.
10 กว่าปีแห่งความวุ่นวายที่ทำลายโอกาสเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติในด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำของสังคม ความปรองดอง ฯลฯ นั้นไม่ได้มีสาเหตุหลักมาจากคำว่า “โกง” ที่คนกลุ่มหนึ่งพยายามจุดประเด็นและชูโรงว่าเป็นการกู้ชาติ แต่แท้ที่จริงเป็นการทำลายชาติของคนกลุ่มเดียว ที่ไม่ยึดหลักเสมอภาคเท่าเทียมกันตามระบอบประชาธิปไตย แต่อ้างตนเป็น”คนดี” ชี้นิ้วให้คนอื่นที่คิดต่างเป็น”พรรคพวกของคนเลว”
มาจนวันนี้ประเทศชาติก็ยังหาทางออกจากการถูกทำลายโดยประชาชนส่วนหนึ่งที่อ้างว่าตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยใช้คำว่า หมู่มวลมหาประชาชน ไม่ได้ เพราะหลักการสำคัญของประชาธิปไตยได้ถูกทำลายสิ้นไปแล้ว ทั้ง
1.หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน (Popular Sovereignty) ที่วันนี้กลายเป็นอำนาจของคนกลุ่มเดียวที่แย่งชิงอำนาจประชาชนไปไว้กับตัวเอง แล้วจะถือว่านั้นคืออำนาจอธิปไตยได้อย่างไร
2.หลักเสรีภาพ (Liberty)คือ มีเสรีภาพด้านเดียว ที่ต้องสนับสนุนการกระทำของผู้ครองอำนาจไม่ว่ากรณีใดๆ ห้ามสงสัย ห้ามตรวจสอบ หรือแม้กระทั่งคิด คัดค้านอยู่ในใจก็คงทำไม่ได้ หากอีกฝ่ายสามารถเข้ามาควบคุมในสมองของผู้อื่น
3.หลักความเสมอภาค (Equality) ความเท่าเทียมกันตามกฎหมายหายไป เมื่อกฎหมายกลายเป็นเครื่องมือที่จะใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิดตลอด ส่วนอีกฝ่ายทำอะไรที่ร้ายแรงกว่าแค่ไหนก็ไม่ผิด
4.หลักกฎหมาย (Rule of Law) คงเป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดในโลกสังคมอารยะ เมื่อเป็นชาติประชาธิปไตยประเทศเดียว ที่มีผู้พิพากษาแห่งศาลสถิตยุติธรรม ออกมาทำการรับรองการกระทำนอกกฎหมายด้วยคำว่า “รัฐาธิปัตย์” โดยให้เหตุผลว่ามันเป็นประเพณีนิยมที่เคยเกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้มาก่อน
5.หลักเสียงข้างมาก (Majority Rules) ที่ใช้การนับเสียงโห่ร้องต่อต้านบนท้องถนน และนับจำนวนปืนกลรถถังที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดครอบครอง แทนที่จะนับการแสดงความเห็นของประชาชนผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง
หลักการประชาธิปไตยต่างๆเหล่านี้ ถูกทำลายด้วยคำๆเดียว คือ “อยาก”
และถูกทำลายเพราะคนบางคนนั้นไม่คิดถึงคำๆหนึ่ง คือ “ควร”
เพราะ”
อยากได้อยากเป็น” แต่ติดขัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนตามระบบ จึงคิดและลงมือทำลายระบบ โดยไม่คำนึงถึงความ
“ควรมีควรเป็น”
คำว่า อยาก ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า [หฺยาก] ก. ปรารถนา ประสงค์ ต้องการ ใคร่ เช่น อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากมีเงิน
คำว่า ควร ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า [ควน] ว. เหมาะ ชอบ ถูกต้อง เช่น กินแต่พอควร , เห็นควรแล้ว เป็นคําช่วยกริยาในความคล้อยตาม เช่น ควรทํา ควรกิน.
