JJNY : ‘เศรษฐา’พร้อมเคลียร์│ชัยธวัช ปักธงลงนามรับรอง ICC│นกแอร์บอกลาQ400 หยุดบิน 3 เส้นทาง│สหรัฐลั่น“ยังไม่รู้” เอกสาร

‘เศรษฐา’ พร้อมเคลียร์ ทุกข้อสงสัย เติมเงินดิจิทัล ย้อน ‘ไพบูลย์’ คือใคร? มาขู่ฟ่อๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3921278
 
 
‘เศรษฐา’ บอกการแสดงออกว่ารักชาติไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร เมิน ‘ไพบูลย์’ บอก พปชร.ไม่จับมือ ‘เพื่อไทย’ ลั่นพร้อมตอบทุกข้อสงสัยนโยบายพรรค
 
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 เมษายน ที่นิรันดร์คอนโด 93 ซอยสุขุมวิท 93 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและรับฟังปัญหาในพื้นที่นิรันดร์คอนโด 93 เพื่อช่วย นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตพระโขนง เขตบางนา หาเสียง โดยมีประชาชนในพื้นที่รอให้การต้อนรับให้กำลังใจอย่างอบอุ่น
 
นายเศรษฐากล่าวว่า ขอบคุณผู้ที่ออกมาวิจารณ์นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้เราในตัว สำหรับเรื่องเกณฑ์ทหารเชื่อว่าคนในพื้นที่มีลูกหลานต้องไปเกณฑ์ทหาร และหลายคนไม่ได้อยากไปเป็นทหาร ที่สำคัญสถาบันทหารเป็นสถาบันที่มีเกียรติ แต่การบังคับเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แล้วจะหาว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเกณฑ์ทหารไม่รักชาตินั้นไม่ถูก เพราะการแสดงออกถึงการรักชาติมีหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารอย่างเดียว จึงขอย้ำว่าการยกเลิกการเกณฑ์ทหารเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราให้ความสำคัญ เพราะการเป็นทหารต้องไม่เกิดจากการบังคับ
 
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องสิทธิการรักษาในพื้นที่บางนาที่มีโรงพยาบาลปิดหลายแห่งจนประชาชนต้องเดินทางไปใช้สิทธิต่างพื้นที่นั้น หากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาลเราจะยกระดับนโยบาย 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียวใช้ได้ทุกโรงพยาบาล เมื่อประชาชนถามว่าหากไม่ได้เป็นนายกฯจะรับตำแหน่งอื่นได้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ขอให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมก่อน และถ้าหากหลังการเลือกตั้งพรรคเห็นว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นเหมาะสมมากกว่า ตนก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเหมือนเดิม
 
จากนั้น เวลา 16.45 น. นายเศรษฐาและคณะเดินทางด้วยรถสองแถวไปยังท่าน้ำสรรพาวุธ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่บริเวณท่าน้ำสรรพาวุธ และรับฟังความคิดเห็นการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีประชาชนรอให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก โดยนายเศรษฐากล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับว่า วันที่ 14 พฤษภาคม จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ขอให้เข้าคูหาเลือกพรรค พท. ที่เราชนะเลือกตั้งมาตลอด 20 ปี เพราะสามารถทำนโยบายให้เป็นจริงได้ตลอด ขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีกระเป๋าเงินดิจิทัลเพราะกลัวแพ้ ใครมาโจมตีอย่ายอม 10,000 บาท ถึงกระเป๋าคนอายุ 16 ปีขึ้นไปทั้งหมดแน่นอน สำหรับนโยบายการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าของพรรค พท.มีนโยบาย 20 บาทตลอดทั้งสาย
 
