‘ก้าวไกล’ ปล่อยคลิป  ‘หมดเวลาอยู่กับอดีต ได้เวลาสู่อนาคต’ ยอดทะลุล้านวิว ในคืนเดียว
https://www.matichon.co.th/politics/news_3972857
 
 
ก้าวไกล ปล่อยคลิป ปลุกความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ “หมดเวลาอยู่กับอดีต ได้เวลาสู่อนาคต” ยอดทะลุ 1 ล้านวิวภายใน 1 คืน
 
เมื่อวันที่ 11 พฤษาภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พรรคก้าวไกลได้ปล่อยคลิปวิดีโอชุดที่สอง ปลุกความหวังประชาชน “หมดเวลาอยู่กับอดีต ได้เวลาสู่อนาคต” โดยเนื้อหาของคลิปวิดีโอเป็นการกล่าวถึงปรากฏการณ์ก้าวไกลที่คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนความต้องการและความหวังของผู้คนในสังคม 
 
วิดีโอเริ่มต้นด้วยการบอกว่า นี่คือโมงยามที่เราจะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ พรรคก้าวไกลทั้งชัดและพร้อม จุดยืนของพรรคก้าวไกล “มีลุงไม่มีเรา และมีเราไม่มีลุง” นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกระแสของพรรคก้าวไกลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นว่าเลือกพรรคพรรคก้าวไกลจะทำเกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคม
 
กระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลไม่ใช่เกิดจากแค่ทีมสื่อสารพรรค แต่เกิดจากการที่ประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง หรือ “หัวคะแนนธรรมชาติ” ร่วมกันทำให้เกิดกระแส เช่น เมื่อป้ายล้มลงประชาชนก็ยกกลับขึ้นมาให้ เวลาป้ายถูกทำลายประชาชนก็ซ่อมแซมให้ เวลาร้านอาหารออกใบเสร็จออกบิลก็เขียนโน้ตเล็กๆ ว่าสนับสนุนพรรคก้าวไกล ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย ทุกคนช่วยกันกระจายข่าว ช่วยกันทำงานขยายงานความคิดทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย นี่คือตัวอย่างของการสร้างการเมืองแห่งความหวัง เป็นตัวอย่างของพรรคการเมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของ
 
ช่วงท้ายคลิป เป็นเสียงของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ที่บอกว่า “เปลี่ยนจากพฤษภาทมิฬ พฤษภาเลือด เป็นพฤษภาแห่งความหวังผ่านการเลือกตั้ง นี่คือชั่วโมงแห่งความเป็นไปได้ ไม่ใช่เวลาที่คนไทยต้องเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เป็นเวลาที่พวกเราประชาชน กล้าปักธงให้ไกล ฝันถึงประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ฝันถึงความเท่าเทียมเป็นธรรมในสังคมไทย กล้าคิดกล้าฝันไปกับพวกเรา นี่คือโมงยามของความทะเยอทะยาน ขอโอกาสพรรคก้าวไกล ขอโอกาสพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เราจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปด้วยกัน และเราจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปด้วยกัน”
 
ทั้งนี้ หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้เผยแพร่วิดีโอชุดนี้ในโซเชียลมีเดีย มีประชาชนให้การตอบรับเป็นจำนวนมาก จำนวนยอดเข้าการเข้าชมในทุกแพลตฟอร์มเกินยอดเข้าชม 1 ล้านครั้ง ภายใน 1 คืน สำคัญกว่ายอดการเข้าชม คือความคิดเห็นที่ประชาชนเชื่อจริงๆ ว่าพรรคก้าวไกลเป็นความหวัง

---

อดีตอาจารย์ เปิดปากเล่า ไม่ได้ต่อยแค่ตบ ศรีสุวรรณ หมั่นไส้ ร้องตะพึดตะพือ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7657577

อดีตอาจารย์ เปิดปากเล่า ไม่ได้ต่อยแค่ตบ ศรีสุวรรณ ปากแตก มาทำธุระที่ศูนย์ราชการ แล้วบังเอิญเจอ เผยหมั่นไส้ร้องเรียนตะพึดตะพือ
 
วันที่ 11 พ.ค. หลังเกิดเหตุ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐนูญไทย ที่เข้าให้ข้อมูลเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยแก่กกต. ถูกชายคนหนึ่งชกจนปากแตก

ต่อมา นายทศพล ธนานนท์โสภณ อายุ 60 ปี อดีตอาจารย์ ผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้ชก เพียงใช้ฝ่ามือตบเท่านั้น เพราะหมั่นไส้ที่นายศรีสุวรรณร้องเรียนตะพึดตะพือ และไม่ได้ตั้งใจมาเจอ เพียงแต่ว่าตนมาทำธุระ ที่ศูนย์ราชการฯพอดีแล้วบังเอิญเห็นนายศรีสุวรรณ

---

เอกชัย ร้องทิพานัน ยิงเลเซอร์หาเสียง ข้องใจไม่ผิดได้ไง-รทสช.ปัดไม่รู้ ไม่ได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3972890

“เอกชัย” ร้อง กกต. สอบ “ทิพานัน- รวมไทยสร้างชาติ ยิงเลเซอร์สะพานพระราม 8 เข้าข่ายป้ายหาเสียง ผิดระเบียบ กกต.
 
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือเพื่อขอให้กกต. ดำเนินการเอาผิดกับ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ กรณีหาเสียงด้วยการยิงเลเซอร์หาเสียง 4 ข้อความ ที่สะพานพระราม 8 เนื่องจากเห็นได้ชัดว่า เป็นการหาเสียงที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ กกต.ในเรื่องป้ายหาเสียง ที่มีการกำหนดขนาด และต้องระบุชื่อผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต และจำนวน แต่ปรากฏว่าข้อความที่ขึ้นฉายมี 4 ข้อความ นับเป็น 4 ป้าย ไม่มีการระบุรายละเอียดตามที่ กกต.กำหนด ซึ่งเป็นชัดเจนว่า ผิดระเบียบ กกต.

ส่วนที่ กกต.อ้างว่า การใช้สื่อดังกล่าวเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่เข้าข่ายป้ายหาเสียงนั้นเห็นว่าตามนิยามของคำว่าสื่ออิเล็กทรอนิกส์แปลว่า ข้อมูลที่อยู่ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์ มือถือ ข้อมูลในรูปแบบดิจิทอล แต่ว่าการฉายแสงเลเซอร์บนเสาสะพานพระราม 8 ไม่ถือว่าเป็นสื่ออิเล็กทอรนิกส์ เพราะเป็นการฉายที่คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้ ไม่เหมือนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่จะต้องใช้อุปกรณ์มองว่าการการที่ กกต.อ้างเรื่องนี้ ส่วนตัวไม่เห็นด้วย จึงอยากให้ กกต.พิจารณาลงโทษน.ส.ทิพานัน และพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้ว่าพรรคจะอ้างพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ข้อความทั้ง สี่ข้อความ เป็นข้อความของพรรคทั้งหมด ดังนั้นพรรคจึงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยขอให้ กกต.พิจารณาเรื่องนี้โดยเร่งด่วน