หมอสุดทน ประกาศเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ PM 2.5 เอง หลังพึ่งพาภาครัฐไม่ได้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7585717
หมอสุดทน ประกาศเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ PM 2.5 เอง หลังพึ่งพาภาครัฐไม่ได้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดตามกำลัง
29 มี.ค. 2566 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.
รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่สุดทนกับวิกฤตปัญหา PM 2.5 ที่ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถพึ่งพาภาครัฐในการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาวได้
ล่าสุดเจ้าตัวออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควัน PM 2.5 ด้วยตัวเอง ผ่านลายปากกา พร้อมขอให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดตามกำลัง
นพ.
รังสฤษฎ์ ระบุว่า ทางการไม่ประกาศ ประกาศเองก็ได้ พร้อมกับภาพใบประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควันขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นกระดาษเปล่า เขียนด้วยปากกา หัวกระดาษวาดรูปเด็กสวมหน้ากากอนามัย และภาพปอดของเด็กที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและจุดดำ ๆ พร้อมเขียนข้อความดังนี้
“เนื่องด้วย สถานการณ์คุณภาพอากาศอันเลวร้าย กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างหนัก ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว อาศัยอำนาจประชาชน ผู้มีสิทธิพื้นฐานในการหายใจ ขอประกาศให้พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เป็นพื้นที่ประสบภัย”
เราไม่อาจพึ่งพากลไกรัฐในบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้ ขอให้ทุกท่านป้องตนเอง และคนที่รักอย่างดีที่สุดตามกำลัง ให้รอดพ้นจากพิษภัยมลพิษทางอากาศ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกาศไว้ ณ วันที่ 29 มี.ค. 2566 ประชาชนเต็มขั้นเสียภาษีครบถ้วน
เศรษฐา ชี้ พท.เสนอชื่อเป็นแคนดิเดต บ่งชัดยึดโยงประชาชน ไม่ได้ลอยมาจากไหน
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7585729
เศรษฐา แจงเหตุผลไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ย้ำจุดยืนตั้งใจเข้าไปทำหน้าที่บริหาร ชี้หากเพื่อไทยเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ บ่งชัดยึดโยงประชาชน ไม่ได้ลอยมาจากไหน
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2566 นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ Srettha Thavisin ระบุว่า
“ช่วงนี้มีคนถามเยอะเรื่องสถานะของผม กับการตัดสินใจไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ จึงขอใช้พื้นที่นี้ในการสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน
จุดยืนของผม ผมตั้งใจที่จะเข้าไปทำหน้าที่บริหาร โดยนำนโยบายที่ได้หาเสียงร่วมกับการออกกฎหมายจากฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ประกอบไปด้วย ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และพวกเราทุกคนมีจุดยืนที่จะทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มความสามารถ ไม่ให้ขาดตกบกพร่องในฐานะผู้แทนประชาชนแต่ประการใด
หากผมถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งผ่านขั้นตอนการสรรหาจากกรรมการบริหารพรรค นั่นคือสิ่งแสดงว่าผมยึดโยงกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนร่วมกันตัดสินใจว่า หากต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทย จึงต้องเลือก ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยครับ
ผมไม่ได้ลอยมาจากไหน และทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดขึ้นครับ”
https://twitter.com/Thavisin/status/1640992171850596353
ฝุ่นพิษลาม! ก้าวไกล ซัด บิ๊กป๊อก โบ้ยปัญหาให้ ผู้ว่าฯ แก้ไข แต่ไม่กระจายอำนาจ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7586077