ภายหลังการพบปะประชาชน นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาที่พบเห็นในวันนี้ว่า สิ่งสำคัญคือต้องพัฒนาเรื่องการเดินทางข้ามเขต เพราะประชาชนต้องไปรักษาตัวตามสิทธิการรักษานอกเขตอยู่ นโยบายของพรรค พท.ที่จะยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค จะทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น และอีกปัญหาที่ได้รับฟังคือเรื่องยาเสพติด ยืนยันว่าพรรค พท.ไม่เอากัญชาเสรี เรายึดหลักใช้กัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเดียว
 
เมื่อถามถึงกรณี นายเกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งที่มาของเงินและมองว่าเป็นการแจกเงินแบบเบี้ยหัวแตก นายเศรษฐากล่าวว่า การที่คนอื่นพูดถึงนโยบายถือเป็นเรื่องดีที่เราได้ประชาสัมพันธ์ แต่เรื่องคำถามของพรรค ปชป.นั้นตนยังไม่เห็นเพราะอยู่ระหว่างลงพื้นที่ และมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเป็นเบี้ยหัวแตกนั้น นโยบายปัจจุบันคือให้ทีละ 500 บาท และ 700 บาท แต่ของเราแจกทีเดียวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
เมื่อถามว่ามีความพยายามโยงไปถึงโครงการของบริษัทแสนสิริ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกัน SiriHub Token ก็ไม่ได้ออกโดยบริษัทแสนสิริ ซึ่งเรื่องนี้สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด
 
เมื่อถามถึงกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศไม่จับมือกับพรรค พท. นายเศรษฐากล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายไพบูลย์คือใคร หน้าที่ตนเวลานี้คือการเผยแพร่นโยบายให้ประชาชนรับฟังข้อคิดเห็น ถ้ามีอะไรปรับเสริมเติมแต่งเรื่องนโยบายตนจะจัดการ นั่นคือเรื่องใหญ่
 
จากนั้นเวลา 17.45 น. นายเศรษฐาและคณะเดินทางต่อไปยังศูนย์ประสานงานพรรค พท.เขตสวนหลวง-ประเวศ (หนองบอน) ซอยพัฒนาการ 35 เขตสวนหลวง เพื่อพบปะผู้ประกอบการ SME ร่วมพูดคุยหัวข้อ “สวนหลวง-ประเวศ แลนด์สไลด์ สะเทือนถึงดวงดาวปลดปล่อยศักยภาพ เศรษฐกิจไทย” โดยมีนายเศรษฐา นายปานปรีย์ พหิทธานุกร คณะทำงานด้านนโยบายเศรษฐกิจ นายธกร เลาหพงศ์ชนะ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตสวนหลวง เขตประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน) และนายอรรมรัตน์ นิติพน ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตประเวศ (ยกเว้นแขวงหนองบอน), เขตสะพานสูง (เฉพาะแขวงทับช้าง) ร่วมพูดคุยด้วย
 

  
ชัยธวัช จัดเต็ม เล่า ‘คืนสุดท้าย’ ก่อนสลายชุมนุม ปักธงลงนามรับรอง ICC ลากคนผิดมาลงทัณฑ์
https://www.matichon.co.th/politics/news_3921355

ชัยธวัช อยู่ยันคืนสุดท้าย ‘สลายเสื้อแดง53’ คาใจบิ๊กตู่ยังอยู่ดี จี้คลี่แผน ลากคนผิดมาลงโทษ
 
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง คนเสื้อแดงและคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตรักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะอดีตแกนนำ นปช. ร่วมจัดงานรำลึก “13 ปี เมษาพฤษภา53
  
บรรยากาศเวลา 16.50 น. ตัวแทนพรรคการเมือง ร่วมเสนอนโยบายรวมทั้งการปฏิบัติในเรื่องการเมืองการปกครองและปัญหาความยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณี “เมษา-พฤษภา53” ตามที่คณะประชาชนทวงความยุติธรรมฯ ได้มีข้อเสนอ 8 ข้อไว้ล่วงหน้าแล้ว ต่อพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ และพรรคไทยสร้างไทย
 
