สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ - นายพูลเดช กรรณิการ์ หัวหน้าพรรคเพื่ออนาคต ออกแถลงการณ์พรรคเพื่ออนาคต ต่อสื่อมวลชนและประชาชนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2556 เรื่อง จุดยืนและการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคเพื่ออนาคตต่อการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ว่า ตามที่ได้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างและความขัดแย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 โดยฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการปฏิรูปการเมืองก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และเห็นว่าควรเลือนการเลือกตั้งออกไป กับอีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย และหลังจากนั้นจึงจะดำเนินการปฏิรูปการเมือง ซึ่งทั้งสองแนวทางต่างฝ่ายต่างอ้างว่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดกับการหาทางออกทางการเมืองให้กับประเทศ
ขณะนี้จึงเกิดบรรยากาศของความไม่แน่นอนและความสับสนภายในประเทศและในสายตาต่างประเทศว่า จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 หรือไม่ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ซ้ำเติมสถานการณ์ทางการเมืองให้ย่ำแย่มากยิ่งขึ้น หลังจากที่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและนำมาสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรในเวลาต่อมา และขณะนี้การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลก็ยังคงดำเนินอยู่
พรรคเพื่ออนาคต ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยได้รับการประกาศจัดตั้งจากนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2556 มีหลักการสำคัญในการจัดตั้งเพื่อให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง มิใช่พรรคการเมืองของนักการเมือง และเพื่อให้เป็น “พื้นที่ใหม่ทางการเมือง” ของประชาชนที่ไม่ประสงค์จะอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองอีกต่อไป รวมถึงเป็น “พื้นที่ใหม่ทางการเมือง” สำหรับคนดีมีความรู้ความสามารถที่ปรารถนาจะเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองอย่างจริงใจ พรรคเพื่ออนาคตจึงขอแถลงจุดยืนและการตัดสินใจทางการเมืองต่อการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ต่อสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ดังนี้
พรรคเพื่ออนาคตเห็นว่า หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 โดยที่ยังมีกระแสความไม่เห็นด้วยและการไม่ยอมรับจากประชาชนจำนวนมากและอีกหลายภาคส่วนในสังคม รวมถึงหากมีการบอยคอตการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนหนึ่งและหรือจากพรรคการเมืองใหญ่เกิดขึ้น การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 จะไม่ใช่ทางออกของประเทศอย่างแน่นอน แต่ตรงข้ามจะนำไปสู่ “ทางตัน” ของประเทศมากยิ่งขึ้นกว่านี้ เพราะความขัดแย้งทางการเมืองจะลงลึกและขยายขอบเขตความขัดแย้งไปสู่บริบทใหม่ๆมากขึ้น
การเลือกตั้งที่แต่เดิมถูกกำหนดให้เป็น “ยาสามัญประจำบ้าน” ในการแก้ไขปัญหาหรืออาการต่างๆในระบอบประชาธิปไตย ก็จะกลายเป็น “ยาที่หมดอายุ” หรือ “ยาเสื่อมคุณภาพ” สำหรับการแก้ไขปัญหาทางการเมืองของประเทศ ซึ่งที่สุดจะหมายถึงความเสื่อมทรุดมากยิ่งขึ้นของวิถีทางระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย พรรคเพื่ออนาคตมองเห็นไกลถึงสิ่งนี้
นอกจากนี้ หากมีการบอยคอตการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนหนึ่งและจากพรรคการเมืองใหญ่เกิดขึ้น ผลการเลือกตั้งที่จะมีออกมาจะไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นฉันทานุมัติจากประชาชน และจะไม่สามารถอ้างความชอบธรรม ซึ่งจะทำให้ผู้ชนะในการเลือกตั้งไม่สามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ รวมทั้งไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ด้วย
พรรคเพื่ออนาคตเห็นว่า หากมีวิถีทางใดอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมายอันจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไประยะหนึ่ง โดยต้องมิใช่วิธีการที่ใช้กำลังเข้าบังคับ เพื่อใช้ห้วงเวลาหนึ่งหาข้อยุติความเห็นที่แตกต่างหรือหามาตรการในการทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย หลังจากนั้นจึงจะมีการเลือกตั้ง ก็จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดต่อประเทศ และต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่มีหนทางใดที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ภายใต้วิถีทางอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายหรือถูกต้องตามกฎหมายได้ พรรคเพื่ออนาคตก็ตัดสินใจทางการเมืองต่อการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ด้วยการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ระบบเขต จะพิจารณาถึงความพร้อมของพรรคในเวลาที่จำกัดอีกครั้ง ทั้งนี้เพราะพรรคเพื่ออนาคตจัดตั้งขึ้นเพื่อใช้กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นวิถีทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศและพัฒนาชาติบ้านเมือง
18 ธันวาคม 2556
Hi-Light // หัวหน้าพรรคเพื่ออนาคตชี้ หากดันทุรังเลือกตั้ง ประเทศถึงทางตัน
สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ - นายพูลเดช กรรณิการ์ หัวหน้าพรรคเพื่ออนาคต ออกแถลงการณ์พรรคเพื่ออนาคต ต่อสื่อมวลชนและประชาชนทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2556 เรื่อง จุดยืนและการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคเพื่ออนาคตต่อการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ว่า ตามที่ได้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างและความขัดแย้งเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 โดยฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการปฏิรูปการเมืองก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และเห็นว่าควรเลือนการเลือกตั้งออกไป กับอีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มีการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย และหลังจากนั้นจึงจะดำเนินการปฏิรูปการเมือง ซึ่งทั้งสองแนวทางต่างฝ่ายต่างอ้างว่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดกับการหาทางออกทางการเมืองให้กับประเทศ
ขณะนี้จึงเกิดบรรยากาศของความไม่แน่นอนและความสับสนภายในประเทศและในสายตาต่างประเทศว่า จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 หรือไม่ ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ซ้ำเติมสถานการณ์ทางการเมืองให้ย่ำแย่มากยิ่งขึ้น หลังจากที่มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและนำมาสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรในเวลาต่อมา และขณะนี้การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลก็ยังคงดำเนินอยู่
พรรคเพื่ออนาคต ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยได้รับการประกาศจัดตั้งจากนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2556 มีหลักการสำคัญในการจัดตั้งเพื่อให้เป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง มิใช่พรรคการเมืองของนักการเมือง และเพื่อให้เป็น “พื้นที่ใหม่ทางการเมือง” ของประชาชนที่ไม่ประสงค์จะอยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองอีกต่อไป รวมถึงเป็น “พื้นที่ใหม่ทางการเมือง” สำหรับคนดีมีความรู้ความสามารถที่ปรารถนาจะเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองอย่างจริงใจ พรรคเพื่ออนาคตจึงขอแถลงจุดยืนและการตัดสินใจทางการเมืองต่อการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ต่อสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ดังนี้
พรรคเพื่ออนาคตเห็นว่า หากมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 โดยที่ยังมีกระแสความไม่เห็นด้วยและการไม่ยอมรับจากประชาชนจำนวนมากและอีกหลายภาคส่วนในสังคม รวมถึงหากมีการบอยคอตการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนหนึ่งและหรือจากพรรคการเมืองใหญ่เกิดขึ้น การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 จะไม่ใช่ทางออกของประเทศอย่างแน่นอน แต่ตรงข้ามจะนำไปสู่ “ทางตัน” ของประเทศมากยิ่งขึ้นกว่านี้ เพราะความขัดแย้งทางการเมืองจะลงลึกและขยายขอบเขตความขัดแย้งไปสู่บริบทใหม่ๆมากขึ้น
การเลือกตั้งที่แต่เดิมถูกกำหนดให้เป็น “ยาสามัญประจำบ้าน” ในการแก้ไขปัญหาหรืออาการต่างๆในระบอบประชาธิปไตย ก็จะกลายเป็น “ยาที่หมดอายุ” หรือ “ยาเสื่อมคุณภาพ” สำหรับการแก้ไขปัญหาทางการเมืองของประเทศ ซึ่งที่สุดจะหมายถึงความเสื่อมทรุดมากยิ่งขึ้นของวิถีทางระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย พรรคเพื่ออนาคตมองเห็นไกลถึงสิ่งนี้
นอกจากนี้ หากมีการบอยคอตการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนหนึ่งและจากพรรคการเมืองใหญ่เกิดขึ้น ผลการเลือกตั้งที่จะมีออกมาจะไม่สามารถอ้างได้ว่าเป็นฉันทานุมัติจากประชาชน และจะไม่สามารถอ้างความชอบธรรม ซึ่งจะทำให้ผู้ชนะในการเลือกตั้งไม่สามารถแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองได้ รวมทั้งไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ด้วย
พรรคเพื่ออนาคตเห็นว่า หากมีวิถีทางใดอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายและถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมายอันจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไประยะหนึ่ง โดยต้องมิใช่วิธีการที่ใช้กำลังเข้าบังคับ เพื่อใช้ห้วงเวลาหนึ่งหาข้อยุติความเห็นที่แตกต่างหรือหามาตรการในการทำให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย หลังจากนั้นจึงจะมีการเลือกตั้ง ก็จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดต่อประเทศ และต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่มีหนทางใดที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ภายใต้วิถีทางอันเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายหรือถูกต้องตามกฎหมายได้ พรรคเพื่ออนาคตก็ตัดสินใจทางการเมืองต่อการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 ด้วยการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ระบบเขต จะพิจารณาถึงความพร้อมของพรรคในเวลาที่จำกัดอีกครั้ง ทั้งนี้เพราะพรรคเพื่ออนาคตจัดตั้งขึ้นเพื่อใช้กระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นวิถีทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศและพัฒนาชาติบ้านเมือง
18 ธันวาคม 2556