ก้าวไกล ซัด บิ๊กป๊อก ไม่ยอมกระจายอำนาจ มักง่ายโยนปัญหา PM 2.5 ให้ผู้ว่าฯ เหน็บแสบ รู้จักแอ่นอกรับผิดชอบบ้าง อย่าเอาแต่โยนปัญหาให้ลูกน้อง
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2566 นาย
นิติพล ผิวเหมาะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ระบุการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ไม่ว่าอำนาจเคอร์ฟิว หรือการสั่งหยุดใช้ยานพาหนะ ถือเป็นสาเหตุรองจากการเผาในที่โล่งแจ้ง พร้อมบอกด้วยว่า เพราะคนไทยไม่ร่วมมือกันจึงไม่สามารถดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาได้นั้น
นาย
นิติพล กล่าวว่าเรื่องนี้คงเข้ากับคำเปรียบเปรยที่ว่า คนดีชอบแก้ไข คนอะไรชอบแก้ตัว ซึ่งเป็นบุคลิกเฉพาะตัว ของคนที่ชอบแอบอยู่ข้างหลังคนอื่น แล้วรอรับตำแหน่งใหญ่ แต่ไม่มีผลงานใดโดดเด่นนอกจากผลักดันโครงการทำลายสิ่งแวดล้อม โครงการที่ใช้งบมาก ประโยชน์น้อย ผลกระทบในพื้นที่สูงแต่ง่ายต่อการทอนเงิน
นาย
นิติพลกล่าว่าเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ระดับรัฐบาล ถือเป็นวาระแห่งชาติแต่ยังโบ้ยไปให้ผู้ว่าฯ ทั้งที่รู้ดีว่าปัญหาใหญ่ที่สุดมาจากการเผาพืชผลการเกษตรและไฟป่าที่ฝุ่นควันลอยข้ามพรมแดนมา โดยมีนายทุนยักษ์ใหญ่การเกษตรไทยได้ประโยชน์จากการไม่ออกนโยบายควบคุมของรัฐ
สิ่งที่พวกท่านต้องทำคือ เรียกนายทุนมาคุย และต้องมีการเจรจาระหว่างประเทศในระดับผู้นำคุยกันเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและเร็วที่สุด แต่ท่านโบ้ยไปที่ผู้ว่าฯ โบ้ยไปเรื่องควันรถยนต์ ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาหลักของสิ่งที่เกิดเวลานี้ ถามว่าผู้ว่าฯจะเอาอำนาจอะไรไปคุยกับผู้นำเมียนมา ผู้นำลาว หรือเจ้าสัวนายทุน ท่านถามตัวเองหรือยังว่าที่ผ่านมาเคยกระจายอำนาจ เคยกระจายงบประมาณไปให้ผู้ว่าฯจริงหรือไม่
นาย
นิติพล กล่าวว่า ถ้าท่านอยากให้ผู้ว่าฯ มีส่วนรับผิดชอบด้วย อันดับแรกเลยคือ ควรสนับสนุนให้ผู้บริหารระดับจังหวัด มาจากการเลือกตั้งก่อน แล้วกระจายงบและอำนาจไปอยู่ที่เขา ปภ. หน่วยดับเพลิง หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องต้องมอบให้ท้องถิ่นตัดสินใจจริงๆ ถึงวันนั้นถ้ามีปัญหาในพื้นที่อีกท่านค่อยไปโทษผู้ว่าฯ แต่ตอนนี้ ท่านและรัฐมนตรีทั้งหมดในรัฐบาลนี้ต้องรับไปเต็มๆ เพราะอำนาจในการแก้ปัญหาทั้งหมดมีอยู่เต็มมือพวกท่าน เป็นชายชาติทหารกันทั้งนั้น ถึงเวลารับผิดชอบก็รู้จักแอ่นอกรับผิดชอบบ้าง อย่าเอาแต่โยนปัญหาให้ลูกน้องมันไม่สง่างาม
กุมขมับ หมูขึ้นราคา ดันหน้าเขียงแตะ 176 บาท โอดต้นทุนอาหารสัตว์สูง
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7585215
กุมขมับ หมูขึ้นราคา ดันหน้าเขียงแตะ 176 บาท โอดต้นทุนอาหารสัตว์สูง ขอกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลกำกับราคาให้เป็นธรรม
วันที่ 29 มี.ค.2566 รายงานข่าวจาก
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แจ้งว่าวันพระนี้(29มี.ค.) สมาคมฯได้ประกาศปรับราคาลูกสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม และราคาขายส่งและปลีกเนื้อสุกร โดยราคาลูกสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ในพื้นที่ภาคตะวันตกปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 86 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ก.ก. เป็น 134 -137 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีก ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 166-172 บาท/ก.ก.
ภาคตะวันออก ลูกสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับเพิ่มขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 88 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ก.ก. เป็น137-140 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีก ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 170-176 บาท/ก.ก.
