‘เศรษฐา’ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองเพชร พระอวยพรขอแลนด์สไลด์ เชื่อ กกต.มีวุฒิภาวะพอ
https://www.matichon.co.th/election66/news_3925098
 
 
‘เศรษฐา’ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองเพชร พระอวยพรขอแลนด์สไลด์ เชื่อ กกต.มีวุฒิภาวะพอ
 
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 เมษายน ที่วัดมหาธาตุวรวิหาร อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เพชรบุรี ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 นายชัยณาม ว่องไว ผู้สมัครส.ส.เขต 2 และนายภาณุมาศ อังกินันทน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สรงน้ำพระเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีประชาชนมาคอยถือป้ายเชียร์มอบดอกไม้ให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระสงฆ์ที่คอยกล่าวให้พรประชาชนยังได้กล่าวให้พรนายเศรษฐาด้วยว่า ให้ช่วยกันเลือกเบอร์ 29 และขอให้แลนด์สไลด์ โดยนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้ยินว่าท่านอวยพรแต่ก็ขอขอบคุณ ส่วนตัวไม่ได้ขอพรให้พรรคพท.แลนด์สไลด์แต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าตนขอในใจในทุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ไป

จากนั้น เวลา 11.25 น. นายเศรษฐา กล่าวอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทย 2566 ว่า ขอสวัสดีพี่น้องชาวไทยทุกท่าน วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่เป็นปีใหม่ วันใหม่ และน่าจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี ช่วงประมาณ 1 เดือนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม ขอเชิญชวนพี่น้องทุกคนออกมาใช้สิทธิ และศึกษาทำความเข้าใจนโยบายทุกพรรคการเมืองให้ดี ระหว่างนี้ก็ขอให้เดินทางปลอดภัย ระวังเรื่องการเมาแล้วขับ
 
เมื่อถามถึง กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกกฎเข้มในช่วงสงกรานต์ เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะมีปัญหาเรื่องการให้พร การให้ทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่า นายเศรษฐา กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายได้ศึกษาข้อมูลมาดีแล้ว ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ ตนและ ส.ส.ทุกท่านต้องศึกษามาดี และคงไม่ใช้โอกาสอันเป็นมงคลแบบนี้มาหาเสียง
 
ถามต่อถึงกรณีที่ 6 กกต.เดินทางไปดูงานต่างประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่อง เพิ่งทราบจากสื่อมวลชนเมื่อเช้า และตนไม่ทราบว่ามีความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกประเทศมากน้อยแค่ไหน มองว่ากกต.ทุกท่านเป็นผู้ใหญ่ เข้าใจหน้าที่ของตัวเองดี ถ้าจะไปต่างประเทศแล้ว หน้าที่ที่เมืองไทยต้องไม่บกพร่อง
 
ถามย้ำว่า การเดินทางไปต่างประเทศของ กกต.จะกระทบกับการพิจารณาปัญหาการลงทะเบียนเลือตั้งล่วงหน้าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ อาจมีคณะกรรมการขชุดย่อย หรือใช้เทคโนโลยีซูมก็ได้เหมือนกัน ตนเชื่อว่าทุกท่านมีวุฒิภาวะดีแล้ว และเข้าใจถ่องแท้ถึงการรับผิดชอบต่อประชาชนในฐานะองค์กรอิสระ
 
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ปิดทางจับมือกับพรรคพท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเรียนมาตลอดว่าตัวเลขไม่ได้คิดอะไรยาก 22.01 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคมค่อยมาคิดกันก็ไม่แปลกอะไร วันนี้หน้าที่ของพรรคพท.เรามั่นใจในนโยบายหลักทุกนโยบาย และสามารถโน้มน้าวให้ประชาชนเข้าคูหากาพรรคพท.ได้ ส่วนจะไปจับมือกับใครหรือไม่นั้น ไว้ผลและตัวเลขออกมาค่อยว่ากันดีกว่า ถ้าเราได้แลนด์สไลด์จริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องจับมือกับใคร นี่คือเป้าหมายหลักของพรรคพท.ทุกคน

---

 
‘พิธา’ รุดช่วยคุณยายรถล้ม ระหว่างร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ จ.ลำพูน (มีคลิป)
https://www.matichon.co.th/election66/news_3925082

‘พิธา’ รุดช่วยคุณยายรถล้ม ระหว่างร่วมเล่นน้ำสงกรานต์จ.ลำพูน
 
เมื่อวันที่ 13 เมษายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้สวมเสื้อพื้นเมืองภาคเหนือ ร่วมเทศกาลสงกรานต์ที่ถนนอินทรงยศ ซอย 5 จ.ลำพูน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้น มีประชาชนร่วมเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น มีคุณยายคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา กำลังจะเลี้ยวเข้าบ้าน แต่เพราะถนนลื่นจึงทำให้เสียรถเสียหลักล้ม นายพิธาและทีมซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ จึงรีบเข้าไปช่วยประคองและหาเก้าอี้ให้คุณยายนั่งพัก โดยคุณยายมีแผลถลอกเล็กน้อย และได้กล่าวขอบคุณพิธาและทีมที่เข้ามาช่วยเหลือ
 
