JJNY : 5in1 เศรษฐาปลื้ม ทักษิณ│“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อ│ชัยธวัชโต้ทักษิณ│นักลงทุนหวั่นดอกเบี้ยแพง│ค้านจีนช่วยยุติศึกยูเครน

เศรษฐา ปลื้ม ทักษิณ ชม ‘ชลน่าน’ แจงวุ่น ปมแคนดิเดต แค่ความเห็นอดีตนายกฯ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7573400
 
 
“เศรษฐา” ชี้เป็นเกียรติ “ทักษิณ” ชม ถ่อมตัวยังมีเทียบไม่ได้ “ชลน่าน” แจงวุ่น “แม้ว” พูดเรื่องแคนดิเดตของเพื่อไทย 3 คน แค่ความเห็นอดีตนายกฯ
 
เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 22 มี.ค. 2566 ที่จ.นนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปราศรัยในเวทีแรก หลังนายกฯ ประกาศยุบสภาฯ ว่า จัดเต็มทุกเวที ไม่มีข้อยกเว้น เราเสนอนโยบายตามความเป็นจริงทุกอย่าง ทั้งนี้ สำหรับเวทีที่นนทบุรี เราจะเน้นหลายประเด็น ซึ่งเหมือนทุกจังหวัดที่เน้นเรื่องความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ความล้มเหลว ขณะนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของกระบวนการคืนอำนาจสู่ประชาชน และขอให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะๆ
  
เมื่อถามว่ามองประเด็นที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปรียบเทียบนายเศรษฐา เหมือนตอนที่นายทักษิณเข้ามาทำงานการเมืองแรกๆ อย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามีความเหมือนกันได้ แต่เมื่อมีความเหมือนก็มีความแตกต่างในตัวของมันเอง ถือเป็นเกียรติเพราะท่านก็เป็นนายกฯ ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความนิยมชมชอบมาตลอดกาล ส่วนในความแตกต่างที่ตนพูดถึงนั้นมีหลายอย่าง ท่านเองเป็นคนที่ก่อร่างสร้างตัวมา ตนมาช่วยเติมเต็ม ท่านวางรากฐานมาไว้ดีอยู่แล้ว และเรามีบุคคลที่มีคุณภาพในพรรค
 
เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณชมนายเศรษฐาเช่นนั้น จะชูเป็นแคนดิเดตใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้เป็นขั้นเป็นตอนไป คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ก็จะประชุมกันในเร็ววันนี้ ขอให้อดใจรออีกนิด เพราะมีคนที่มีคุณภาพอยู่หลายคน ขอเวลาเล็กน้อย ให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่า
 
เมื่อถามว่าหากเป็นนายกฯ ครั้งแรกจะทำได้ดีเหมือนนายทักษิณหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อย้อนหลังไป 20 ปี ที่ผ่านมา ตนมองว่าธุรกิจที่ท่านทำประสบความสำเร็จมากกว่าตนเยอะ ท่านก่อร่างสร้างตัวจากตรงนั้นก็เป็นอะไรที่น่าชื่นชม และเป็นอะไรที่เปรียบเทียบกับตนยังไม่ได้
 
เมื่อถามว่าทั้งนายทักษิณและนายเศรษฐามาจากภาคธุรกิจเช่นกัน ในทางการเมืองจะนำวิธีการทำงานอะไรของนายทักษิณมาปรับใช้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นหลักการคิดเร็ว ทำเร็ว และต้องมีการวิเคราะห์ถึงความเสี่ยง เปรียบเทียบกับความเร่งด่วนว่าจะมีการบริหารจัดการอย่างไร ไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการซ้อนกรรมการ ถ้าทำแบบนั้นปากท้องแห้งพอดี

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่กองเชียร์พรรคเพื่อไทย ออกปากเชียร์ทั้งนายเศรษฐา และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ยังมีอีกหลายคนที่กองเชียร์ไม่ได้เอ่ยชื่อ เพียงแต่ตนอาจจะได้การสนับสนุน หรือออกสื่อมากหน่อย อาจจะเป็นเพราะตัวสูงมองเห็นง่าย แต่ตนก็รู้สึกว่ายังต้องเจียมตัว เพราะผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนล้วนมีความสุดยอดทั้งนั้น
 