ทั้ง 5 หลักการประชาธิปไตยจะไม่ถูกทำลายถ้าใครบางคนใช้คำว่า ควร แทนคำว่า อยาก เพราะสิ่งที่ เหมาะ ชอบ ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ “ควร”สำหรับประเทศชาติ มิใช่ใช้ ปรารถนา ต้องการ ความใคร่ของใครบางคน มากำหนดชี้นำชะตากรรมของคนส่วนรวมภายในประเทศ
ท่านผู้ที่เข้ามาอ่าน คงเคยเห็นกระบวนการยุติธรรมเปิดพจนานุกรมอาคำว่า “ลูกจ้าง” มาตัดสินคดีกันมาแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่ผมจะใช้การเปิดพจนานุกรมมาแสดงความเห็นทางการเมืองบ้าง ใช่ไหมครับ
ขอบคุณครับ
นายพระรอง
(บทความ...นายพระรอง) เปิดพจนานุกรม ตัดสินปัญหาประชาธิปไตย
10 กว่าปีแห่งความวุ่นวายที่ทำลายโอกาสเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติในด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำของสังคม ความปรองดอง ฯลฯ นั้นไม่ได้มีสาเหตุหลักมาจากคำว่า “โกง” ที่คนกลุ่มหนึ่งพยายามจุดประเด็นและชูโรงว่าเป็นการกู้ชาติ แต่แท้ที่จริงเป็นการทำลายชาติของคนกลุ่มเดียว ที่ไม่ยึดหลักเสมอภาคเท่าเทียมกันตามระบอบประชาธิปไตย แต่อ้างตนเป็น”คนดี” ชี้นิ้วให้คนอื่นที่คิดต่างเป็น”พรรคพวกของคนเลว”
มาจนวันนี้ประเทศชาติก็ยังหาทางออกจากการถูกทำลายโดยประชาชนส่วนหนึ่งที่อ้างว่าตนเองเป็นส่วนใหญ่ โดยใช้คำว่า หมู่มวลมหาประชาชน ไม่ได้ เพราะหลักการสำคัญของประชาธิปไตยได้ถูกทำลายสิ้นไปแล้ว ทั้ง
1.หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน (Popular Sovereignty) ที่วันนี้กลายเป็นอำนาจของคนกลุ่มเดียวที่แย่งชิงอำนาจประชาชนไปไว้กับตัวเอง แล้วจะถือว่านั้นคืออำนาจอธิปไตยได้อย่างไร
2.หลักเสรีภาพ (Liberty)คือ มีเสรีภาพด้านเดียว ที่ต้องสนับสนุนการกระทำของผู้ครองอำนาจไม่ว่ากรณีใดๆ ห้ามสงสัย ห้ามตรวจสอบ หรือแม้กระทั่งคิด คัดค้านอยู่ในใจก็คงทำไม่ได้ หากอีกฝ่ายสามารถเข้ามาควบคุมในสมองของผู้อื่น
3.หลักความเสมอภาค (Equality) ความเท่าเทียมกันตามกฎหมายหายไป เมื่อกฎหมายกลายเป็นเครื่องมือที่จะใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิดตลอด ส่วนอีกฝ่ายทำอะไรที่ร้ายแรงกว่าแค่ไหนก็ไม่ผิด
4.หลักกฎหมาย (Rule of Law) คงเป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดในโลกสังคมอารยะ เมื่อเป็นชาติประชาธิปไตยประเทศเดียว ที่มีผู้พิพากษาแห่งศาลสถิตยุติธรรม ออกมาทำการรับรองการกระทำนอกกฎหมายด้วยคำว่า “รัฐาธิปัตย์” โดยให้เหตุผลว่ามันเป็นประเพณีนิยมที่เคยเกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้มาก่อน
5.หลักเสียงข้างมาก (Majority Rules) ที่ใช้การนับเสียงโห่ร้องต่อต้านบนท้องถนน และนับจำนวนปืนกลรถถังที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดครอบครอง แทนที่จะนับการแสดงความเห็นของประชาชนผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง
หลักการประชาธิปไตยต่างๆเหล่านี้ ถูกทำลายด้วยคำๆเดียว คือ “อยาก”
และถูกทำลายเพราะคนบางคนนั้นไม่คิดถึงคำๆหนึ่ง คือ “ควร”
เพราะ”อยากได้อยากเป็น” แต่ติดขัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนตามระบบ จึงคิดและลงมือทำลายระบบ โดยไม่คำนึงถึงความ “ควรมีควรเป็น”
คำว่า อยาก ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า [หฺยาก] ก. ปรารถนา ประสงค์ ต้องการ ใคร่ เช่น อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากมีเงิน
คำว่า ควร ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายว่า [ควน] ว. เหมาะ ชอบ ถูกต้อง เช่น กินแต่พอควร , เห็นควรแล้ว เป็นคําช่วยกริยาในความคล้อยตาม เช่น ควรทํา ควรกิน.
ทั้ง 5 หลักการประชาธิปไตยจะไม่ถูกทำลายถ้าใครบางคนใช้คำว่า ควร แทนคำว่า อยาก เพราะสิ่งที่ เหมาะ ชอบ ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ “ควร”สำหรับประเทศชาติ มิใช่ใช้ ปรารถนา ต้องการ ความใคร่ของใครบางคน มากำหนดชี้นำชะตากรรมของคนส่วนรวมภายในประเทศ
ท่านผู้ที่เข้ามาอ่าน คงเคยเห็นกระบวนการยุติธรรมเปิดพจนานุกรมอาคำว่า “ลูกจ้าง” มาตัดสินคดีกันมาแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่ผมจะใช้การเปิดพจนานุกรมมาแสดงความเห็นทางการเมืองบ้าง ใช่ไหมครับ
ขอบคุณครับ
นายพระรอง