ทั้งนี้สภาวะการค้าสุกรขุนทุกพื้นที่ราคายืนแข็ง แนวโน้มยืนแข็งต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหน้าฟาร์มยังต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่เฉลี่ยของไตรมาสที่ 1/2566 ที่ 100.70 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตามราคาพืชอาหารสัตว์ตลาดโลกทุกตัวปรับลงอยู่ในระดับก่อนวิกฤตสงครามยูเครน แต่ภาคปศุสัตว์ไทยยังคงรับภาระต้นทุนอาหารสัตว์ในระดับสูงเท่าเดิม ดังนั้นขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลกำกับราคาอาหารสัตว์ให้เป็นธรรมด้วย
JJNY : 5in1 หมอสุดทน พึ่งรัฐไม่ได้│เศรษฐา บ่งชัดยึดโยงปชช.│ก้าวไกลซัดป๊อก│กุมขมับ หมูขึ้นราคา│“เซเลนสกี”เชิญ“สี จิ้นผิง”
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7585717
หมอสุดทน ประกาศเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ PM 2.5 เอง หลังพึ่งพาภาครัฐไม่ได้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดตามกำลัง
29 มี.ค. 2566 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่สุดทนกับวิกฤตปัญหา PM 2.5 ที่ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถพึ่งพาภาครัฐในการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาวได้
ล่าสุดเจ้าตัวออกประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควัน PM 2.5 ด้วยตัวเอง ผ่านลายปากกา พร้อมขอให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดตามกำลัง
นพ.รังสฤษฎ์ ระบุว่า ทางการไม่ประกาศ ประกาศเองก็ได้ พร้อมกับภาพใบประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากสถานการณ์หมอกควันขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นกระดาษเปล่า เขียนด้วยปากกา หัวกระดาษวาดรูปเด็กสวมหน้ากากอนามัย และภาพปอดของเด็กที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันและจุดดำ ๆ พร้อมเขียนข้อความดังนี้
“เนื่องด้วย สถานการณ์คุณภาพอากาศอันเลวร้าย กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างหนัก ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว อาศัยอำนาจประชาชน ผู้มีสิทธิพื้นฐานในการหายใจ ขอประกาศให้พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียง เป็นพื้นที่ประสบภัย”
เราไม่อาจพึ่งพากลไกรัฐในบรรเทาปัญหาดังกล่าวได้ ขอให้ทุกท่านป้องตนเอง และคนที่รักอย่างดีที่สุดตามกำลัง ให้รอดพ้นจากพิษภัยมลพิษทางอากาศ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกาศไว้ ณ วันที่ 29 มี.ค. 2566 ประชาชนเต็มขั้นเสียภาษีครบถ้วน
เศรษฐา ชี้ พท.เสนอชื่อเป็นแคนดิเดต บ่งชัดยึดโยงประชาชน ไม่ได้ลอยมาจากไหน
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7585729
เศรษฐา แจงเหตุผลไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ย้ำจุดยืนตั้งใจเข้าไปทำหน้าที่บริหาร ชี้หากเพื่อไทยเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ บ่งชัดยึดโยงประชาชน ไม่ได้ลอยมาจากไหน
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ Srettha Thavisin ระบุว่า
“ช่วงนี้มีคนถามเยอะเรื่องสถานะของผม กับการตัดสินใจไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ จึงขอใช้พื้นที่นี้ในการสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน
จุดยืนของผม ผมตั้งใจที่จะเข้าไปทำหน้าที่บริหาร โดยนำนโยบายที่ได้หาเสียงร่วมกับการออกกฎหมายจากฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ประกอบไปด้วย ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และพวกเราทุกคนมีจุดยืนที่จะทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มความสามารถ ไม่ให้ขาดตกบกพร่องในฐานะผู้แทนประชาชนแต่ประการใด
หากผมถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งผ่านขั้นตอนการสรรหาจากกรรมการบริหารพรรค นั่นคือสิ่งแสดงว่าผมยึดโยงกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนร่วมกันตัดสินใจว่า หากต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาจากพรรคเพื่อไทย จึงต้องเลือก ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยครับ
ผมไม่ได้ลอยมาจากไหน และทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดขึ้นครับ”
https://twitter.com/Thavisin/status/1640992171850596353
ฝุ่นพิษลาม! ก้าวไกล ซัด บิ๊กป๊อก โบ้ยปัญหาให้ ผู้ว่าฯ แก้ไข แต่ไม่กระจายอำนาจ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7586077