ทั้งนี้ ในเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นช่วงพักการหาเสียง นายพิธาได้ใช้เวลาพักผ่อนร่วมกับลูกสาว ร่วมเทศกาลสงกรานต์ที่จังหวัดทางภาคเหนือ ทั้ง ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่
 
https://twitter.com/MatichonOnline/status/1646391702633185282
 

---

แห่เลื่อนพัก ‘รร.เชียงใหม่’ หนีฝุ่นพิษ ‘ลูกสาวเจ้าสัวเจริญ’ ชี้เสียดายโอกาสทองช่วงสงกรานต์
https://www.matichon.co.th/economy/news_3924939

แห่เลื่อนพัก ‘รร.เชียงใหม่’ หนีฝุ่นพิษ ‘ลูกสาวเจ้าสัวเจริญ’ ชี้เสียดายโอกาสทองช่วงสงกรานต์
 
เมื่อวันที่ 13 เมษายน นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมดีขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส4 ของปี 2565 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น ทั้งนี้เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 จากเดิมโชคดีมีเทศกาลสงกรานต์
 
แต่ปีนี้กำลังประเมินเพราะการจองห้องพักจากก่อนหน้านี้ดีมากตั้งแต่ต้นปีที่ยอดของสูงกว่าปี 2562 แต่หลังพอมีสถานการณ์ฝุ่นPM 2.5 อากาศร้อน ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มงงๆกับสภาพอากาศ คงต้องรอดูสถานการณ์ไตรมาส 2 นี้อีกที ส่วนตลาดรีเทลและออฟฟิศกำลังสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าให้กลับมาหลังได้รับผลกระทบจากโควิด
 
“จากสถานการณ์ฝุ่นควันในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนหนึ่งขอเลื่อนวันการเข้าพักโรงแรมในเครือของเรา คาดหวังจะกระทบในระยะสั้น เนื่องจากใกล้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ทั้งนี้เป็นที่น่าเสียดายช่วงสงกรานต์จังหวัดเชียงใหม่จะเป็นพื้นที่ไฮไลต์ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว อย่างไรก็ตามอยากให้ภาครัฐมีการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างยั่งยืน เพื่อพลิกฟื้นคุณภาพชีวิตของภาคเหนือกลับคืนมา” นางวัลลภากล่าว
 
นางวัลลภา กล่าวว่า หลังโควิดคลี่คลายเริ่มเห็นตัวเลขการจองโรงแรมกลับมา ซึ่งในบางจังหวัดสูงกว่ากรุงเทพฯ ทั้งอัตราการเข้าพักและค่าห้อง แต่เชียงใหม่ยังกลับมาไม่แข็งแกร่ง มีอัตราการจองห้องพักโรงแรมไม่ถึง 70% ยังไม่เท่ากับเมื่อก่อนโควิดที่นักเที่ยวจีนเข้ามามาก
 
ดังนั้นเชื่อว่าหากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาไตรมาส 3 นี้ จะทำให้ตลาดเชียงใหม่กลับมาดีขึ้น แต่ยังต้องลุ้นเรื่องของสภาพอากาศที่กระทบต่อสุขภาพลูกค้า อย่างไรก็ตามมีโรงแรมของเราที่ลูกค้าเข้าพักเต็ม เช่น โรงแรมมีเลีย ซึ่งได้ลูกค้ายุโรปเข้ามาพัก” นางวัลลภากล่าว
 
สำหรับการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคมนั้น หากรัฐบาลใหม่มีการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้มีการขยายตัวได้มากขึ้น ถือว่าจะเป็นการส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะมองว่ายังไงการท่องเที่ยวยังเป็นหัวใจสำคัญและจุดแข็งสำหรับประเทศไทยซึ่งกลยุทธ์ที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ เช่น การให้วีซ่าระยะยาว การอำนวยสะดวกต่อนักท่องเที่ยวในการใช้ชีวิต เพื่อให้ต่างชาติใช้ชีวิตระยะยาวในเมืองไทย ซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนทั้งการท่องเที่ยวและการลงทุนได้ เพราะในปัจจุบันการท่องเที่ยวไม่ใช่รูปแบบเดิมๆ แต่เป็นการท่องเที่ยวในเชิงสุขภาพและไลฟ์สไตล์ ซึ่งในไทยยังไม่มีตัวเชื่อมที่จะตอบโจทย์
 
“ดูจากนโยบายที่แต่ละพรรคหาเสียง เชื่อว่าทุกส่วนก็อยากจะเห็นการเติบโตและความแข็งแกร่งของประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีไฮไลต์และจุดแข็งเรื่องไลฟ์สไตล์ อาหาร การท่องเที่ยว ที่จะสามารถดึงดูดดีมานด์จากทั่วโลกได้ หากได้รับการโปรโมต ส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการดึงนักลงทุนต่างชาติมาตั้งออฟฟิศในไทยถ้าหากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นให้ตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้ จะทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนได้อย่างเต็มศักยภาพ” นางวัลลภากล่าว