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายทักษิณ ระบุว่า แคนดิเดตนายกฯ ครบทั้ง 3 คนแล้ว ว่า เป็นเพียงแค่แสดงความคิดเห็น ไม่ใช่ถือว่าเป็นการพูด เพราะเดี๋ยวจะมีคนนำไปตีความว่าเป็นการครอบงำพรรค แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย จะนำเข้าสู่คณะกรรมบริหาร วันที่ 5 เม.ย.นี้ ท่านก็คงเพียงแสดงความคิดเห็น ว่ามีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป ไม่ใช่เป็นการคาดการณ์ว่าจะเป็นเช่นนั้น เป็นแค่การวิเคราะห์ความรู้ ความสามารถของแต่ละบุคคล


 
“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อ ประชาชนจะเลือก “ประยุทธ์” กลับมาเป็นนายกฯอีก
https://www.matichon.co.th/clips/news_3886595

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ไม่เชื่อพี่น้องประชาชนจะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง   ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
ชัยธวัช โต้ ทักษิณ ชี้ธนาธร ไม่ได้แซะเพื่อไทย ยันก้าวไกล ไม่เหมือน ปชป.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7572699

ชัยธวัช โต้ ทักษิณ ชี้ ‘ธนาธร’ ไม่ได้แซะเพื่อไทย แจง ‘อมรัตน์’ ไร้เจตนาสาดโคลน แต่เป็นความอัดอั้นของคนเสื้อแดง โว ก้าวไกลไม่โดดเดี่ยว แต่โดดเด่น
 
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวพาดพิงพรรคก้าวไกลว่ายิ่งเหมือนประชาธิปัตย์ขึ้นทุกวันว่า ตนขอปฏิเสธชัดเจน ทั้งพรรคก้าวไกล และอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยเฉพาะจุดยืนเรื่องนโยบายทางการเมือง ไม่เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
 
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายทักษิณกล่าวถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ไปวิจารณ์พรรคเพื่อไทย ส่วนตัวยังไม่ทราบว่านายทักษิณวิจารณ์ส่วนไหน โดยบางคนคาดการณ์ว่า นายธนาธรให้ความเห็นต่อสื่อว่า มีพรรคการเมืองต่างๆ ดูด ส.ส. ย้ายพรรคกันไปมา ไม่ได้สนใจอุดมการณ์ทางการเมืองว่าเป็นอย่างไร จุดยืนทางการเมืองในอดีตเป็นอย่างไร ซึ่งนายธนาธรไม่ได้พูดถึงพรรคเพื่อไทย แต่พูดถึงการเมืองไทยที่เป็นอยู่โดยรวม ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ประชาชนรับรู้ ในส่วนพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีวิธีการทำงานการเมืองแบบนั้น
 
เมื่อถามว่า จะทำให้รอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า การแข่งขันทางการเมืองในช่วงเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติที่แต่ละพรรคจะถกเถียง กระทบกระทั่งกัน ตราบใดที่ยังอยู่ในกฎกติกา ไม่ทำให้การเลือกตั้งผิดไปจากปกติ ไม่บริสุทธิ์หรือเป็นธรรม
 
พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจน ว่ารัฐบาลก้าวไกลเป็นอย่างไร ทุกวันนี้โฟกัสอยู่กับนโยบาย และประชาชนเป็นเรื่องหลัก ส่วนจุดยืนในการจับมือร่วมรัฐบาล พรรคได้ย้ำไปหลายครั้งแล้วว่า ไม่จับมือกับพรรคทหาร อย่างรวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ และต้องไปดูนโยบายของพรรคอื่นที่เห็นด้วย
 
เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์พรรคก้าวไกลหาเสียงโจมตีพรรคอื่น มีการสาดโคลนจนหลายคนมองว่าไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ นายชัยธวัช กล่าวว่า หากไปดูเนื้อหาการรณรงค์หาเสียง ยังคงเน้นเรื่องนโยบายว่าแตกต่างจากพรรคอื่นอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสังคมที่เวลากระทบกระทั่งกันจะเป็นจุดสนใจ จนกลบเนื้อหาอื่น
 
อย่างกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็เป็นความในใจของคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่มีความอัดอั้น และจริงจังในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และอยากทวงคืนความเป็นธรรมให้พี่น้องคนเสื้อแดง ที่เสียสละชีวิตในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยว แต่มองว่าเป็นความโดดเด่น มีความแตกต่างระหว่างอดีตพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จากพรรคอื่นๆ ที่เคยมี” นายชัยธวัช กล่าว
 
เมื่อถามว่า นายธนาธร มาช่วยหาเสียง จนถูกมองว่ามีความสำคัญมากกว่าผู้นำของพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นการระดมกำลังสู้ศึกเลือกตั้งมากกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องการประสบความสำเร็จมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ ถือเป็นการสานต่อจากพรรคอนาคตใหม่มาก้าวไกล และเชื่อว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ได้รับการยอมรับว่าเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่ได้ความนิยมสูงสุด ยืนยันว่านายธนาธร ไม่ได้ออกความคิดเห็นในแนวทางต่างๆ ของพรรค



