JJNY : PM2.5 บึงกาฬพุ่งปรี๊ด│พท.ตั้งชัยเกษมนำทีมกก.ด้านปชต.│IMF เตือนวิกฤตธนาคาร│โดรนยูเครนบรรจุระเบิดตกกลางเมืองรัสเซีย

PM2.5 บึงกาฬพุ่งปรี๊ด สูงสุดในภาคอีสาน ชาวบ้านบ่นอุบ
https://www.matichon.co.th/region/news_3895308
 
 
PM2.5 บึงกาฬพุ่งปรี๊ด สูงสุดในภาคอีสาน แถมจุดความร้อนอยู่ 9 จุด ชาวบ้านบ่นอุบ
 
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม สถานการณ์หมอกควันที่จังหวัดบึงกาฬ ทุกอำเภอยังต้องเจอกับสภาพอากาศย่ำแย่ ต่อเนื่องนานเกือบจะ 1 เดือนแล้ว โดยเช้านี้ยังมีหมอกควันไฟป่า ปกคลุมทุกพื้นที่ ประชาชนใช้รถใช้ถนนที่สัญจรไป-มา ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่นละออง ส่วนรถยนต์ต้องเปิดไฟหน้าในการขับขี่ โดยภาพมุมสูงในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ ยังคงเห็นหมอกควันไฟป่า ปกคลุมทั้งฝั่งประเทศไทย และฝั่ง สปป.ลาว ประเทศเพื่อนบ้าน หนาแน่นขึ้นกว่าเมื่อวานนี้
 
ส่วนค่าฝุ่น Pm2.5 ที่วัดโดยกรมควบคุมมวลพิษ ที่หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ เช้านี้วัดค่าได้ 223 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) ค่าคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ที่ 333 สูงขึ้นจากเมื่อวานนี้ที่วัดค่าได้เพียง 275 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์สีแดง จุดความร้อน(Hotspot) ยังมีอยู่ 9 จุด
 
สำหรับสถาณการณ์ PM 2.5 เขตสุขภาพที่ 8 ( 7 จังหวัดภาคอีสานตอนบน นครพนม บึงกาฬ สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย ) มีอยู่ 4 จังหวัดคือ เลย 91 หนองคาย 139 นครพนม 99 และ บึงกาฬ 223 ซึ่งถือว่าสูงสุดในภาคอีสาน และอยู่ในเกณ์เกินมาตรฐาน คือสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ
 
ส่วนหนองบัวลำภู อุดรธานี อยู่ในเกณ์สีส้ม และสกลนคร อยู่ในเกณ์สีปานกลาง(ระดับค่า PM ต่ำสุดอยู่ที่ 44) ขณะที่ชาวบ้านบอกว่า ต้องงดออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น หรือถ้าออกจากบ้านก็ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และขอร้องให้งดเผาทุกกรณี



'เพื่อไทย' ตั้ง ‘ชัยเกษม’ นำทีม กก.ด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม
https://prachatai.com/journal/2023/03/103369

'เพื่อไทย' ตั้งคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม ‘ชัยเกษม’ นำทีม ประกาศลดความเหลื่อมล้ำ คืนประชาธิปไตยสู่ประชาชน 
 
27 มี.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อมวลชนว่า พรรคเพื่อไทย นำโดยชัยเกษม นิติสิริ​​ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ชูศักดิ์ ศิรินิล​​​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรม เวชยชัย​​ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวการแต่งตั้ง “คณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม” 
 
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สภาพปัญหาด้านสังคมของประเทศขณะนี้ ได้สร้างผลกระทบในภาพรวมต่อการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน  กระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากปัจจัยหลายด้าน เช่น การเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบท เป็นสังคมเมือง การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด อาชญากรรม การทุจริตคอร์รัปชัน  ปัญหาของรัฐธรรมนูญและระบบการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน การบังคับใช้กฎหมายที่เป็นสองมาตรฐาน และปัญหาความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม เป็นต้น ปัญหาดังกล่าวนับวันจะมีความซับซ้อนและรุนแรง จำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขด้วยการปฏิรูปสังคม ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและขจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นประชาธิปไตยและความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อให้สังคมของไทยกลับมาสู่สังคมแห่งความสมานฉันท์ อยู่ร่วมกันอย่างสันติและมีความเท่าเทียมกัน  ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาดังกล่าว 
 
เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม จึงสมควรมีบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ ความสามารถได้ร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ถึงต้นตอของปัญหาและแนวทางแก้ไขอันจะทำให้การปฏิรูปสังคมและการขจัดความเหลื่อมล้ำ เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง จึงได้แต่งตั้ง “คณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม” ขึ้น โดยมีชัยเกษม นิติสิริ​​ เป็นประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม ชูศักดิ์ ศิรินิล​​​ รองประธานกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม ภูมิธรรม เวชยชัย​​ กรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม จาตุรนต์ ฉายแสง​​ กรรมการคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม เป็นต้น 
 
ชัยเกษม นิติสิริ​​ ประธานคณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม กล่าวว่า “คณะกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม”  จะทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ สรุปสภาพสังคม และความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม กำหนดแนวทางและกระบวนการปฏิรูปสังคม ปัญหากฎหมายลิดรอนสิทธิเสรีภาพ อาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมถึงการทุจริต  วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบและการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นต้น 
 
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามองภาพกว้างของสัมคมว่า เมื่อเกิดปัญหาบิดเบือนสิ่งที่ควรจะเป็น  นับตั้งแต่การปฏิวัติ  เรายินดีจะรับข้อเสนอแนะทุกอย่าง เรามีคณะทำงานชุดย่อย ที่มีความยินดีแก้ไขทุกจุด ทุกอย่างที่ไม่เป็นที่พอใจของประชาชนทุกอย่าง” ชัยเกษม กล่าว 
 
ชูศักดิ์  ศิรินิล​​​ รองประธานกรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม กล่าวว่า  คณะกรรมการชุดนี้จะศึกษา ดูแลภาพรวมด้านสังคม เน้นความเป็นประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียม ที่ยังเป็นปัญหาหลัก แม้จะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ แต่เรายังไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควรจะเป็น เพราะผลจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศ มีรัฐบาลที่ต่อเนื่องจากการยึดอำนาจ เลือกนายกรัฐมนตรีจากคนที่ไม่ได้มาเป็น ส.ส. หรือไม่เป็นสมาชิกพรรค การมี ส.ว. ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี แสดงถึงการไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นการนำประเทศนี้ไปสู่ธนาธิปไตย หรือการใช้เงินเป็นปัจจัยสำคัญในทางการเมือง 
 
ส่วนคณะกรรมการชุดนี้จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่นั้น ชูศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยติดปัญหาสำคัญคือ สภาผู้แทนราษฎรมีมติให้ทำประชามติให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) แล้ว แต่วุฒิสภาไม่เอาด้วย ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล อาจพิจารณาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ ครม. เพื่อขอทำประชามติได้ 
 
สังคมไทยยังมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม การสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง การถอนหมายจับหรือไม่ถอน เป็นปัญหากระบวนการยุติธรรม การทำให้ประเทศนี้หมดไปจากปัญหาสองมาตรฐานเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สังคมมีปัญหา สิ่งที่น่าห่วง ประเทศกำลังจะมีอาชญากรรมแปลกๆ เช่น การสังหารหมู่ การกราดยิง ส่วนหนึ่งมาจากระบบราชการที่เสื่อมถอย และยังเต็มไปด้วยยาเสพติด อบายมุข ธุรกิจสีเทา จึงเป็นที่มาที่จะรวบรวมปัญหาเหล่านี้มาวิเคราะห์และเสนอวิธีแก้ไขต่อไปหากได้รัฐบาล” ชูศักดิ์กล่าว
 
ภูมิธรรม  เวชยชัย​​ กรรมการด้านประชาธิปไตย กระบวนการยุติธรรม และความเสมอภาคเท่าเทียม กล่าวว่า การรัฐประหารในปี 2549 ถือเป็นต้นตอแห่งการทำลายล้างโครงสร้างของระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงทุกวันนี้  รวมไปถึงการเข้ามาบริหารแบบแฝงรูป หรือระบอบประยุทธ์  ได้ทำลายความงดงามของระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน การมีคณะทำงานต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย เพื่อจะบูรณาการงานด้านต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความพยายามนำหลักความเสมอภาค เป็นเครื่องมือหลัก และจะขยายความไปในด้านอื่น ทั้งเศรษฐกิจและสังคม หลักความเสมอภาคในประชาธิปไตย ภายใต้หลักคิด 5  ด้าน ได้แก่ 
 
1. ความเสมอภาคทางการเมือง ทุกคนควรมีสิทธิทางการเมืองเท่ากัน  ไม่ควรให้รัฐใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยไม่มีหลักประกันให้กับประชาชน นักเรียน นักศึกษา ต้องไม่ถูกริดรอน กลั่นแกล้ง  โดยใช้อำนาจมากเกินไป 
 
2. ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ต้องมีหลักประกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับพี่น้องประชาชน ในฐานะสมาชิกในสังคม  นับตั้งแต่ปี 2554 ที่ผ่านมา มีการเป็นการปิดกั้นอำนาจทางเศรษฐกิจของประชาชน มีการเอื้อประโยชน์ให้คนส่วนน้อย ซึ่งเป็นคนของพวกเขา  คนส่วนมากของสังคมมีชีวิตที่ยากลำบาก
 
3.ความเสมอภาคทางสังคม ทุกคนต้องมีฐานะทางสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม แม้มีความแตกต่างกัน แต่ทุกคนต้องใช้ชีวิตทางสังคมอย่างเต็มที่  ปัญหาที่มีความเห็นที่แตกต่างต้องเข้าสู่สภา ไม่ใช่การใช้อำนาจตามอำเภอใจของรัฐบาล
 
4. ความเสมอภาคทางกฏหมาย  ที่ผ่านมาภาครัฐใช้อำนาจที่ล้นเกิน  หลายคนถูกจับ ขัง ทั้งที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย ในขณะที่อีกหลายคนได้รับการโอบอุ้ม
 
5. ความเสมอภาคทางโอกาส  ต้องให้โอกาสทุกคนใช้อำนาจที่สุจริต มาพัฒนาความสามารถ พัฒนารายได้ในการมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างทัดเทียมกัน
 
นี่คือการเตรียมความพร้อมของพรรคเพื่อไทยที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ  หลายเรื่องที่เราเรียกร้องให้ประชาชนเลือกเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ได้ ส.ส.ในสภา 310 เสียงขึ้นไป ให้เราชนะเด็ดขาด ได้เสียงข้างมากโดยไม่มีข้อสงสัย  เป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว หรืออย่างน้อยที่สุดร่วมมือกับฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันในการจัดตั้งรัฐบาล  เพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ หากเราได้เสียงไม่ถึง 310  จะสู้ ส.ว.250 คนไม่ได้  และมีโอกาสที่พลเอกประยุทธ์จะกลับมาเหมือนเดิม” ภูมิธรรม กล่าว



IMF เตือนวิกฤตธนาคารสะท้อน ความเสี่ยง ‘เสถียรภาพทางการเงิน’ พุ่ง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3895206

IMF เตือนวิกฤตธนาคารสะท้อน ความเสี่ยง ‘เสถียรภาพทางการเงิน’ พุ่ง
 
นางคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาเตือนว่า ขณะนี้ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินกำลังเพิ่มสูงขึ้น และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวัง หลังความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับภาคการธนาคาร
 
จอร์จีวาเข้าร่วมเสวนาในเวที China Development Forum ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า คาดว่าปี 2023 นี้จะเป็นอีกปีหนึ่งที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การเติบโตทั่วโลกจะชะลอตัวลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 3 เนื่องจากสงครามในยูเครน นโยบายทางการเงินที่เข้มงวด และผลกระทบที่ต่อเนื่องจากการระบาดใหญ่
 
ความไม่แน่นอนนั้นสูงเป็นพิเศษ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอในระยะกลาง เป็นที่ชัดเจนว่าความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินเพิ่มขึ้น ในช่วงเวลาที่ระดับหนี้สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานานไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ แต่มันก็สร้างความตึงเครียดและความเปราะบางอย่างเลี่ยงไม่ได้ เห็นได้จากพัฒนาการที่เกิดขึ้นในภาคการธนาคารในประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้ว” จอร์จีวากล่าว
 
จอร์จีวากล่าวด้วยว่า ผู้กำหนดนโยบายได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อจัดการต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงิน การกระทำต่างๆ เหล่านี้ได้ผ่อนคลายความเครียดของตลาดในระดับหนึ่ง แต่ความไม่แน่นอนก็ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวัง
 
กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟกล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนถือเป็นจุดที่สดใสสำหรับเศรษฐกิจโลก คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตร้อยละ 5.2 ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคของภาคเอกชนที่ฟื้นตัว หลังจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
 
จอร์จีนากล่าวว่า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งหมายความว่า จีนจะมีสัดส่วนการเติบโตถึง 1 ใน 3 ของการเติบโตทั่วโลกในปี 2023 ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกในภาครวมดีขึ้น โดยการเติบโตของเศรษฐกิจจีน 1.0 จุด จะนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชียอื่นๆ โดยเฉลี่ย 0.3 จุด นับเป็นการกระตุ้นที่น่ายินดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่