หุ้นที่จะเข้าข่าย "มาตรการ 'c'" หลังประกาศผลประกอบการ "ส่วนผู้ถือหุ้น" <50.00% ของ ทุนจดทะเบียนขำระแล้ว หัก ส่วนต่ำมูลค่าหุ้น/หรือส่วนต่ำปรับโครงสร้างธุรกิจ ตลท จะประกาศหลังส่งงบทุกๆครั้ง (ไตรมาส หรือ ประจำปี) ให้หลักทรัพย์นั้นๆเข้าข่ายมาตรการ "c" ซื้อด้วยเงินสดวางล่วงหน้า Cash Balance
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ตัวอย่าง SOLAR
หลังส่งงบประจำปี 65 สถานะ "มาตการ 'c'" ดั่งนี้
ทุนจะทะเบียนขำระแล้ว พาร์ จำนวนหุ้น ส่วนต่ำ สุทธิ 50.00% ส่วนผู้ถือหุ้น
1,088.249466 1.00 1,088.25 NIL 1,088.25 544.125 520.11
ได้เข้าข่ายมาตรการ "c" ซื้อด้วยเงินสดเริ่ม 1/3/2566 หลังส่งงบประจำปี 65 เมื่อ 28/2/2566
สิ้นสุด 31/3/2566
ก. ทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 1,970.073466 ล้านหน่วย
ข. ส่วนเกิน/"ส่วนต่ำ" : ได้เพิ่มขึ้น 881.824 ล้านหน่วย ให้ pp และ แปลงสภาพหุ้นกู้ ราคาหุ้นละ 0.80
เป็นจำนวนเงิน 705.4592 ล้าบาท
ด้วยราคาหุ้น 0.80 ต่ำกว่าพาร์ 1.00 จะมีส่วนต่ำ = 705.4592*(-0.20) = -141.09
ณ 31/12/2565 มีส่วนเกิน 1,218.76 ล้านบาท หัก ส่วนต่ำจากขายหุ้น pp และ แปลงหุ้นกู้
จำนวนเงิน -141.09 สิ้นสุด 31/3/2566 ยังมีส่วนเกิน = 1,218.76 - 141.09 = 1,077.67 ล้านบาท
ค. ผลประกอบการ 1/3/2566 กำไร 147.85 ล้านบาท
ง. ด้วยสิ้นสุด 31/12/65 ส่วนผู้ถือหุ้น 520.11 ล้านบาท ได้เพิ่มขึ้นจากเงินจากขายหุ้นให้ pp และ
แปลงหุ้นกู้ บวก กำไร 1/2566 = 520.11 + 705.46 + 147.85 = 1,373.42
ดังนั้นหลังส่งงบ 1/2566 สถานะมาตรการ "c" จะเป็นดังนี้
ทุนจะทะเบียนขำระแล้ว พาร์ จำนวนหุ้น ส่วนต่ำ สุทธิ 50.00% ส่วนผู้ถือหุ้น
1,970.073466 1.00 1,970.07 NIL 1,970.07 985.03 1,373.42
ส่วนผู้ถือหุ้น 1,373.42 ล้านบาท >50.00% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว หัก ส่วนตำ จำนวนเงิน 985.03 ล้าน
ด้วยเหตุนี้ ตลท ประกาศปลด "c"
เริ่ม 17/5/66 แล้ว ค่อยมาว่ากันใหม่หลังส่งงบ 2/2566
ขอให้เข้าใจตรงกัน ด้วยในเวป ตลท มีข้อมูลสิ้นสุด 31/12/2566 ข้อมูลที่เกิดขึ้นในระหว่าไตรมาส 1/2566 ประมาณการตามข้อมูลมีในเวป ตลท ฉะนั้นอาจมีความผืดพลาด แต่ ประเด็นต้องการให้เม่าน้อยๆรับรู้แนวทางการคำนวน "มาตรการ 'c'"
มาเล่าสู่กันฟังกับเม่าน้อยๆสบายๆๆ อย่าซีเรียสๆๆ
ด้วยความปรารถนาดี
ว่าด้วย "มาตรการ 'c'" : ซื้อด้วยเงินสดวางล่วงหน้า Cash Balance
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ตัวอย่าง SOLAR
หลังส่งงบประจำปี 65 สถานะ "มาตการ 'c'" ดั่งนี้
ทุนจะทะเบียนขำระแล้ว พาร์ จำนวนหุ้น ส่วนต่ำ สุทธิ 50.00% ส่วนผู้ถือหุ้น
1,088.249466 1.00 1,088.25 NIL 1,088.25 544.125 520.11
ได้เข้าข่ายมาตรการ "c" ซื้อด้วยเงินสดเริ่ม 1/3/2566 หลังส่งงบประจำปี 65 เมื่อ 28/2/2566
สิ้นสุด 31/3/2566
ก. ทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 1,970.073466 ล้านหน่วย
ข. ส่วนเกิน/"ส่วนต่ำ" : ได้เพิ่มขึ้น 881.824 ล้านหน่วย ให้ pp และ แปลงสภาพหุ้นกู้ ราคาหุ้นละ 0.80
เป็นจำนวนเงิน 705.4592 ล้าบาท
ด้วยราคาหุ้น 0.80 ต่ำกว่าพาร์ 1.00 จะมีส่วนต่ำ = 705.4592*(-0.20) = -141.09
ณ 31/12/2565 มีส่วนเกิน 1,218.76 ล้านบาท หัก ส่วนต่ำจากขายหุ้น pp และ แปลงหุ้นกู้
จำนวนเงิน -141.09 สิ้นสุด 31/3/2566 ยังมีส่วนเกิน = 1,218.76 - 141.09 = 1,077.67 ล้านบาท
ค. ผลประกอบการ 1/3/2566 กำไร 147.85 ล้านบาท
ง. ด้วยสิ้นสุด 31/12/65 ส่วนผู้ถือหุ้น 520.11 ล้านบาท ได้เพิ่มขึ้นจากเงินจากขายหุ้นให้ pp และ
แปลงหุ้นกู้ บวก กำไร 1/2566 = 520.11 + 705.46 + 147.85 = 1,373.42
ดังนั้นหลังส่งงบ 1/2566 สถานะมาตรการ "c" จะเป็นดังนี้
ทุนจะทะเบียนขำระแล้ว พาร์ จำนวนหุ้น ส่วนต่ำ สุทธิ 50.00% ส่วนผู้ถือหุ้น
1,970.073466 1.00 1,970.07 NIL 1,970.07 985.03 1,373.42
ส่วนผู้ถือหุ้น 1,373.42 ล้านบาท >50.00% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว หัก ส่วนตำ จำนวนเงิน 985.03 ล้าน
ด้วยเหตุนี้ ตลท ประกาศปลด "c"
เริ่ม 17/5/66 แล้ว ค่อยมาว่ากันใหม่หลังส่งงบ 2/2566
ขอให้เข้าใจตรงกัน ด้วยในเวป ตลท มีข้อมูลสิ้นสุด 31/12/2566 ข้อมูลที่เกิดขึ้นในระหว่าไตรมาส 1/2566 ประมาณการตามข้อมูลมีในเวป ตลท ฉะนั้นอาจมีความผืดพลาด แต่ ประเด็นต้องการให้เม่าน้อยๆรับรู้แนวทางการคำนวน "มาตรการ 'c'"
มาเล่าสู่กันฟังกับเม่าน้อยๆสบายๆๆ อย่าซีเรียสๆๆ
ด้วยความปรารถนาดี