นักลงทุนทั่วโลก หวั่น ดอกเบี้ยแพง คาด ฉุดมูลค่าซื้อ-ขายอสังหาฯ 5-10%
https://www.thansettakij.com/real-estate/559718

JLL ชี้ เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยแพง กระทบบรรยากาศ ลงทุนตลาดอสังหาฯ เอเชียแปซิฟิก คาดมูลค่าทั้งปี 2566 หดตัวลง 5-10% ชี้ โกดัง คลังสินค้า -โรงแรม เป็นดาวเด่น
 
เจแอลแอล บริษัทบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เผยว่า ขณะนี้นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ตระหนักถึงปัญหาความท้าทายต่างๆ ที่ต้องเผชิญในปี 2566 โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและราคาซื้อขาย ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นตัวแปรหลักที่จะมีผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับลงทุนซื้ออาคาร/โครงการอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิก 

คาดซื้อขายอาคาร-อสังหาฯ ลดลง
 
โดยผลสำรวจความคิดเห็นนักลงทุนทั่วโลก ในรายงาน Asia Pacific Investor Sentiment Barometer 2023 เผยว่า 78% ของนักลงทุนมองว่าความไม่แน่นอนของทิศทางราคาซื้อขาย เป็นความท้าทายใหญ่ที่สุดในการกำหนดแผนการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์สำหรับปีนี้ และ 70% ของนักลงทุนยังเห็นด้วยว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่นอกจากยากจะคาดเดาแล้ว ยังมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศอีกด้วย เป็นความท้าทายที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน
 
ขณะ 60% ของนักลงทุนเชื่อว่า ปีนี้จะมีการลงทุนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับการประมาณ์การของเจแอลแอล ที่ระบุว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา เอเชียแปซิฟิกมีการลงทุนซื้อขายอาคาร-โครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 1.29 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าปีนี้มูลค่าจะลดลงไปอีกราว 5-10%

ชะลอลงทุน ประเมิน นโยบายดอกเบี้ย 
 
นายร็อดดีย์ อลัน ประธานบริหารฝ่ายวิจัยภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า นักลงทุนเตรียมพร้อมปรับแผนการลงทุนในปีนี้ ตามสถานการณ์ความท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง 
 
อย่างไรก็ดี การใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่า นักลงทุนหมดความเชื่อมั่นในระยะยาวสำหรับการลงทุนในภูมิภาคนี้ แต่เป็นเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องปรับวิธีการ จังหวะเวลา และประเภทของสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนเพิ่มในระยะต่อไปของปีนี้ 
 
ดังนั้น สำหรับปีนี้ นักลงทุนจึงกำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และระดับความเสี่ยงที่จะสามารถยอมรับได้ ทั้งนี้ พบว่า 64% ของนักลงทุนเน้นสินทรัพย์ที่สามารถเข้าซื้อและลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 53% ในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว การสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ การซื้ออาคารเก่าหรืออาคารเกรดรองที่สามารถลงทุนปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น หรือยกระดับมาตรฐานให้เป็นอาคารเขียว ตลอดรวมไปจนถึงการเข้าซื้อโรงแรมเพื่อปรับเปลี่ยนเป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าในหัวเมืองที่มีที่พักอาศัยไม่เพียงพอรองรับความต้องการของผู้เช่า
  
คลังสินค้า -โรงแรม หน่วยลงทุนมาแรง
 
ในส่วนของประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนสนใจซื้อ พบว่า นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดแก่อสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโลจิสติกส์ (โกดัง/คลังสินค้า) ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงของผู้เช่าและมีค่าเช่าปรับสูงขึ้น โดย 64% ของนักลงทุนที่เข้าร่วมการทำแบบสำรวจมีแผนที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ในปีนี้
 
โรงแรมเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่มีแนวโน้มได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น หลังมีการยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศและภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว โดย 32% ของนักลงทุน คาดว่าจะมีการลงทุนซื้อโรงแรมมากขึ้นในปีนี้
ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน นักลงทุนสนใจการลงทุนในตลาดที่มีเสถียรภาพกว่า อาทิ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดย 68% ของนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในญี่ปุ่น และ 60% สนใจสิงคโปร์ ทั้งนี้ โตเกียวมีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สูงสุดในปีนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่