โดเวลา 17.35 น. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวตอนหนึ่งถึงเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ว่า เพียงไม่นาน กระสุนยางเปลี่ยนเป็นกระสุนจริง พื้นที่ชุมนุมกลายเป็นทุ่งสังหาร กลายเป็นจุดเปลี่ยน จากที่มาร่วมตัวเรียกร้องง่ายๆ ต้องการการเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสิน เราจะไม่กลับบ้าน จนกว่าความยุติธรรมของพี่น้องที่สู้ 10 เม.ย.จะได้มา
  
เราอยู่ด้วยกันทุกคน จนถึงคืนสุดท้าย ผมกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็อยู่ โชคดีที่เรารอดชีวิต สิ่งที่คิดได้อย่างแรก คือต้องทวงคืนความยุติธรรม พยายามประสานงาน เก็บหลักฐาน เพื่อทวงความยุติธรรมให้ได้ โชคดีที่มีนักวิชาการ ทนายความ นำโดย อ.พวงทอง ภวัครพันธุ์ รวบรวมหลักฐานที่สมบูรณ์ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ แต่เรามีพยาน มีคลิป ข้อมูลทั้งหมด ตายกี่โมง เพราะอะไร มีอาวุธในมือหรือไม่ พยานเห็นอะไร นั่งดูภาพคนตายกัน 2 ปี เป็นวัตถุดิบอันดี ที่มั่นใจว่าเราไม่มีพยานหลักฐานสมบูรณ์ที่สุดเท่านี้แล้ว แต่หลังรัฐประหาร ทุกอย่างหยุดนิ่ง วันนี้กระบวนการยังไม่ถูกปิดลง ทั้งใน และนอกประเทศ” นายชัยธวัชกล่าว
  
นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า อยากจะย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญเฉพาะเหตุการณ์ปี 2553 เท่านั้น ยังรวมถึงเหตุการณ์ที่แยกดินแดง มันเป็นหลักประกันสำหรับพี่น้องทุกคนในปัจจุบันและในอนาคต ว่าเมื่อไหร่ที่เราลากคอผู้ใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชนมาลงโทษ คนเหล่านี้ต้องไม่ลอยนวลพ้นผิดอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่วันนี้ทุกคนลอยนวลหมด
 
สรุปง่ายๆ ตอนแรกบอกฟ้องผิดศาล ให้ไปฟ้องศาลอาญาของนักการเมือง แต่ก็บอกว่าต้องให้ ปปช.ฟ้อง ไม่ใช่ดีเอสไอ สุดท้ายอ้างอิง พ.ร.กฉุกเฉินว่าทำได้” นายชัยธวัชกล่าว
 
นายชัยธวัชกล่าวตอนหนึ่งถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เคยเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนรู้เห็นการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง
 
วันนี้มาบอก ปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง  (พล.อ.ประวิตร) เป็น ผบ.ทบ ในขณะนั้น และรับผิดชอบด้านสถานการณ์ฉุกเฉิน พล.อ.ประยุทธ์ ขณะนั้นก็รับผิดชอบ ปฏิบัติการสำคัญ เป็นกรรมการ ศอฉ. ก็ยังสบายดี” นายชัยธวัชกล่าว
 
นายชัยธวัชกล่าวถึง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ กรรมการฯ ศอฉ. ผู้รับผิดชอบหลักในการสลายชุมนุม ซึ่งหลังสลายเสร็จ ออกโทรทัศน์
 
นายชัยธวัชกล่าวในช่วงท้ายอีกว่า เรื่องคดีความ เพื่อไม่ให้สับสน มี 2 ส่วน ส่วนแรก 1.เอาผิดผู้รับผิดชอบสูงสุด หรือ นายกฯ มารับโทษ ที่ว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ จึงไม่ผิด แต่ในอนาคตยังมีช่องทางจัดการได้ 2 .เอาผิดฝ่ายปฏิบัติการ ตั้งแต่ฝ่ายบังคับบัญชา จนถึงลั่นไกปืนยิง
 
