เต็มปากเต็มคำในสภา แล้วคิดที่จะไม่โหวตหรือจะหา วิธี อภินิหารใดๆที่จะไม่ยอมรับหรือฟังเสียงฉันทามติของพี่น้องประชาชนจากพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างมากในตอนนี้เสียเลยหรือ
มติปี 62 15ล.>10ล. ✅
เลือกตั้งปี66 15ล.>26ล.✅ ¯\_( ͡° ͜ʖ ͡°)_/¯
#15>26