JJNY : “เศรษฐา”ขอเสียงตลาดเมืองนนท์ฯ│ช่อชี้ ‘ก้าวไกล’ ชินแล้ว│แฉผู้ส่งออก! ปลอมหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด│ยูเครนต้องการเวลา

“เศรษฐา”ขอเสียงตลาดเมืองนนท์ฯ ปลุกปชช.ตื่นจากฝัน เลือกพท.ทำได้จริงทุกนโยบาย
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7658888
 
 
“เศรษฐา” ควงผู้สมัครขอเสียง 2 ตลาดเมืองนนท์ฯ ปลุกประชาชนตื่นจากฝัน เลือกเพื่อไทยทำได้จริงทุกนโยบาย ไม่จับมือพรรคเอี่ยวปฏิวัติ
 
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 11 พ.ค.2566 พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค น.ส.ลินธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคและรักษาการโฆษกพรรค พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี พรรคพท.
อาทิ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ เขต 2 เบอร์ 8 นายนพดล แก้วสุพัฒน์ เขต 5 เบอร์ 6 นายนิยม ประสงค์ชัยกุล เขต 1 เบอร์ 7 ลงพื้นที่พบประชาชนที่ตลาดมณียา ท่าอิฐและตลาดนกฮูก จ.นนทบุรี โดยมีประชาชนในพื้นที่ขอเซลฟี่จำนวนมาก พร้อมส่งเสียงต้อนรับนายเศรษฐาและอวยพรให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ คนที่ 30 และให้พรรคพท.ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
 
จากนั้นนายเศรษฐา ขึ้นรถกล่าวปราศรัยว่า อีก 2 วัน จะถึงการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ วันที่พวกเราจะหลุดพ้นจากหลุมดำแห่งความยากจน ความไม่เสมอภาคเท่าเทียม เราต้องตื่นเพราะอยู่กับความฝันเราจะฝันไปเรื่อยๆ ความฝันไม่มีต้นทุน ไม่ต้องจ่ายเงิน เราต้องตื่นมาพบกับความเป็นจริง และดูว่าพรรคการเมืองใดมีแคนดิเดตนายกฯ และทีมงาน ที่พร้อมทำงาน พรรคไหนมีเกียรติประวัติมายาวนาน เคยทำนโยบายจนประสบความสำเร็จตามที่ได้หาเสียงเอาไว้
 
” ปัจจุบันพรรคพท.มีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท เติมเงินรายได้ให้ทุกครอบครัวไม่เกินครอบครัวละ 20,000 บาท รวมถึงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท นอกจากนี้เรายังมีนโยบายด้านสิทธิเสรีภาพ เกณฑ์ทหารด้วยความสมัครใจ สิทธิในการเลือกเพศสภาพ เราจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ทำกฎกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย 
 
“เราต้องเลือกตั้งกันอย่างมียุทธศาสตร์ อย่างมีเป้าหมาย เขามี 250 ส.ว. เราต้องเลือกให้ขาด และเลือก 2 ใบ โดยเลือกพรรคพท.เรามีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ถ้าพรรคพท.ได้ลำดับที่ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล นายกฯ ต้องมาจากพรรคพท.เราจะไม่จับมือกับบุคคล และพรรคการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร เราจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นำนโยบายที่ได้ประกาศไว้ ทำให้เป็นจริงเพื่อพี่น้องทุกคน” นายเศรษฐา กล่าว



ช่อ ชี้ ‘ก้าวไกล’ ชินแล้วเจอวิธีการสกปรก ไม่กังวลคดี ‘พิธา’ ถือหุ้น ITV เชื่อ ปชช.รู้ทัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3974564

ช่อ พรรณิการ์ ลั่นคนร้อง ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อแค่เตะตัดขา เพราะกลัวเสียอำนาจจนตัวสั่น
 
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ตลาดสรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วย นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล และทีมงานหาเสียงคาราวานก้าวไกลมาขอคะแนนเสียงชาวชัยนาท โดยย้ำจุดยืนของพรรคที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม ต้องมีสวัสดิการที่ดีขึ้น ไม่บังคับเกณฑ์ทหาร และการปรับหลักสูตรการศึกษา ครูต้องมีเวลาสอนเด็กได้เต็มที่ ไม่ต้องเสียเวลากับการประเมินผลงานจนไม่ได้สอนเด็ก

