http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1355558757&grpid=&catid=02&subcatid=0200สรกล อดุลยานนท์ : เกมวัดใจ
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 มติชน 15 ธันวาคม 2555
การตัดสินใจ "ผ่าทางตัน" การแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการลงประชามติก่อนการโหวตวาระ 3 แม้จะขัดใจคนจำนวนไม่น้อยที่เชียร์ให้โหวตวาระ 3 เลย
แต่ถ้ามองแบบเข้าใจระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550
นี่คือ กลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดของพรรคเพื่อไทย
เพราะถ้าใช้ความกล้าหาญเดินหน้าโหวตวาระ 3
แม้อาจจะชนะด้วยจำนวนมือในสภา แต่เชื่อว่าจะมีคนยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน
เป็นที่รู้กันว่าสมรภูมิที่พรรคเพื่อไทยกลัวที่สุด คือ องค์กรอิสระ
ถือเป็น "คิลลิ่งโซน" ของพรรคเพื่อไทย
มีโอกาสตายมากกว่ารอด
แต่สมรภูมิที่พรรคเพื่อไทย^^วชาญที่สุด และชนะทุกครั้ง คือ สนามเลือกตั้ง
ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย เขาชนะเลือกตั้งถล่มทลายมาตลอด
ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหากพรรคเพื่อไทยจะเลือกการลงประชามติแทนการโหวตวาระ 3
ให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินชะตากรรมดีกว่าให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คนตัดสิน
แต่เกมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะตามรัฐธรรมนูญการลงประชามติเพื่อให้มีข้อยุติโดยเสียงข้างมาก
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 กำหนดว่า "ผู้มาออกเสียง" ต้องเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง
จากตัวเลขการเลือกตั้งครั้งก่อน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 46.9 ล้านคน
เสียงข้างมาก คือ อย่างต่ำประมาณ 23.45 ล้านคน
และ "จำนวนเสียง" ที่ได้ต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง
ถ้ามากัน 23.45 ล้านคน กึ่งหนึ่งก็คือ 11.73 ล้านคน
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ กติกากำหนดว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิอย่างต่ำ 23.45 ล้านคน
ถ้าเป็นไปตามธรรมชาติของการลงคะแนนก็คงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีคนออกมาใช้สิทธิ 75% หรือ 35.2 ล้านคน
มากกว่าขั้นต่ำของกติกาประชามติตั้งเยอะ
และถ้าดูผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลชนะไม่ยาก
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมตัวเลขด้วยการ "วอล์กเอาต์"
รณรงค์ให้ประชาชนไม่ออกมาลงประชามติ
การลงประชามติจะมีปัญหาทันที
เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคเพื่อไทยคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 15.7 ล้าน
ประชาธิปัตย์ 11.4 ล้าน
แค่คนที่หนุนประชาธิปัตย์ไม่ออกมาก็เหนื่อยแล้ว
35.2-11.4 = 23.8 ล้านคน
หักบัตรเสียและไม่ประสงค์ลงคะแนนอีก 3.4 ล้านคน
เหลือแค่ 20.4 ล้านคน
ไม่ถึงขั้นต่ำ 23.45 ล้านคน
แพ้ตั้งแต่ขั้นแรก
เกมนี้จึงเป็นเกมวัดใจพรรคประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง
"อภิสิทธิ์" จะกล้า "วอล์กเอาต์" เป็นครั้งที่ 2 หรือไม่
เกมวัดใจ
สรกล อดุลยานนท์ : เกมวัดใจ
คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 มติชน 15 ธันวาคม 2555
การตัดสินใจ "ผ่าทางตัน" การแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการลงประชามติก่อนการโหวตวาระ 3 แม้จะขัดใจคนจำนวนไม่น้อยที่เชียร์ให้โหวตวาระ 3 เลย
แต่ถ้ามองแบบเข้าใจระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550
นี่คือ กลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดของพรรคเพื่อไทย
เพราะถ้าใช้ความกล้าหาญเดินหน้าโหวตวาระ 3
แม้อาจจะชนะด้วยจำนวนมือในสภา แต่เชื่อว่าจะมีคนยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน
เป็นที่รู้กันว่าสมรภูมิที่พรรคเพื่อไทยกลัวที่สุด คือ องค์กรอิสระ
ถือเป็น "คิลลิ่งโซน" ของพรรคเพื่อไทย
มีโอกาสตายมากกว่ารอด
แต่สมรภูมิที่พรรคเพื่อไทย^^วชาญที่สุด และชนะทุกครั้ง คือ สนามเลือกตั้ง
ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย เขาชนะเลือกตั้งถล่มทลายมาตลอด
ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหากพรรคเพื่อไทยจะเลือกการลงประชามติแทนการโหวตวาระ 3
ให้ประชาชนทั้งประเทศตัดสินชะตากรรมดีกว่าให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คนตัดสิน
แต่เกมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะตามรัฐธรรมนูญการลงประชามติเพื่อให้มีข้อยุติโดยเสียงข้างมาก
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 กำหนดว่า "ผู้มาออกเสียง" ต้องเป็นจำนวนเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง
จากตัวเลขการเลือกตั้งครั้งก่อน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 46.9 ล้านคน
เสียงข้างมาก คือ อย่างต่ำประมาณ 23.45 ล้านคน
และ "จำนวนเสียง" ที่ได้ต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง
ถ้ามากัน 23.45 ล้านคน กึ่งหนึ่งก็คือ 11.73 ล้านคน
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ กติกากำหนดว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิอย่างต่ำ 23.45 ล้านคน
ถ้าเป็นไปตามธรรมชาติของการลงคะแนนก็คงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีคนออกมาใช้สิทธิ 75% หรือ 35.2 ล้านคน
มากกว่าขั้นต่ำของกติกาประชามติตั้งเยอะ
และถ้าดูผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลชนะไม่ยาก
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมตัวเลขด้วยการ "วอล์กเอาต์"
รณรงค์ให้ประชาชนไม่ออกมาลงประชามติ
การลงประชามติจะมีปัญหาทันที
เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคเพื่อไทยคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 15.7 ล้าน
ประชาธิปัตย์ 11.4 ล้าน
แค่คนที่หนุนประชาธิปัตย์ไม่ออกมาก็เหนื่อยแล้ว
35.2-11.4 = 23.8 ล้านคน
หักบัตรเสียและไม่ประสงค์ลงคะแนนอีก 3.4 ล้านคน
เหลือแค่ 20.4 ล้านคน
ไม่ถึงขั้นต่ำ 23.45 ล้านคน
แพ้ตั้งแต่ขั้นแรก
เกมนี้จึงเป็นเกมวัดใจพรรคประชาธิปัตย์อย่างแท้จริง
"อภิสิทธิ์" จะกล้า "วอล์กเอาต์" เป็นครั้งที่ 2 หรือไม่