การรู้ทั่วถึงธรรมคำนี้มีอยู่จริง

เริ่มแรก คำพูดนี้มาจาก พระสาติ ผู้อธิบายการเวียนว่ายตายเกิด เป็นตัววิญญาณ

คำพูดว่า รู้ทั่วถึงธรรม ใช่ได้อยู่ พระตถาคต จึงให้พระสาติ อธิบาย ว่าวิญญาน ในความหมายเป็นอย่างไร

ซึ่งนัยยะที่พระสาติอธิบาย ผมเองเข้าใจตามได้ สิ่งที่พระสาติพูด คือการมี อุปทานขันธ์ในตัววิญญาน  เป็นตัวท่องเที่ยว
อันเป็น เหตุผล ที่ย้อนแย้ง ในเรื่องของศาสนาพุทธ
ในเรื่องของ ทิฏฐิ และ ในเรื่องคำกล่าวก่อนหน้าที่บอกว่า รู้ทั่วถึงธรรมแล้ว


อนึ่ง วิญญาน มีพุทธพจน์นึงทรงอุปมาว่าเหมือนนักมายากล การที่ให้ทรงพิจารณาอย่างนี้ ก็น่าจะเป็นเคริ่องวัดสอบ หรือ พิสุจน์ว่า บุคคลนั้น มีความเข้าใจ เห็นตามได้ขนาดไหน

วิญญานที่ผมเห็น และอุปมาที่ใช้ ได้ดีที่สุด ก็คือนักมายากล นั้นแหล่ะ
สามารถทำให้สิ่งที่ไม่มีจริง เป็นมีจริงขึ้นมา

ทีนี้ ถ้าพูดถึงธรรมทั้งหมด สิ่งที่ผมอยากให้โฟกัสมากสุด นั้นคือ "ราคะ โทสะ โมหะ"

คนที่รู้ทั่วถึงธรรม เข้าใจตามธรรมได้ เขาจะรู้จัก 3สิ่งนี้
โดยเฉพาะ โมหะ

สิ้นราคะ โทสะ โมหะ เป็นพระอรหัน
ราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง สกิทาคามี


ผมบอกได้ว่า การเห็นโมหะ ของเเต่ละคนแตกต่างกันไป

แต่ถ้าหาก เราไม่รู้จักอาการหลง เป็นอย่างไร ตามที่เป็นจริง
เมื่อไม่รู้จักอาการหลง ก็เรียกได่ว่า ตัวเองกำลังหลงอยู่
ความหลง ก็เหมือนความไม่รู้

คุณจะรู้จักโมหะได้ ก็ต่อเมื่อ คุณรู้จักอาการที่ตัวเองหลง เป็นอย่างไร

ราคะ กับ โทสะ หลายคนดูออก
แต่โมหะ นั้น เป็นอะไรที่ดูได้ยากมาก

บางทีที่จิตผมปราศจากโมหะ
ได้เห็นผู้คน มีความหลง ตลอดเวลา24ชม. ตามจริง อาการจิตมีโมหะจะเกาะแบบนั้นตลอดเวลา ไม่เหมือน ราคะโทสะ

  มีใครสามารถเห็นคนอื่นๆกำลังหลงเป็นบ้าง??

และการที่ ผมเองรู้จัก ราคะโทสะ โมหะ
ตามจริง
ทำให้ผมรู้ว่า อาการ ราคะโทสะ โมหะ เบาบางต้องเป็นอย่างไร นั้นแสดงว่า จิตได้แตะถึงภูมิ สกิทาคามี แล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่