นอกจากนี้ ทุกจังหวัดในส่วนภูมิภาคต้องมีงานรองรับ ประชาชนไม่ต้องไปหางานทำต่างถิ่น ซึ่งทั้งหมดจะเป็นจริงได้ พรรคก้าวไกลจึงขอคะแนนทุกคนที่มี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่ากัน วันที่ 14 พ.ค.ช่วยกันเลือกพรรคก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารบ้านเมือง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการปราศรัยมีแฟนคลับมายืนฟังและถ่ายภาพกันอย่างคึกคัก ก่อนจะเข้าไปขอถ่ายภาพและลายเซ็นไว้เป็นที่ระลึก
น.ส.พรรณิการ์ให้สัมภาษณ์กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล กำลังเผชิญข้อร้องเรียนถือหุ้นสื่อ ITV ว่าเรื่องนี้พรรคไม่กังวล เพราะข้อเท็จจริงคือสถานะของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2550 ส่วนสถานะนิติบุคคลของไอทีวีที่ยังมีอยู่เพราะยังมีคดีค้างคาอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย
 
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ถามว่าคนร้องเรียนรู้เรื่องนี้หรือไม่ แน่นอนว่าผู้ร้องทราบดี และหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นที่มีการปกปิดหรือเปล่า ก็ไม่ได้มีการปกปิด เพราะ ป.ป.ช.ยืนยันแล้วว่ารับทราบ เพราะคุณพิธาแจ้งหุ้นตัวนี้อยู่ในบัญชีทรัพย์สินด้วย ดังนั้น การร้องเรียนเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลทางกฎหมายที่จะทำให้เกิดความกังวลใดๆ แต่การร้องเรียนมีความมุ่งหวังดิสเครดิตพรรคก้าวไกลในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะกระแสของพรรคก้าวไกลมาแรงชนิดฉุดไม่อยู่
 
คนที่กลัวจะเสียอำนาจจนตัวสั่นจึงหาทุกวิธีการมาโจมตี ซึ่งพรรคชินแล้วกับวิธีการสกปรกแบบนี้ แต่พรรคเชื่อมั่นว่าประชาชนรู้ทัน และประชาชนจะเป็นเกราะป้องกันให้พรรคเอง” น.ส.พรรณิการ์กล่าว


 
แฉผู้ส่งออก! ปลอมหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด อ้างต้นทางผลิตจากไทย-ทุเรียนโดนมากสุด
https://www.thairath.co.th/business/economics/2693219

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หน่วยงานศุลกากรต่างประเทศขอความร่วมมือให้กรมตรวจสอบย้อนหลังหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ที่แสดงต่อศุลกากรต่างประเทศในการนำเข้าสินค้าจากไทย โดยให้ตรวจสอบตั้งแต่ปี 65 จนถึงปัจจุบัน รวม 1,055 ฉบับ แบ่งเป็น 

1.หนังสือรับรองที่ใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (Form FTA) สำหรับส่งออกไปอาเซียน จีน เกาหลีใต้ และอินเดีย รวม 788 ฉบับ 
และ 2.หนังสือรับรองที่ไม่ใช้สิทธิพิเศษทางภาษี (Form CO ทั่วไป) 267 ฉบับ ซึ่งพบว่าเป็นหนังสือปลอมที่กรมไม่ได้เป็นผู้ออกให้ 604 ฉบับ 
แบ่งเป็น 
1.Form FTA จำนวน 382 ฉบับ 
และ 2.Form CO ทั่วไป 222 ฉบับ

สำหรับการปลอมหนังสือรับรองดังกล่าว จะเป็นการสวมเลขที่หนังสือรับรองของผู้ส่งออกรายอื่น หรือมีการกำหนดเลขที่หนังสือรับรองขึ้นเอง โดยมีการใช้หนังสือรับรองปลอมกับสินค้า 2 รายการ คือ ทุเรียน ที่ส่งออกไปจีน และล้ออัลลอย ที่ส่งออกไปรัสเซีย โดยกรมได้แจ้งให้ศุลกากรของ 2 ประเทศทราบแล้ว และขอข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเพื่อดำเนินการกับผู้ปลอมแปลงหนังสือรับรองต่อไป รวมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ปลอมแปลงเอกสาร รวมถึงประสานงานกับศุลกากรประเทศปลายทาง เพื่อร่วมกันป้องกันปัญหาการแอบอ้างถิ่นกำเนิดสินค้าไทยต่อไป.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่