ก้าวไกล ซัด บิ๊กป๊อก ไม่ยอมกระจายอำนาจ มักง่ายโยนปัญหา PM 2.5 ให้ผู้ว่าฯ เหน็บแสบ รู้จักแอ่นอกรับผิดชอบบ้าง อย่าเอาแต่โยนปัญหาให้ลูกน้อง
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2566 นายนิติพล ผิวเหมาะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ระบุการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ไม่ว่าอำนาจเคอร์ฟิว หรือการสั่งหยุดใช้ยานพาหนะ ถือเป็นสาเหตุรองจากการเผาในที่โล่งแจ้ง พร้อมบอกด้วยว่า เพราะคนไทยไม่ร่วมมือกันจึงไม่สามารถดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาได้นั้น
นายนิติพล กล่าวว่าเรื่องนี้คงเข้ากับคำเปรียบเปรยที่ว่า คนดีชอบแก้ไข คนอะไรชอบแก้ตัว ซึ่งเป็นบุคลิกเฉพาะตัว ของคนที่ชอบแอบอยู่ข้างหลังคนอื่น แล้วรอรับตำแหน่งใหญ่ แต่ไม่มีผลงานใดโดดเด่นนอกจากผลักดันโครงการทำลายสิ่งแวดล้อม โครงการที่ใช้งบมาก ประโยชน์น้อย ผลกระทบในพื้นที่สูงแต่ง่ายต่อการทอนเงิน
นายนิติพลกล่าว่าเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ ทั้งที่เป็นปัญหาใหญ่ระดับรัฐบาล ถือเป็นวาระแห่งชาติแต่ยังโบ้ยไปให้ผู้ว่าฯ ทั้งที่รู้ดีว่าปัญหาใหญ่ที่สุดมาจากการเผาพืชผลการเกษตรและไฟป่าที่ฝุ่นควันลอยข้ามพรมแดนมา โดยมีนายทุนยักษ์ใหญ่การเกษตรไทยได้ประโยชน์จากการไม่ออกนโยบายควบคุมของรัฐ
สิ่งที่พวกท่านต้องทำคือ เรียกนายทุนมาคุย และต้องมีการเจรจาระหว่างประเทศในระดับผู้นำคุยกันเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและเร็วที่สุด แต่ท่านโบ้ยไปที่ผู้ว่าฯ โบ้ยไปเรื่องควันรถยนต์ ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาหลักของสิ่งที่เกิดเวลานี้ ถามว่าผู้ว่าฯจะเอาอำนาจอะไรไปคุยกับผู้นำเมียนมา ผู้นำลาว หรือเจ้าสัวนายทุน ท่านถามตัวเองหรือยังว่าที่ผ่านมาเคยกระจายอำนาจ เคยกระจายงบประมาณไปให้ผู้ว่าฯจริงหรือไม่
นายนิติพล กล่าวว่า ถ้าท่านอยากให้ผู้ว่าฯ มีส่วนรับผิดชอบด้วย อันดับแรกเลยคือ ควรสนับสนุนให้ผู้บริหารระดับจังหวัด มาจากการเลือกตั้งก่อน แล้วกระจายงบและอำนาจไปอยู่ที่เขา ปภ. หน่วยดับเพลิง หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องต้องมอบให้ท้องถิ่นตัดสินใจจริงๆ ถึงวันนั้นถ้ามีปัญหาในพื้นที่อีกท่านค่อยไปโทษผู้ว่าฯ แต่ตอนนี้ ท่านและรัฐมนตรีทั้งหมดในรัฐบาลนี้ต้องรับไปเต็มๆ เพราะอำนาจในการแก้ปัญหาทั้งหมดมีอยู่เต็มมือพวกท่าน เป็นชายชาติทหารกันทั้งนั้น ถึงเวลารับผิดชอบก็รู้จักแอ่นอกรับผิดชอบบ้าง อย่าเอาแต่โยนปัญหาให้ลูกน้องมันไม่สง่างาม
กุมขมับ หมูขึ้นราคา ดันหน้าเขียงแตะ 176 บาท โอดต้นทุนอาหารสัตว์สูง
https://www.khaosod.co.th/economics/news_7585215
กุมขมับ หมูขึ้นราคา ดันหน้าเขียงแตะ 176 บาท โอดต้นทุนอาหารสัตว์สูง ขอกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลกำกับราคาให้เป็นธรรม
วันที่ 29 มี.ค.2566 รายงานข่าวจาก สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ แจ้งว่าวันพระนี้(29มี.ค.) สมาคมฯได้ประกาศปรับราคาลูกสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม และราคาขายส่งและปลีกเนื้อสุกร โดยราคาลูกสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม ในพื้นที่ภาคตะวันตกปรับขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 86 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ก.ก. เป็น 134 -137 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีก ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 166-172 บาท/ก.ก.
ภาคตะวันออก ลูกสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับเพิ่มขึ้น 2 บาท/ก.ก. เป็น 88 บาท/ก.ก. ทำให้ราคาขายส่งห้างสรรพสินค้า ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/ก.ก. เป็น137-140 บาท/ก.ก. ส่วนราคาขายปลีก ปรับเพิ่มขึ้น 4 บาท/ก.ก. เป็น 170-176 บาท/ก.ก.
ทั้งนี้สภาวะการค้าสุกรขุนทุกพื้นที่ราคายืนแข็ง แนวโน้มยืนแข็งต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหน้าฟาร์มยังต่ำกว่าต้นทุนการเลี้ยงที่เฉลี่ยของไตรมาสที่ 1/2566 ที่ 100.70 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตามราคาพืชอาหารสัตว์ตลาดโลกทุกตัวปรับลงอยู่ในระดับก่อนวิกฤตสงครามยูเครน แต่ภาคปศุสัตว์ไทยยังคงรับภาระต้นทุนอาหารสัตว์ในระดับสูงเท่าเดิม ดังนั้นขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลกำกับราคาอาหารสัตว์ให้เป็นธรรมด้วย