ยังไม่มีคดีไหนขึ้นสู่ชั้นศาล ถูกฟรีซ (แช่แข็ง) ไว้อย่างเดียว ก้าวหน้าที่สุด คือไต่สวนการตาย แต่ยังไม่ครบ อีก 62 ศพยังไม่เริ่มนับหนึ่ง ไต่สวนการตายทำได้ ขึ้นอยู่ว่าจะแอกทีฟแล้วส่งขึ้นศาลหรือไม่
 
ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) เป็นคำตอบที่ต้องชัดเจน ก่อนลงสัตยาบัน สิ่งที่ทำได้คือ รัฐบาลลงนามให้รับรอง ICC เฉพาะกรณีปี 53 ได้ทันที เพราะอัยการของ ICC บอกเองว่าทำได้ ต่อไป ทหารทำผิด ต้องขึ้นศาลยุติธรรมเหมือนประชาชนทั่วไป
 
ส่วนรัฐธรรมนูญใหม่ ภายใน 100 วันเราจะจัดประชามติ ถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ทำได้ และผมเชื่อว่าผ่าน สำคัญคือต้องทำได้ทั้งฉบับ  นี่คือเรื่องหลักการสำคัญ อย่ากลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่ว่าอย่างไร เราต้องพิงหลังประชาชน แล้วบอกว่าทำได้ ถ้าทำไม่ได้จะจับปืนหรืออย่างไร ต้องยกเลิกนิรโทษกรรม คสช. ให้เป็นตัวอย่าง  ดังนั้น รัฐธรรมนูญหน้าต้องออกบทเฉพาะกาล ที่ว่า ยกเลิกนิรโทษกรรมของ คสช. เพื่อไม่ให้ชอบทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเปิดช่องให้เอาผิดคณะรัฐประหารได้ ต้องทำเป็นตัวอย่างเพื่อนับ 1″ นายชัยธวัชกล่าว
 
นายชัยธวัชกล่าวถึง กอ.รมน.ด้วยว่า โตอย่างเต็มที่หลังรัฐประหารปี 2549 ทั้งยังออกกฎหมายครอบประชาชนอีกชั้น กลายเป็นรัฐซ้อนรัฐ แทรกแซงกิจการภายใน และวิธีคิดโตมาจากการปราบปราบคอมมิวนิสต์ มีหน้าที่เห็นประชาชนเป็นศัตรู
 
ดังนั้น ยกเลิก กอ.รทน. ให้การจัดการความมั่นคงภายในเป็นของพลเรือน กฎหมายต่างๆ ต้องจำกัดความให้ชัด ทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก เราต้องแก้ ไม่อนุญาตให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึกได้ตามใจ ประกาศได้เฉพาะมีสงครามกับภายนอก ประชานข้างในไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นเจ้าของประเทศ
 
หลักการสำคัญมีแค่ 3 เรื่อง คือ 1. ทำให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ 2.ทำให้กองทัพจิ๋วแต่แจ๋ว เอางบไปเพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย 3.ทำให้กองทัพมีภารกิจเฉพาะความมั่นคงระหว่างประเทศเท่านั้น เลือกตั้งผู้ว่าทุกจังหวัด จะได้มีอำนาจของตัวเอง ไม่ใช่เบี้ยหัวแตก ทำอะไรไม่ได้
สุดท้าย วุฒิสภา ยกเลิกไปเลยดีไหม เพราะ ส.ว.เคยมีจากการเลือกตั้ง 1 ครั้งเท่านั้น เราถูกสอนว่าต้องมี ส.ว.เพราะเป็นผู้มีคุณวุฒิ ผมถามว่า บอกได้หรอว่าใครมีคุณวุฒิกว่ากัน ส.ว.เมืองไทย เป็นผลผลิตรัฐประหาร เพื่อคุม ส.ส. ประชาชนฉลาด ไม่ต้องมีพี่เลี้ยง ฉะนั้น ยกเลิก (ส.ว.) ไปเลย” นายชัยธวัชกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่